บทที่ 115 จุดประสงค์ของไป๋เสวี่ยหลี่

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠)

บทที่ 115
จุดประสงค์ของไป๋เสวี่ยหลี่

เมื่อชางกวนโม่มาถึงโรงพยาบาล เขาเห็นมู่หรงเสวี่ยนั่งอยู่ที่เก้าอี้หน้าห้องฉุกเฉิน ก้มหัวเล็กน้อยจึงมองเห็นหน้าเธอไม่ชัด แม้แต่ตอนที่เขาเดินเข้าไปหาเธอ เธอก็ยังไม่ตอบสนอง ดูเหมือนกับว่าเธอกำลังจมอยู่กับความคิดของตัวเองซึ่งทำให้เป็นไปไม่ได้เลยที่ใครจะรู้ว่าเธอกำลังคิดเรื่องอะไร

“มู่หรงเสวี่ย เกิดอะไรขึ้น?” ชางกวนโม่เพราะเขาวิ่งมา เสียงจึงยังหอบอยู่

มู่หรงเสวี่ยเงยหน้าขึ้น สีหน้าซีดเผยสะท้อนในดวงตาของชางกวนโม่ หัวใจเขาแวบความเจ็บปวดขึ้นมา

“เสวี่ยหลี่ เธอกรีดข้อมือตัวเอง…” เธอพูดอย่างอ่อนแรง ก่อนหน้านี้เธอช่วยรักษาเธอแล้วและมั่นใจว่าไม่มีอันตรายใดๆ
“อะไรนะ?! ทำไมล่ะ?” ชางกวนโม่ถาม ตอนที่มู่หรงเสวี่ยโทรไปเธอไม่ได้พูดชัดเจน เขาจึงคิดว่าเป็นมู่หรงเสวี่ยเองที่ไม่สบาย

มู่หรงเสวี่ยถอนหายใจแล้วพูดออกไปว่า “คืนนี้เสวี่ยหลี่เรียกฉันออกมาคุย เธอขอให้ฉันทิ้งคุณ…” มู่หรงเสวี่ยเงยหน้ามองชางกวนโม่

“ไม่นะ!” ชางกวนโม่พูดอย่างเป็นกังวล “เธอตอบไปว่าไง…”

“แน่นอน ฉันไม่ได้สัญญาอะไรแต่เธอบอกว่าเธออยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีคุณ ก็เลยเกิดเรื่องแบบนี้…”

ชางกวนโม่ทรุดลงกับเก้าอี้พร้อมความรู้สึกผิดที่หนักอึ้ง “ทำไมเธอไม่ห้าม…”

“คิดว่าฉันไม่อยากจะห้ามงั้นเหรอ?! ฉัน…นี่คุณกำลังโทษฉันงั้นเหรอ?” รู้สึกเจ็บปวดในหัวใจ ในตอนนี้ความรู้สึกของพวกเขาเปราะบางมาก อะไรเล็กน้อยสามารถนำไปสู่รอยแยกได้
มู่หรงเสวี่ยยังตกใจกับการกระทำของไป๋เสวี่ยหลี่อยู่ เธอจะมาตายเพราะเหตุผลแค่นี้ได้ยังไง เธอเองก็เคยกรีดข้อมือตัวเอง ครั้งแรกเธอรู้สึกสิ้นหวังแต่ของไป๋เสวี่ยหลี่เป็นเพราะความรัก…เมื่อเย็นนี้ คำพูดของไป๋เสวี่ยหลี่ถูกต้องอย่างมากและคำถามของเธอก็ยังก้องอยู่ในใจของเธอ ความรักของเธอดูเหมือนจะหนักอึ้งมากกว่าของเธอ

เธอรู้สึกตกใจอย่างมากและนี่เป็นครั้งแรกที่เธอเริ่มจะสงสัยความรู้สึกของตัวเอง

“ฉันจะโทษเธอได้ยังไง ฉันโทษตัวเอง…” ชางกวนโม่ไม่เคยรู้สึกไร้อำนาจเท่าตอนนี้มาก่อน ไม่ว่าเขาจะทำอะไร เขาก็หาหนทางที่ถูกต้องไม่ได้เลย

พวกเขาเงียบไปพร้อมๆกันจนกระทั่งประตูห้องผ่าตัดเปิดออก หมอเดินออกมาและถาม “ใครคือญาติของไป๋เสวี่ยหลี่ครับ?”

“ผมครับ อาการเธอเป็นยังไงบ้าง?”
หมอพูดแผ่วเบา “โชคดีที่เธอได้รับการรักษาก่อนที่จะมาถึงที่นี่แล้ว ไม่รู้ว่าเป็นหมอคนไหนถึงรักษาได้ดีแบบนี้ แผลไม่ลึกเท่าไร นอกจากนี้เลือดก็หยุดไหลได้ทันเวลา ตอนนี้คนไข้เลยไม่มีปัญหาอะไรแล้วเดี๋ยวก็ฟื้นแล้ว”

“ครับ ขอบคุณนะครับหมอ!” ในที่สุดชางกวนโม่ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก อันที่จริงเขารู้อยู่แล้วว่าคงไม่เป็นปัญหาใหญ่เพราะเสี่ยวเสวี่ยอยู่ในเหตุการณ์ด้วย แต่เขาคงจะโล่งอกมากกว่านี้หลังจากที่ได้ยินหมอพูด

หลังจากนั้นพวกเขาก็เข้าไปในห้องของไป๋เสวี่ยหลี่ที่ยังหลับอยู่ บรรยากาศเงียบสงบทำให้มู่หรงเสวี่ยรู้สึกซึมนิดหน่อย ชางกวนโม่นั่งลงที่ข้างเตียงเงียบๆ ไม่รู้ว่าจะคิดอะไร?! หรือบางทีเขาอาจจะไม่ได้คิดอะไรเลย

มู่หรงเสวี่ยมองไปที่สีหน้าเหนื่อยของเขา รู้สึกปวดใจเล็กน้อยและรู้สึกเปล่าประโยชน์ เกลียดที่รู้ว่าช่วยอะไรเขาไม่ได้ ความรู้สึกของไป๋เสวี่ยหลี่คืนนี้รุนแรงมากจนเธอกลัวว่าตัวเองคงจะลืมไม่ได้ง่ายๆ แต่เมื่อนึกถึงเรื่องที่ไป๋เสวี่ยหลี่ขอให้เลิกกับชางกวนโม่ก็เหมือนดั่งมีดกรีด บางทีเธออาจจะไม่ระวังเท่า ไป๋เสวี่ย หลี่แต่ความรู้สึกของเธอที่มีต่อพี่โม่ก็ไม่น้อยไปกว่าเธอเลย

สำหรับเธอชางกวนโม่เป็นสายรุ้งเดียวในโลกที่วุ่นวายนี้ ถ้าเขาหายไปโลกก็จะยังอยู่แต่จะกลายเป็นโลกสีเทา บางทีหลังจากนั้นไม่นานเธอจะไม่กล้าเติมสีเทา เพราะความเจ็บปวดที่ถูกดึงสีออกไปจะทำให้ชีวิตแย่กว่าการตาย

ไม่รู้เวลาผ่านไปนานแค่ไหน ดวงตาของไป๋เสี่ยหลี่ค่อยๆสั่นเล็กน้อย แล้วจึงค่อยๆลืมขึ้นอย่างช้าๆ ชางกวนโม่รีบวิ่งเข้าไป “เสวี่ยหลี่เป็นยังไงบ้าง?! รู้สึกเจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”

มู่หรงเสวี่ยเองก็เดินเข้าไปด้วย อย่างไรก็ตาม ไป๋เสวี่ยหลี่เบิกตากว้างด้วยความกลัวหลังจากที่เห็นเธอ เธอเอาแต่ถอยห่างราวกับว่าเธอเป็นปีศาจ นิ้วของเธอเองก้ชี้ตรงมาที่มู่หรงเสวี่ย “เธอ…เธอเป็นปีศาจ…อย่า…ปล่อยฉันไป…อ่า…”

ชางกวนโม่ถามและพยายามที่จะหยุดมือที่กวัดแกว่งของเธอ มือของเธอยังมีเข็มน้ำเกลือทิ่มอยู่ ดังนั้นเธอจะทำตัวเองเจ็บได้ง่ายๆ “เป็นอะไรไป เสวี่ยหลี่?”
มู่หรงเสวี่ยเองก็ตัวแข็งนิ่ง เธอไม่เข้าใจว่าทำไม ไป๋เสวี่ย หลี่ถึงมองเธอแบบนี้ เธอไม่ได้ทำอะไรเลยนะ

ไป๋เสวี่ยหลี่ตัวสั่นจับที่แขนของชางกวนโม่ “พี่โม่…ไล่เธอไป…เธอน่ากลัวมาก…เธอมันปีศาจ…”

ชางกวนโม่ตบหลังเธอเบาๆและขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่า ไป๋เสวี่ยหลี่ตกใจมาก เขามองไปที่มู่หรงเสวี่ยด้วยความสงสัยและถามด้วยสายตาว่าเกิดอะไรขึ้น?!

มู่หรงเสวี่ยงงมากกว่าเขาอีก มีเพียงพระเจ้าที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอส่ายหน้า

“พี่โม่ ไล่เธอไป เร็วเข้าสิ!” ไป๋เสวี่ยหลี่เริ่มที่จะดิ้นอีกแล้ว
ชางกวนโม่พึมพำออกมาอย่างจนปัญญา “เสวี่ยหลี่ เธอเป็นอะไร? นั่นเสี่ยวเสวี่ยนะ…”

ไป๋เสวี่ยหลี่จับแขนเสื้อชางกวนโม่ด้วยความตื่นตระหนก สายตาของเธอดูหวาดกลัวและก็เอาแต่ตัวสั่น “พี่โม่ เธอมันปีศาจ เธอจะฆ่าฉัน…พี่โม่รีบไล่เธอออกไปเร็ว…ฉันกลัว…” สีหน้าเธอซีดเผือดและดูเหมือนว่ากลัวจริงๆ

เพราะท่าทางตอนนี้ของไป๋เสวี่ยหลี่ทำให้แม้แต่ชางกวนโม่เองก็มองอย่างสงสัยมาที่มู่หรงเสวี่ย “เสี่ยวเสวี่ย…คืนนี้มันเกิดอะไรขึ้น…”

ดวงตาที่สงสัยของเขาทำให้หัวใจเธอสั่น พร้อมทั้งมองอย่างไม่อยากจะเชื่อกลับไปที่เขา “คุณสงสัยฉันงั้นเหรอ…”

“ฉันเปล่า…” แต่ไป๋เสวี่ยหลี่ท่าทางเหมือนกำลังจะทรุด “เสี่ยวเสวี่ย เธอกลับไปก่อนนะ…” อย่างน้อยก็รอให้ไป๋เสวี่ยหลี่คงที่ก่อน

มู่หรงเสวี่ยกัดริมฝีปากและกลั้นน้ำตาที่กำลังจะไหลออกมาจากตาเอาไว้พร้อมทั้งวิ่งออกมา แม้แต่เขาเองก็สงสัยเธอด้วย เขาทำแบบนั้นได้ยังไง

อย่างที่คิดไว้เลย ไป๋เสวี่ยหลี่สำคัญต่อหัวใจเขาจริงๆ ถ้าไม่แล้วเขาจะเชื่อไป๋เสวี่ยหลี่ทันทีที่พูดออกมาได้ยังไง เธอรู้ว่าทำไมตัวเองถึงตื่นตระหนกตลอด แม้ว่าชางกวนโม่จะบอกว่าเขารักเธอและถึงขนาดพูดซ้ำไปซ้ำมาว่าเขาอยู่โดยไม่มีเธอไม่ได้แต่เธอก็ยังรู้สึกไม่มั่นใจอยู่ดี

เธอรู้สึกว่าทุกครั้งเมื่อเป็นเรื่องของไป๋เสวี่ยหลี่ จะต้องมีข้อขัดแย้งระหว่างพวกเขาเกิดขึ้นเสมอ นี่มันหมายความว่ายังไง? เธอไม่อยากจะคิดถึงคำตอบด้วยซ้ำ ความรู้สึกที่ไม่สบายใจของเมื่อวานตอนนี้มันกลับยิ่งแย่ขึ้นไปอีก

ตอนที่มู่หรงเสวี่ยวิ่งออกมา ชางกวนโม่เกือบที่จะวิ่งตามเธอออกมาด้วยแล้ว แต่ไป๋เสวี่ยหลี่จับมือเขาไว้แน่นและเขาจะทิ้งเสวี่ยหลี่ไปแบบนั้นไม่ได้ด้วย

หลังจากเวลาผ่านไปนาน ในที่สุดไป๋เสวี่ยหลี่ก็สงบขึ้นมากและกลับขึ้นไปอยู่ที่เตียง “พี่โม่…”

ชางกวนโม่นวดหน้าผาก พูดตามตรง เขาไม่เชื่อว่า มู่หรงเสวี่ยจะทำเรื่องแบบนั้นได้ แต่ท่าทางของไป๋เสวี่ยหลี่ดูจริงอย่างมาก ถ้าเธอไม่ได้ถูกกระตุ้นอย่างมาก เขาก็นึกไม่ออกเลยว่าทำไมเธอถึงเป็นแบบนั้นได้ ตั้งแต่ที่เธอยังเด็ก ไป๋เสวี่ยหลี่จะอ่อนโยนและบริสุทธิ์ และขนาดมดเธอยังไม่กล้าที่จะทำร้ายเลย

“คืนนี้เกิดอะไรขึ้นกับเธอ?” เขาถามเสียงห้าว
สีหน้าของไป๋เสวี่ยหลี่เปลี่ยนเป็นซีดอีกครั้งทันทีและริมฝีปากก้ถึงขนาดสั่นเทิ้มด้วย “คืนนี้ฉันขอให้เสี่ยวเสวี่ยออกมา…” แน่นอน เธอจะต้องบอกความจริงเผื่อจะมีหลักฐานอะไร

“แล้วยังไง?” ชางกวนโม่ถาม
“ฉันคุยกับเธอมากมาย เกี่ยวกับเรื่องวัยเด็กของเราแล้ว…” พอพูดมาถึงตรงนี้เธอก็เงียบ ราวกับว่าไม่อยากที่จะเล่า

“แล้วอะไรต่อ?”
“แล้วฉันก็ขอให้เธอทิ้งพี่โม่…”
ทันใดนั้นชางกวนโม่ก็ลุกขึ้น “เสวี่ยหลี่ พี่คิดว่าพูดกับเธอชัดเจนแล้วนะ…”

ไป๋เสวี่ยหลี่น้ำตาร่วง “ฉันรู้ว่าพี่โม่รักเธอ…แต่พี่รู้หรือเปล่าว่ามู่หรงเสวี่ยเป็นผู้หญิงแบบไหน? ฉันถามเธอว่าถึงแม้เธอจะไม่ได้คบกับพี่โม่แต่เธอก็มีผู้ชายอื่นมากมาย ทำไมต้องมาขโมยคนที่ฉันรักด้วย? ฉันมีเพียงพี่โม่ แต่มู่หรงเสวี่ยก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไรซึ่งทำให้เห็นแล้วว่าพี่โม่ไม่ได้สำคัญอะไรกับเธอเลย…”

“พูดจาไร้สาระ พี่ไม่เชื่อหรอก…” ชางกวนโม่หน้าซีด เขาลืมภาพที่มู่หรงเสวี่ยจับมือกับชูอี้เสิ่นไม่ได้ซึ่งเหมือนหนามทิ่มแทงเขาเมื่อไป๋เสวี่ยหลี่พูดขึ้นมา

“พี่โม่…ทำไมพี่ถึงโง่ขนาดนี้…ผู้หญิงแบบนี้ไม่คู่ควรหรอก…พี่โม่ พี่รู้ไหมว่าฉันกลัวมากแค่ไหน? ต่อมาฉันโกรธก็เลยด่าเธอไป ฉันแค่อยากจะพูดแทนพี่โม่…แต่ไม่คิดว่า…เธอจะ…” พอพูดมาถึงตรงนี้ไป๋เสวี่ยหลี่กอดผ้าห่มด้วยความกลัวและสีหน้าของเธอก็ซีดเป็นกระดาษ

“เธอทำไม…” เสี่ยวเสวี่ยทำอะไรถึงทำให้เธอกลัวขนาดนี้
“พี่โม่ ฉันกลัวมาก…ฉันเกือบจะไม่ได้เห็นหน้าพี่แล้ว…” ทันใดนั้นเธอก็กอดชางกวนโม่

ชางกวนโม่ตบที่หลังเธอ “ไม่ต้องกลัว เกิดอะไรขึ้น…”
“พี่โม่ เธอพยายามที่จะฆ่าฉัน ฉันเห็นสีหน้าระรานของเธอแล้วก็ทุบแก้วที่ตั้งโชว์อยู่บนโต๊ะ…ฉันรีบถอยด้วยความกลัว…ฉันอยากจะวิ่งหนีแต่ไม่คิดว่าเธอจะจับฉันได้…เธอกรีดข้อมือฉันอย่างแรง เลือดไหลออกมามากมายทันทีจนสุดท้ายฉันก็สลบไป…ในตอนนั้น ฉันเสียใจว่าจะไม่ได้เจอพี่โม่อีก…โชคดีที่พระเจ้ายังเข้าข้างฉันอยู่ถึงทำให้ฉันฟื้นขึ้นมาได้อีก…”

“ไม่มีทาง ถ้าเสี่ยวเสวี่ยอยากจะฆ่าเธอ แล้วทำไมต้องช่วยเธอด้วย…”

ไป๋เสวี่ยหลี่ร้องไห้แล้วพูดว่า “ฉันไม่รู้…แต่มีหลายคนที่เห็นเหตุการณ์แล้ววิ่งเข้ามาดู…บางทีเธออาจจะกลัวว่าเรื่องนี้จะถูกเปิดเผยก็ได้…”