ตอนที่ 268 ซือเหยี่ยนถูกยิง / ตอนที่ 269 ช่วยชีวิตให้พ้นขีดอันตราย

(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์

ตอนที่ 268 ซือเหยี่ยนถูกยิง

 

 

           บรรยากาศลุ้นระทึกขึ้นมาชั่วพริบตา นอกจากเสียงเหยียบกิ่งไม้หัก บางครั้งก็มีเสียงนกร้องยามบินผ่าน

 

 

           ซูเตอร์กำปืนในมือแน่นโดยไม่ตั้งใจ

 

 

           คนกลุ่มนั้นกระจายกำลังกันค้นหาอย่างไม่หยุดหย่อน ยิ่งใกล้พวกเขาเข้ามาเรื่อยๆ

 

 

           พวกเขาเดินไปข้างหน้าอีกสองก้าว ซือเหยี่ยนนัยน์ตาประกายมองซูเตอร์ปราดเดียวโดยฉับพลัน

 

 

           ซูเตอร์รับสารของซือเหยี่ยนมา ก็รีบเล็งเป้าไปยังคนที่อยู่ด้านข้าง แล้วเหนี่ยวไกปืนใส่ทันที

 

 

           เสียงปืนสองนัดดังขึ้นขณะเดียวกัน

 

 

           สองฝั่งซ้ายขวาแต่ละคนหวีดร้องอย่างทรมานล้มลงไปทันที

 

 

           พวกซือเหยี่ยนจัดการไปแล้วสองคนโดยราบรื่น แต่ขณะเดียวกันก็เป็นการเผยให้รู้ถึงตำแหน่งของตัวเองไปด้วย

 

 

           พวกที่เหลือเห็นสถานการณ์แล้วก็กราดยิงราวกับคนเสียสติ ซือเหยี่ยนกระโดดหลบกระสุนไปด้านข้าง

 

 

           ฉวยโอกาสตอนที่พวกเขายิงปืน ยิงเข้าไปอีกสองนัด

 

 

           เสียงหวีดร้องด้วยความเจ็บปวดดังขึ้นมาอีกระลอกหนึ่ง

 

 

           ห่ากระสุนทางฝั่งซูเตอร์หนักหน่วงมาก ยังพาตัวเองออกมาไม่ได้ชั่วขณะ ทำได้เพียงหลบซ่อนไปก่อน

 

 

           ปัง! ปัง! ซือเหยี่ยนยิงปืนอีกสองนัดก็จัดการไปได้อีกคน

 

 

           ตอนนี้ทั้งสองฝั่งเหลือเพียงแค่สองคน ซือเหยี่ยนมองดูปืนในมือ ปืนในมือเขาตอนนี้เหลือกระสุนแค่เพียงนัดเดียวเท่านั้น

 

 

           ถ้าใช้ไม้แข็งก็หาประโยชน์ไม่ได้เลย

 

 

           สองคนที่เหลือราวกับคนคลั่งอย่างไรอย่างนั้น ยิงปืนไม่หยุด เพียงพริบตากระสุนสาดมั่วไปทั่วบริเวณ

 

 

           กระสุนกระทบบนต้นไม้และลงในดิน เศษไม้และฝุ่นละอองลอยตลบฟุ้งกระจาย มีบางส่วนสาดกระเด็นโดนใบหน้าของทั้งสองคน

 

 

           ซูเตอร์โดนโจมตีจนลงมือตอบโต้ไม่ได้ ทำได้เพียงหลบหนีไปทุกมุมไม่ให้โดนยิง ระหว่างหลบหนีอย่างสับสนอลหม่าน ก็ไม่ได้ระวังสังเกตเห็นว่ามีคนเดินมาทางเขา

 

 

           ตาเห็น ปากกระบอกปืนก็ต้องการจะเล็งมาที่เขา ซือเหยี่ยนรีบเล็งยิงไปยังตำแหน่งมือของคนคนนั้นทันที

 

 

           “อ๊ากกก” เสียงหวีดร้องด้วยความเจ็บปวด ปืนร่วงหล่นลงพื้น ซือเหยี่ยนฉวยโอกาสนี้ดึงซูเตอร์มาอยู่ข้างหลังเขา

 

 

           “คุณอยู่ติดผมไว้” เขาเอ่ยกำชับ

 

 

           ซูเตอร์มองแผ่นหลังของซือเหยี่ยน แววตาฉาบรอยยิ้มขึ้นมาวาบหนึ่ง ซือเหยี่ยนยังเหมือนเมื่อก่อนไม่มีผิดจริงๆ ขอเพียงแต่เขาประสบอันตรายคราใด ซือเหยี่ยนก็จะสามารถปกป้องตัวเขาเสมอ

 

 

           “วางใจได้ ฉันรับรองจะไม่เป็นภาระนาย”

 

 

           ซือเหยี่ยนเอาปืนสั้นที่หมดกระสุนแล้วทุบออกไปฟาดเข้ากับข้อมือของคนที่ถือปืนคนสุดท้ายนั้น

 

 

           เขาเจ็บปวดทันที ปืนในมือหลุดร่วงลง

 

 

           ขณะนี้ระหว่างพวกเขาต่างฝ่ายต่างไม่มีปืนกันแล้ว ซือเหยี่ยนฉวยโอกาสโถมเข้าโจมตีระยะประชิด

 

 

           สมัยนั้นที่ซือเหยี่ยนอยู่ที่โรงเรียนฝึกตำรวจ ฝีมือศิลปะการต่อสู้คราฟมากา[1]ของเขาติดอันดับต้นๆ นอกจากเจียงมู่เฉินในตอนนั้น คนที่สู้ชนะเขาก็ไม่มีเป็นสอง

 

 

ท่าทางของเขารวดเร็วดุดัน คล่องแคล่วและตรงจุด ไม่ชักช้ายืดยาดแม้แต่น้อย

 

 

เขาล็อกมือคนคนนั้นไว้แล้วจับพลิกหมุนกลับมาหักข้อมืออย่างไม่รอรี คนคนนั้นแผดเสียงด้วยความทรมาน แต่กลับยังไม่ลืมจะลงมือต่อไป

 

 

ซือเหยี่ยนสัมผัสได้ถึงลมระลอกหนึ่งบริเวณขา เขาเบี่ยงขาข้างหนึ่งถอยหลังหลบ จากนั้นก็วาดขาเตะฟาดคนคนนั้นจนร่วงลงพื้น

 

 

หลังจากจัดการคนทั้งหมดแล้ว เขาถึงให้ซูเตอร์ออกมา “ไปกันเถอะ พวกเรากลับไปก่อน”

 

 

ซูเตอร์เห็นคนอีกสองคนที่ยังไม่ตายสนิท จึงเอ่ยถามขึ้น “จะทำยังไงกับสองคนนี้”

 

 

“พวกเขาลุกขึ้นมาทำอะไรไม่ไหวแล้ว ก็ปล่อยพวกเขาไว้ที่นี่เถอะ”

 

 

ทั้งสองคนกำลังจะเตรียมตัวออกไป ไม่ได้รู้ตัวว่าคนที่โดนกระบอกปืนฟาดข้อมือคนนั้นจู่ๆ จะขยับเขยื้อนร่างกาย

 

 

ปากกระบอกปืนสีดำทมิฬเล็งเป้ามาที่ซือเหยี่ยน

 

 

……

 

 

ซือเหยี่ยนกักเสียงคำรามในลำคอ ทั้งร่างโซเซ

 

 

ซูเตอร์รีบเข้าไปประคองเขาไว้ “เหยี่ยน นายเป็นไรไป”

 

 

ซือเหยี่ยนต้องกัดฟันเอ่ยเสียงต่ำ “กลับกันก่อน เร็วเข้า”

 

 

ทั้งสองคนกลับลงภูเขาไป ก่อนจะเข้าในรถ ซือเหยี่ยนพูดกับซูเตอร์ “คุณขับรถที”

 

 

ซูเตอร์พยักหน้า รีบวิ่งไปขึ้นฝั่งคนขับ รอซือเหยี่ยนเข้ามานั่งเรียบร้อยแล้ว ก็ขับรถออกไปทันที

 

 

ระหว่างทาง ซูเตอร์เอียงหัวมองซือเหยี่ยนไม่หยุด “เหยี่ยน นายไม่เป็นไรใช่ไหม”

 

 

เหงื่อผุดท่วมหน้าผากของซือเหยี่ยน สีหน้าซีดเซียว “ไม่เป็นไร ไม่ตายหรอก”               

 

 

           

 

 

[1] คราฟมากา (Krav Maga) เป็นศิลปะการต่อสู้ประชิดตัวของหน่วยจู่โจมของกองทัพอิสราเอล ได้รับการออกแบบเป็นพิเศษเพื่อฝึกให้เราสามารถปลดอาวุธและหยุดการโจมตีของฝ่ายตรงข้าม อย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นได้

 

 

 

 

ตอนที่ 269 ช่วยชีวิตให้พ้นขีดอันตราย

 

 

           อุ้งมือซูเตอร์ตื่นตระหนกจนมีเหงื่อผุดขึ้นมาชั้นหนึ่ง เขาเหยียบคันเร่งเพิ่มความเร็ว กลัวซือเหยี่ยนจะเกิดเรื่อง

 

 

           ซือเหยี่ยนพยายามอดทนประคองสติไว้ จนกระทั่งหลังจากเห็นประตูของแก๊งมังกรครามแล้ว ถึงได้ปล่อยตัวจนหมดสติไป

 

 

           ซูเตอร์ละเท้าออกจากคันเร่ง พุ่งตัวไปประคองซือเหยี่ยนออกมา ตะโกนเรียกเสียงดัง “พวกแก รีบมาเร็วเข้า”

 

 

           คนกลุ่มหนึ่งกรูกันเข้ามา รีบหามซือเหยี่ยนเข้าไป

 

 

           ซือเหยี่ยนร่างโชกเลือด เรย์มอนเห็นก็ตกตะลึงรีบเอ่ยถาม “เจ้าเตอร์ พวกนายเกิดเรื่องอะไรกันขึ้น”

 

 

           ซูเตอร์ดึงตัวเรย์มอนมาอย่างลุกลี้ลุกลน “อาเรย์ อาอย่าเพิ่งถามเลยครับ รีบชีวิตเขาก่อน”

 

 

           เรย์มอนรีบส่งตัวคนเข้าไปในห้อง แล้วเรียกหมอสองสามคนเข้ามา

 

 

           ซือเหยี่ยนโดนยิงเข้าที่บ่า ถึงแม้ว่าบาดแผลจะไม่ได้ร้ายแรง แต่เสียเลือดเยอะเกินไป สถานการณ์ยังวางใจไม่ได้

 

 

           ยังต้องช่วยให้พ้นขีดอันตรายโดยเร่งด่วน

 

 

           ซูเตอร์ยืนอยู่หน้าประตู เดินไปเดินมาอย่างร้อนใจ “เป็นเพราะผมเอง ถ้าผมเอาลูกน้องไปด้วยอีกสักสองสามคน ซือเหยี่ยนก็จะได้ไม่ต้องมาบาดเจ็บแล้ว”

 

 

           เรย์มอนมองดูซูเตอร์แล้วอดจะถามขึ้นมาไม่ได้ “มีคนมุ่งร้ายพวกนาย?”

 

 

           ซูเตอร์เล่าเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นตอนนั้นให้เรย์มอนฟังรอบหนึ่ง เรย์มอนขมวดคิ้ว “คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะกล้าทำกันถึงขนาดนี้”

 

 

           “อาเรย์ อาว่าซือเหยี่ยนจะเป็นอะไรไปหรือเปล่า”

 

 

           เรย์มอนปลอบใจซูเตอร์ “วางใจเถอะ คุณซือเป็นคนดีพระคุ้มครอง ไม่เป็นอะไรไปได้หรอก”

 

 

           ซูเตอร์กำมือแน่น เดินไปเดินมาด้วยความไม่วางใจ

 

 

           จนกระทั่งประตูห้องนอนถูกเปิดออก หมอเดินออกมา “คุณชายวางใจได้ คุณซือพ้นขีดอันตรายแล้วครับ”

 

 

           ทันทีที่ซูเตอร์ได้ยินก็พุ่งตัวเข้าไปทันที

 

 

           หมอมองเรย์มอนแวบหนึ่ง เรย์มอนพยักหน้าให้ หมอถึงได้ปลีกตัวออกมา

 

 

           หลังจากเขาออกไป เรย์มอนเข้าห้องนอนไป มองดูซือเหยี่ยนที่นอนอยู่บนเตียง ความระแวงในแววตาลดลงไปนิดหนึ่งแล้ว

 

 

           ……

 

 

           เรื่องที่จี้ฉิงดาราสาวคนดังกับเจียงมู่เฉินคบกันอย่างคลุมเครือถูกยกให้ประเด็นร้อนที่สุดในขณะนี้ ทั้งถานโจวถกเรื่องนี้กันอย่างหนาหูว่าสรุปแล้วระหว่างพวกเขาเป็นจริงตามที่ในโลกออนไลน์ว่ากันแบบนั้นหรือเปล่า

 

 

           ไม่เพียงแต่คนนอกที่ให้ความสนใจ แม้กระทั่งคุณแม่เจียงก็เรื่องนี้ไม่แพ้กัน

 

 

           เจียงมู่เฉินเปลี่ยนเสื้อผ้าหิ้วกระเป๋าเดินทางลงมาชั้นล่าง คุณแม่เจียงเห็นเขาก็รีบเดินเข้าไปหา “เจ้าลูกชาย นี่ลูกจะไปไหน”

 

 

           “แม่ครับ ผมจะไปดูงานที่อเมริกาครับ”

 

 

           คุณแม่เจียงพยักหน้า ลังเลใจอยู่สักพัก ยื่นมือไปดังเสื้อเจียงมู่เฉินเอาไว้ “ลูก แม่มีเรื่องจะถาม”

 

 

           “แม่อยากจะถามเรื่องผมกับจี้ฉิงใช่ไหม” นอกจากเรื่องนี้ก็คงจะไม่มีเรื่องอื่น ที่จะทำให้แม่เขาถามอย่างร้อนใจขนาดนี้ได้

 

 

           “ลูกรำคาญว่าแม่ปากมากเลยนะ แม่ก็แค่อยากถามสักหน่อย ว่าลูกกับจี้ฉิงคนนี้เป็นอย่างที่ในโลกออนไลน์ว่าแบบนั้นหรือเปล่า”

 

 

           เจียงมู่เฉินมองเธอ “แม่ แม่อยากให้ผมหาแฟนผู้หญิงสักคนไม่ใช่เหรอครับ”

 

 

           คุณแม่เจียงสบสายตาคู่นี้ที่เจือความเย็นชาของเจียงมู่เฉิน นิ้วมือก็อดจะสั่นเทาขึ้นมาไม่ได้

 

 

           “ผมเพียงแค่ทำตามที่แม่หวังก็เท่านั้น” เขาดึงมือคุณแม่เจียงออก “จี้ฉิงมาถึงแล้ว ผมขอตัวไปสนามบินก่อนนะครับ”

 

 

           พูดจบเจียงมู่เฉินก็ลากกระเป๋าเดินทางออกจากคฤหาสน์ตระกูลเจียงไป

 

 

           คุณแม่เจียงมองดูเจียงมู่เฉินค่อยๆ เดินจากลับไปไกลอย่างช้าๆ อดจะกำมือแน่นไม่ได้ ความไม่สงบในใจเพิ่มขึ้นทีละนิดๆ

 

 

           รถของจี้ฉิงจอดอยู่หน้าประตูทางเข้าคฤหาสน์ตระกูลเจียง เมื่อเห็นเจียงมู่เฉินก็รีบเปิดประตูลงมาทันที “เป็นไงบ้าง มารับคุณด้วยตัวเองดูซื่อสัตย์พออยู่ใช่ไหม”

 

 

           เจียงมู่เฉินเอากระเป๋าเดินทางใส่ที่เก็บของหลังรถ แล้วมาเปิดประตูเข้าไปนั่งที่นั่งข้างคนขับ “ซื่อสัตย์พอ”

 

 

           จี้ฉิงขับรถมุ่งหน้าไปสนามบินอย่างช้าๆ เจียงมู่เฉินนั่งพิงหรี่ตาลงเล็กน้อย

 

 

           รถสปอร์ตคันสีขาวขับไปอย่างช้ามากถึงมากที่สุด เจียงมู่เฉินถอนหายใจ “คุณดาราใหญ่จี้ รถคันนี้ของเธอยังขับได้ช้ากว่านี้อีกไหม”

 

 

           จี้ฉิงไม่ยอมแล้ว “แต่ก่อนจะเข้าออกก็มีคนมารับมาส่งตลอด ไม่จำเป็นต้องให้ฉันขับรถ วันนี้ฉันตั้งใจขับรถมาส่งคุณเป็นพิเศษ คุณยังมาบ่นว่าฉันขับรถช้าอีก”