ตอนที่ 306 คิดจะฆ่าอีก / ตอนที่ 307 ไม่เข้าใจความรัก

หวนแค้นชะตารัก

ตอนที่ 306  คิดจะฆ่าอีก 

 

 

 

 

 

“ท่านพ่อ ยังจะลังเลอะไรอีก ปล่อยซูจิ่วซือไว้ไม่ได้แล้ว ตอนนี้ซูเหลียงอินมีความผิดถึงขั้นประหาร เราถือโอกาสฆ่าซูจิ่วซือ แล้วบอกว่านางเสียใจจนฆ่าตัวตาย อย่างนี้ก็เอาผิดเราไม่ได้” 

 

 

ซูฉีลูกชายคนที่สองของซูเหวินแนะ 

 

 

“นางเป็นองค์หญิงอันผิง ถ้าไม่ฆ่านาง พอถึงตอนนั้นถ้ากลับคำให้การ พวกเรา…” 

 

 

“องค์หญิงเป็นแค่ตำแหน่งลอยๆ นางเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอจะเก่งกาจแค่ไหน ท่านพ่อ อย่าลังเลอีกต่อไป ช่วงที่ผ่านมาจวนอันผิงโหวของเราเคยสงบหรือ 

 

 

ถ้าซูจิ่วซือไม่ตาย สักวันหนึ่งจวนอันผิงโหวของเราจะตกเป็นของซูเหิง หรือว่าท่านจะรอวันที่โดนไล่ออก  

 

 

เวลานี้ฮองเฮาจากไปแล้ว กุ้ยเฟยก็สนิทสนมกับซูจิ่วซือ คงช่วยซูจิ่วซือ พอถึงตอนนั้นถ้ากุ้ยเฟยทูลฟ้องฝ่าบาทเป็นการส่วนพระองค์ พวกเราคงตกที่นั่งลำบาก” 

 

 

ซูเหวินรู้ว่าซูฉีพูดมีเหตุผล ทุกคนรู้ดีว่าพระสนมที่เฟิ่งอวิ๋นหล่างทรงโปรดปรานที่สุดคือกู้ชิงเฉิง เมื่อก่อนตอนที่พระองค์ทรงเย็นชาต่อกู้ชิงเฉิง กู้เฝิ่นไต้ได้เป็นฮองเฮา สกุลกู้รุ่งเรืองมาก จวนอันผิงโหวก็พลอยมีเกียรติไปด้วย 

 

 

เวลานี้กู้เฝิ่นไต้ตายแล้ว กู้ชิงเฉิงกับพวกเขาไม่มีความสัมพันธ์ต่อกัน และยังใกล้ชิดกับซูจิ่วซือเป็นพิเศษ พอถึงตอนนั้นนางต้องอยู่ข้างซูจิ่วซือแน่ 

 

 

ถ้าเด็กคนนั้นเล่นเล่ห์สักหน่อย พวกเขาคงโดนไล่ออกจากจวนอันผิงโหว ซูเหิงเป็นลูกชายของซูหมิง การสืบทอดจวนอันผิงโหวเป็นเรื่องที่ยอมรับกัน ซูหมิงเป็นลูกเมียหลวง  

 

 

แต่ซูจิ่วซือมีเล่ห์เหลี่ยมมาก เขากลัวว่าคราวนี้คงฆ่าซูจิ่วซือไม่สำเร็จ แต่กลับทำให้ตนลำบาก เขาจึงไม่กล้าแตกหักกับซูจิ่วซือง่ายๆ 

 

 

พอเห็นว่าซูเหวินยังคิดใคร่ครวญอยู่ ซูฉีก็ร้อนใจ “ท่านพ่อ…” 

 

 

หลังจากลังเลหลายครั้ง ในที่สุดซูฉีก็ตัดสินใจเด็ดเดี่ยว ไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่ เมื่อถูกบีบมาถึงขั้นนี้แล้ว ก็ต้องลองดู 

 

 

“ก็ได้ เจ้าไปจัดกำลัง ต้องหาคนที่ไว้ใจได้” 

 

 

ซูฉีพยักหน้า “ท่านวางใจเถอะ เรื่องนี้ข้าจะจัดการให้เรียบร้อย ข้าจะแก้แค้นให้พี่ใหญ่กับท่านแม่และน้องสาว เสียดายที่ซูเหิงไม่ได้อยู่ที่จวนอันผิงโหว ไม่งั้นจะได้ฆ่าพร้อมกัน แต่ถ้าซูจิ่วซือตาย ซูเหิงก็ไม่มีที่พึ่งพิง การกำจัดซูเหิงก็เป็นเรื่องง่าย เขาไม่มีความสามารถอะไร” 

 

 

“ระวังให้ดี อย่าให้มีร่องรอยหลงเหลือ” 

 

 

ซูฉีพยักหน้า 

 

 

วันรุ่งขึ้นซูจิ่วซือไม่ได้เข้าวัง แต่อยู่ที่จวนอันผิงโหว ไม่คิดจะออกไปไหน ป้ายเว้นโทษประหารส่งไปถึงมือหวังเฉิงแล้ว พอถึงตอนนั้นให้หวังเฉิงเข้าวัง แม้กู้จื่อหยวนอยากห้ามก็ห้ามไม่ได้ 

 

 

นางหิ้วกาน้ำขนาดเล็กไปรดน้ำต้นไม้ที่ลานบ้าน ถือโอกาสรอฟังข่าวจากวัง ขณะที่กำลังรดต้นกุหลาบ จื่อหลานก็พากู้หลียวนเข้ามา 

 

 

ซูจิ่วซือวางกาน้ำลง หยิบกรรมกรรไกรมาตัดแต่งกิ่งกุหลาบ 

 

 

“จิ่วซือ เวลานี้เจ้ายังมีใจมาดูแลดอกไม้ เจ้าไม่เป็นห่วงเจ้าเด็กเหลียงอินหรือ” 

 

 

“เหลียงอินชอบดอกกุหลาบมากที่สุด ข้าช่วยเหลียงอินตัดแต่ง รอเหลียงอินกลับมา พอเห็นดอกกุหลาบคงจะดีใจ” 

 

 

“นี่แสดงว่าเจ้าส่งป้ายเว้นโทษประหารเข้าวังแล้ว” 

 

 

กู้หลียวนรู้เรื่องป้ายเว้นโทษประหาร ยืนพูดข้างซูจิ่วซือ  

 

 

ซูจิ่วซือพยักหน้า ใบหน้ามีรอยยิ้มจางๆ “หลังจากปิงปิงไปแล้ว เจ้าคิดถึงนางหรือไม่” 

 

 

“ข้าอยู่ของข้าดีๆ จะคิดถึงนางทำไม” กู้หลียวนปฏิเสธอย่างแข็งขัน ในใจกลับมีเสียงพูดขึ้น เขาเริ่มคิดถึงเผยปิงปิงขึ้นมาแล้ว ไม่รู้ว่าอาการบาดเจ็บของนางเป็นอย่างไรบ้าง 

 

 

หลังจากเผยไป๋ชวนพาพวกเขามาส่งถึงเมืองหลวงแล้วก็พาเผยปิงปิงกลับไป สถานการณ์เวลานี้ เขาคงไม่มีโอกาสพบเผยปิงปิงอีก 

 

 

 

 

 

—— 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 307 ไม่เข้าใจความรัก 

 

 

 

 

 

เขาประทับใจเผยปิงปิงจริงๆ แต่ยังไม่คิดจะแต่งงานกับนาง เขารู้ว่าเผยปิงปิงต้องการอะไร จึงไม่ได้พูดอะไรกับเผยปิงปิง นางไม่ใช่คนที่จะเป็นคนรู้ใจใกล้ชิด  

 

 

ซูจิ่วซือหัวเราะ “ปากแข็ง ถ้าชอบจริงๆ แต่งกับนางก็เป็นเรื่องดีไม่ใช่หรือ” 

 

 

“ข้ายังไม่ได้เตรียมตัวแต่งงาน ข้ากลัวจะทำให้ปิงปิงเสียใจ นางเป็นแม่นางที่ดี ข้าไม่อยากทำให้นางผิดหวัง” 

 

 

“ถ้ายังไม่ได้คิดให้ดี ก็อย่าทำให้แม่นางเสียเวลา หลียวน เจ้าต้องคิดให้ดี อย่าเสียดายภายหลัง ถ้าคิดจะแต่งงานก็เตรียมใจดูแลนางให้ดี อย่าเที่ยวไปยุ่งกับหญิงอื่นข้างนอกอีก” 

 

 

ซูจิ่วซือก้มตัวลงตัดแต่งต้นไม้ พลางพูดเตือนเบาๆ 

 

 

กู้หลียวนตะลึง จากนั้นก็หัวเราะร่า “แม่สาวน้อยทำตัวเป็นคนแก่ได้หรือ อย่าทำตัวเหมือนแม่ข้า แล้วเจ้าเองล่ะ เจ้าคิดถึงเฉินหรงหรือไม่ เขาพูดถึงเจ้าตลอดเวลา ถึงอยู่แคว้นเจียงก็ไม่มีวันยุ่งกับหญิงอื่น เรื่องนี้ข้ารับประกันได้” 

 

 

“ข้ารู้ว่าเขาเป็นคนอย่างไร” 

 

 

“แล้วเจ้าคิดถึงเขาหรือไม่” 

 

 

กู้หลียวนยังคงพูดคุย 

 

 

ซูจิ่วซือยืนตัวตรง ถลึงตาใสกู้หลียวน ลูกชายตัวดีคนนี้ มาต่อว่าแม่ของตัวเองอย่างนี้ 

 

 

ซูจิ่วซือกระแอมเบาๆ ไม่อยากพูดเรื่องนี้กับกู้หลียวนอีก พูดสีหน้าจริงจัง “หลียวน มีเรื่องหนึ่งที่ข้าอยากถาม” 

 

 

“ถามมาเลย!” 

 

 

กู้หลียวนนั่งลงบนม้าหินข้างๆ 

 

 

“ข้ากับซูเหมยต้องต่อสู้กันอย่างรุนแรง เจ้าดูอยู่เฉยๆ ได้หรือไม่” 

 

 

ซูจิ่วซือรู้ว่าซูเหมยเป็นแม่เลี้ยงของกู้หลียวน นางกลัวว่าพอถึงตอนนั้นกู้หลียวนจะเข้ามายุ่งเกี่ยว กู้หลียวนเป็นลูกชายของนาง นางไม่อยากให้เรื่องนี้มาทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างซูเหมยกับลูกชายแตกหัก สภาพอย่างนี้ไม่เป็นผลดีต่อนาง  

 

 

ถ้าเป็นอย่างนี้ นางก็ต้องคิดทบทวน แต่นางตัดสินใจแล้วว่า นางไม่มีวันปล่อยซูเหมย 

 

 

ไม่มีวันปล่อย ไม่มีวันให้อภัย ซูเหมยต้องตาย และนางจะฆ่าซูเหมยกับมือตัวเอง 

 

 

พอได้ยินซูจิ่วซือพูดอย่างนี้ กู้หลียวนก็ลดท่าทีผ่อนคลายลง บุญคุณความแค้นระหว่างซูจิ่วซือกับซูเหมย เขารับรู้มานานแล้ว ทั้งสองมาถึงขั้นที่ไม่อาจอยู่ร่วมโลกกันได้ 

 

 

”ข้าไม่ช่วยท่านแม่แน่” กู้หลียวนมองหน้าซูจิ่วซือ พูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ในโลกนี้ คนที่ใกล้ชิดกับข้าที่สุดก็คือชิงเฉิง” 

 

 

“ซูเหมยดูแลเจ้าดีหรือไม่” 

 

 

คำถามนี้ซูจิ่วซืออยากถามมานานแล้ว แต่ไม่ได้ถาม นางอยากรู้ว่าซูเหมยดูแลกู้หลียวนดีหรือไม่ อยากรู้ว่าเขาอยู่อย่างไรตลอดหลายปีที่ผ่านมา 

 

 

กู้หลียวนไม่เคยพูดเรื่องนี้กับใคร ไม่รู้ทำไมเขาไม่รู้สึกไม่พอใจซูจิ่วซือที่ถามอย่างนี้ เขาไม่ได้ตอบทันที ได้แต่มองไกลออกไปพร้อมกับครุ่นคิด 

 

 

“ข้ากำพร้าแม่ตอนสี่ขวบ ไม่มีภาพประทับของแม่ที่แท้จริง จะพูดถึงแม่ว่าอย่างไรดี 

 

 

จะว่าท่านแม่ไม่ดีกับข้าก็ไม่ได้ ชีวิตประจำวันนางดูแลข้า ไม่เคยเรียกร้องอะไรข้า  

 

 

ตอนเด็กข้าชอบเล่น เวลาอาจารย์มาสอนมักจะแอบหนีออกไป ท่านแม่ได้แต่ลืมตาข้างหนึ่งหลับตาข้างหนึ่ง พอท่านพ่อดุข้า นางก็ยังปกป้องข้า 

 

 

เวลานั้นข้าคิดว่าท่านแม่รักข้าอย่างจริงใจ และสนิทสนมกับนางมาก นับถือเป็นแม่ที่แท้จริง”