ตอนที่ 617

The Divine Nine Dragon Cauldron

“ท่านเจ้าพันธมิตร ช้าก่อนสิ!”

 

ผู้เฒ่าเฉินพูดขึ้นมา เขากับผู้เฒ่าหลายคนตกใจมากกับเรื่องที่เกิดขึ้น

 

“ท่านจะฟังความเอาข้างเดียวจากฟู่หงซื่อแล้วจับตัวฉีตงไล่กับอาจารย์หลินทันทีเลยรึ? สองคนนี้เป็นคนของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ก่อนที่จะเกิดการรุกรานเสียอีก พวกเขาลงแรงอย่างมากในการต่อสู้ครั้งใหญ่ในก้นบึ้งมังกรเมื่อหลายปีก่อน ทั้งคู่จะเป็นหนอนบ่อนไส้จากต่างโลกได้ยังไง? ท่าเจ้าพันธมิตร โปรดไตร่ตรองให้ดีก่อนเถิด ถ้าท่านบุ่มบ่ามตัดสินเช่นนี้ ผู้เฒ่าหลายคนจะผิดหวังเอาได้”

 

ผู้เฒ่าเฉินแนะนำ

 

“อีกอย่างนะท่านเจ้าพันธมิตร ต่อให้เราทิ้งเรื่องของผู้เฒ่าสองคนนี้เอาไว้ก่อน แล้วจะเป็นไปได้รึที่ศิษย์ของผู้เฒ่าจิวอย่างกังต้าเหล่ยจะร่วมมือกับคนภายนอก? ยากที่ข้าจะเชื่อข้อกล่าวหาเช่นนี้…”

 

ผู้เฒ่าเฉินให้เหตุผล

 

 

อย่างที่กังต้าเหล่ยเคยบอก ผู้เฒ่ามากมายในพันธมิตรผู้คุมสวรรค์นั้นมีคุณธรรม พวกเขาเริ่มที่จะเชื่อคำพูดของผู้เฒ่าเฉินที่ดูมีเหตุผลมากกว่า

 

แม้ว่าจะเป็นเรื่องธรรมดาๆที่เขาไม่ควรจะทำให้คนหมู่มากโกรธเคือง หลงจื้อชิงก็ยังดึงดันในคำตัดสินของตัวเอง

 

“ข้าตัดสินไปแล้ว! พันธมิตรผู้คุมสวรรค์ตอนนี้ต้องระวังให้มาก เราทนแบกรับความผิดพลาดไม่ได้ ตราบเท่าที่มีคนน่าสงสัย เราจะต้องสืบสวนให้ถี่ถ้วน! ถ้าหากบริสุทธิ์ เราก็จะปล่อยตัวออกมาอยู่แล้ว”

 

“แต่คำตัดสินอย่างนั้นมันหุนหันเสียเกินไป! ท่านเจ้าพันธมิตร ได้โปรดเถอะ…”

 

ผู้เฒ่าเฉินยังคงยืนกรานที่จะเจรจาให้หลงจื้อชิงคิดใหม่

 

หลงจื้อชิงยังคงมีสีหน้าเย็นชาดังเดิม

 

“ผู้เฒ่าเฉิน เจ้าเอาแต่พูดขัดข้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า หรือเจ้าก็ร่วมมือกับคนพวกนี้ด้วย์ ถ้าอย่างนั้น เราก็อาจจะต้องจับตัวเจ้าด้วย…”

 

อะไรนะ? แม้แต่ผู้เฒ่าเฉินก็อาจจะถูกจับตัวรึ? ทุกคนสับสนอย่างมากกับสิ่งที่เกิดขึ้น

 

ทำไมหลงจื้อชิงถึงกระทำการอย่างอุกอาจเช่นนี้? เขาที่เสียลูกชายกับลูกสาวไปเสียสติถึงขั้นนี้แล้วรึ?

 

ตั้งแต่ที่ได้ข่าวความตายของหลงหวูชิงบนกระโจมเทพสวรรค์ หลงจื้อชิงค่อนข้างจะเศร้าไปมาก และดูจากความโกรธแค้นในตอนนี้ ดูเหมือนจะเป็นไปได้ว่าเขาจะคลั่งไปแล้ว! ผู้เฒ่าหลายคนใจสั่นเมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้ การปล่อยให้คนเสียสติมารับหน้าที่ดูแลพันธมิตรผู้คุมสวรรค์นั้นถือเป็นเรื่องอันตรายร้ายแรง!

 

“จับพวกมัน!”

 

หลงจื้อชิงสั่งการ

 

ฟึ่บ! ฟึ่บ!

 

“เจ้ากล้าดียังไง?”

 

กังต้าเหล่ยคำรามอย่างโกรธแค้น

 

“ไอ้แก่โง่เขลา! เจ้ามันสมองกลวง! เจ้าคิดจะทำลายพันธมิตรผู้คุมสวรรค์งั้นเรอะ?”

 

ฉีตงไล่กับหลินหยุนฮีผิดหวังเช่นกัน เมื่อทั้งคู่เหลือบมองกันก็รู้สึกว่าหลงจื้อชิงเสียสติไปแล้วจริงๆ ตอนที่ทั้งคู่ได้รับคำเชิญจากพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ ทั้งคู่เข้าร่วมมาอย่างสง่าผ่าเผย

 

พวกเขายังได้เป็นสหายกับคนที่มีคุณธรรมอย่างผู้เฒ่าเฉิน แต่เมื่อทวีปตกอยู่ในอันตราย พันธมิตรผู้คุมสวรรค์กลับเริ่มเปลี่ยนไป

 

ทั้งหมดเป็นเพราะฟู่กังซานที่ต่อสู้เพื่ออำนาจและเงินตราอย่างลับๆ เขาทำทุกวิธีทางเพื่อจะผูกอำนาจไว้กับตัวเพื่อกดดันฉีตงไล่ ในตอนนี้ เจ้าพันธมิตรได้กลายเป็นคนไร้สติที่ตัดสินโดยไม่ผ่านการเจรจาจากทุกคน! เขาทำให้เหล่าผู้เฒ่าผิดหวัง

 

พันธมิตรผู้คุมสวรรค์ในตอนนี้แตกต่างจากในอดีตเสียมาก…

 

“เจ้ากล้าขัดขืนเรอะ? เจ้าจะต้องโดนลงโทษแน่”

 

หลงจื้อชิงพูดอย่างเย็นชา

 

กังต้าเหล่ยเริ่มเป็นกังวลและตื่นตระหนกเมื่อถูกกลุ่มกึ่งภูติเข้ามาล้อม ในกลุ่มพวกเขา มีเพียงซือหยูที่มีพลังสูงสุด ยากที่พวกเขาจะรับมือกับกึ่งภูติจำนวนมากมายเช่นนี้

 

และถ้าหากมีเขาแค่สองคนก็ยังพอจะจัดการได้ แต่ที่นี่ยังมีฉีหยุนเซี่ยง ฉีตงไล่ และหลินหยุนฮีอยู่ด้วย พวกเขามิอาจเผชิญหน้ากับเหล่ากึ่งภูติได้ มันยากที่สองคนจะปกป้องคนสามคนพร้อมกับต่อสู้ไปด้วย พวกเขาจะต้องพบกับความสูญเสียอย่างแน่นอน

 

“ซือหยู เราจะทำยังไงกันดี?”

 

เมื่อเจอกับสถานการณ์สุ่มเสี่ยง กังต้าเหล่ยถามซือหยูที่ดูมั่นใจ

 

ซือหยูนั้นใจเย็นไม่ใส่ใจกับสิ่งใด เขามองรอบๆ

 

“ยอมแพ้กันเถอะ”

 

เขาพูดอย่างเรียบเฉย

 

ยอมแพ้รึ? กังต้าเหล่ยมิอาจเชื่อสิ่งที่ได้ยิน! ราชาปีศาจหิมะทมิฬที่เขารู้จักเป็นผู้มีเกียรติและไม่เคยยอมจำนน! แต่ตอนนี้เขากลับเลือกหนทางที่ไม่น่าจะออกมาจากปาก!

 

กังต้าเหล่ยหัวเราะอย่างขมขื่นเมื่อมองฉีหยุนเซี่ยงกับคนอื่นๆด้วยหางตา ซือหยูน่าจะกลัวว่าคนเหล่านี้จะบาดเจ็บ ซือหยูยอมให้ถูกจับโดยไม่ตอบโต้ จากนั้นก็มีโซ่ตรวจที่สร้างจากวัตถุดิบพิเศษเข้าพันธนาการพวกเขาทั้งห้า

 

“ฮ่าๆๆ ตรวนขังภูติ! อาจารย์หลิน ไม่คิดล่ะสิว่าจะถูกสมบัติที่ตัวเองสร้างขึ้นมาใช้กับตัวเอง?”

 

ฟู่หงซื่อหัวเราะ

 

สมบัติวิเศษมากมายในพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ล้วนถูกสร้างโดยหลินหยุนฮี หนึ่งในนั้นคือตรวจขังภูติ มันสร้างจากเหล็กพิเศษที่แม้แต่กึ่งภูติที่มีแก้วสามดวงยังกำจัดไม่ได้ ถ้าพวกเขาถูกสิ่งนี้พันธนาการก็เป็นไปไม่ได้ที่จะหนี!

 

หลินหยุนฮีไม่มองฟู่หงซื่อแม้แต่ครั้งเดียว เขามองหลงจื้อชิง

 

“ท่านเจ้าพันธมิตรหลง โปรดได้สติกลับมาเสียทีเถอะ! พันธมิตรผู้คุมสวรรค์กลายเป็นสถานที่ที่เจ้าเด็กบ้านี้กุมอำนาจได้ไปแล้ว! คนกำลังสูญสิ้นศรัทธา!”

 

แม้จะตกอยู่ในสภาพนี้ หลินหยุนฮีก็ยังกังวลกับอนาคตของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์

 

“อย่าทำให้ข้าเสียเวลา! เอาตัวพวกมันไป!”

 

หลงจื้อชิงโบกมือ เหล่าทหารพาตัวห้าคนไป โถงหลักเงียบลง

 

“พันธมิตรผู้คุมสวรรค์เปลี่ยนไปแล้ว”

 

ผู้เฒ่าเฉินอยากจะช่วยทั้งห้าคนแต่ก็เห็นว่ามือตัวเองถูกมัดเอาไว้ เขาทำได้แค่มองท้องฟ้าและถอนหายใจอย่างสิ้นหวัง

 

หลายคนรู้สึกอึดอัดกับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น การเปลี่ยนแปลงนิสัยของหลงจื้อชิงโดยเฉพาะเมื่อพันธมิตรผู้คุมสวรรค์กำลังเผชิญหน้ากับปัญหาจะทำให้เกิดเรื่องร้ายแรงในอนาคตแน่นอน

 

เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้มีผลแค่ซือหยูกับอีกสี่คนเท่านั้น แต่มันส่งผลกับสมาชิกพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ทุกคน!

 

 

ในคุก…

 

คุกของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ทำมาจากเหล็กที่ถูกตีมาอย่างดี มันคือเหล็กชนิดเดียวกับที่ใช้สร้างโซ่ตรวนของพวกเขา นอกจากคนที่มีพลังเท่าภูติก็เป็นไปไม่ได้ที่ใครอื่นจะทำลายเครื่องพันธนาการหนีออกไปได้ มีคนชั่วร้ายมากมายที่ถูกพันธมิตรผู้คุมสวรรค์จับมาตั้งแต่ครั้งโบราณ แต่ไม่ว่าพวกนั้นจะชั่วร้ายและมีพรสวรรค์เท่าใด ก็ไม่มีใครสักคนที่จะหนีออกจากการจองจำได้

 

“ท่านพ่อ พวกนั้นจะทำยังไงกับเราหรือ?”

 

ฉีหยุนเซี่ยงนั่งพิงตัวฉีตวไล่ ดวงตาของนางเป็นกังวล นางดูสิ้นหวัง

 

ฉีตงไล่ขมวดคิ้ว เขากังวลในแววตา แต่เขาก็ตบบ่านางเบาๆ

 

“เซี่ยงเอ๋อ เจ้าไม่ต้องห่วง ข้าเชื่อว่าซือหยูไม่ได้ร่วมมือกับผู้บุกรุกต่างโลกอะไรนั่น ไม่นานชื่อของเขาจะบริสุทธิ์”

 

ฉีหยุนเซี่ยงยิ้มอย่างขมขื่น

 

“มาถึงขั้นนี้ ท่านก็ยังปลอบข้า ตอนนี้ไม่ใช่เรื่องถูกผิดอีกแล้วนะท่านพ่อ หลงจื้อชิงต้องลงโทษเราแน่นอนต่อให้เราเป็นผู้บริสุทธิ์ก็ตาม นั่นก็เพื่อเอาใจฟู่กังซาน”

 

แม้ว่านางจะอายุน้อย นางก็มองสถานการณ์ในตอนนี้ออกอย่างชัดเจน

 

อำนาจของฟู่กังซานเพิ่มขึ้นมามาก สำนักของเขาแข็งแกร่งขึ้น และผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างหลงจื้อชิงยังบาดเจ็บ เขาต้องกลัวฟู่กังซาน

 

ฟู่กังซานยังมีความบาดหมายกับคนในตอนเหนืออยู่เสมอ นี่ต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ฉีตงไล่ถูกปลดจากตำแหน่ง ฟู่กังซานกำลังกดดันเขาอย่างลับๆ หลงจื้อชิงจำต้องสละพวกเขาทั้งห้าเพื่อเอาใจฝั่งหอสดับหิมะ

 

“ดูเหมือนเจ้าจะรู้ทุกอย่าง แต่ทั้งหมดเป็นเพราะข้ามันใช้ไม่ได้ ข้าปกป้องเจ้าไม่ได้เลย ลูกเอ๋ย”

 

ฉีตงไล่ทุกข์ใจ

 

ฉีหยุนเซี่ยงส่ายหน้า

 

“ไม่ใช่หรอกท่านพ่อ ท่านเลี้ยงดูข้ามา ข้าเป็นผลจากท่านพ่อ ท่านจะพูดว่าไม่ได้ปกป้องข้าได้ยังไง? ถ้าหากจะต้องโทษ ก็ต้องไปโทษไอ้พวกคนชั่วนั่น!”

 

ฉีตงไล่ถอนหายใจเบาๆ ดวงตาเต็มไปด้วยความกังวล

 

กังต้าเหล่ยหงุดหงิดมาก

 

“มันก็แค่พวกขี้ขลาดสกปรก! ถ้าอาจารย์ข้าตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่ ข้าจะกำจัดมันให้หมด! ความหวังสุดท้ายของเผ่าพันธุ์มนุษย์จะฝากไว้กับพวกบัดซบนั่นไม่ได้!”

 

หลินหยุนฮีถอนหายใจ

 

“ต้าเหล่ย อย่าวู่วามนัก! ยังเร็วเกินไปที่จะตัดสิน ข้าเชื่อว่าหลงจื้อชิงจะปฏิบัติกับพวกเราอย่างเป็นธรรม ถึงเขาจะมีความตั้งใจที่เห็นแก่ตัวและเข้าข้างลูกทั้งสองมาตลอด เขาก็ยังคงคิดถึงความเป็นอยู่ที่ดีของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์กับคนในทวีปเฉินหลง”

 

หลินหยุนฮีพูดต่อ

 

“เขาอาจจะแค่เสียสติไปเพราะการเสียลูก เขาเลยตัดสินใจเช่นนี้ แต่ถ้าเขาใจเย็นลง เขาก็น่าจะรู้ความผิดพลาดของตัวเอง”

 

ฉีตงไล่หัวเราะ

 

“อาจารย์หลิน จากที่ท่านพูด มิใช่ว่าชะตาของพวกเราอยู่ในมือของเจ้าพันธมิตรหลงแต่เพียงผู้เดียวหรอกรึ”

 

“ถ้าเขาเป็นธรรมกับพวกเรา ฉีตงไล่ผู้นี้ก็จะสละร่างกายต่อสู้เพื่อความหวังสุดท้ายของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ แต่ข้าเป็นห่วงว่าสิ่งใดจะเกิดขึ้นกับเซี่ยงเอ๋อหลังจากที่ข้าตาย ไอ้บัดซบนั่นคงไม่ปล่อยลูกข้าไปแน่ๆ”

 

ที่ฉีตงไล่เป็นห่วงมากที่สุดก็คือฉีหยุนเซี่ยง บุตรสาวคนเดียวของเขา

 

“อย่าพูดเช่นนั้นสิท่านพ่อ”

 

ฉีหยุนเซี่ยงตาแดง นางพยายามจะกลั้นน้ำตา นางอยู่กับพ่อนางมาตั้งแต่เกิด ความห่วงแหนในครอบครัวของแต่ละคนนั้นลึกซึ้ง

 

ฉีตกไล่ถอนหายใจเบาๆด้วยความรู้สึกผิด เขาห้ามให้ตัวเองมองซือหยูที่นั่งสมาธิอย่างใจเย็นอยู่อีกฝั่งไม่ได้

 

ตั้งแต่ที่พวกเขามาถึงที่นี่ ซือหยูเพียงแค่นั่งลงอย่างเงียบๆ เขามองร่างเล็กๆของซือหยูที่ดูตระการตา ฉีตงไล่เสียใจที่เขามิอาจได้ชายคนนี้มาเป็นบุตรเขย

 

“ซือหยู เจ้าไม่กังวลเลยรึ?”

 

ฉีตงไล่ลังเลก่อนจะพูดกับซือหยู

 

ซือหยูลืมตาขึ้นช้าๆและส่ายหน้า

 

“สิ่งใดจะเกิดก็ต้องเกิด ไม่ว่าจะอย่างไร เหตุใดข้าต้องกังวลเล่า?”

 

เขากำลังรอคอยโอกาส เพราะเขาอยากจะออกไปเมื่อใดก็ได้ แต่เขาไม่ใช่คนเดียวที่ต้องหนี ยังมีอีกหลายคนที่นี่ ดังนั้นเขาต้องใช้เวลานี้คิดวิธีที่จะหนีรอดปลอดภัยทุกคน

 

ฉีตงไล่คิดถึงเรื่องราวของซือหยูเล็กน้อย

 

“ซือหยู ฉินเซี่ยนเอ๋อที่เป็นคู่หมั้นเจ้ามิได้กลับมา ข้าคิดว่าเจ้าจะไม่เศร้าใจนักนะ”

 

ทุกคนรู้ว่าฉินเซี่ยนเอ๋อคือคู่หมั้นของซือหยู ซือหยูเคยบุกเข้าไปที่คณะวิหคเพลิงขณะที่มีฐานะเป็นรองเจ้าตำหนักหยินหยูเพื่อตามหานาง การกระทำอันกล้าหาญนี้น่าประทับใจ ข่าวเรื่องครั้งนั้นแพร่กระจายออกไปอย่างกว้างขวาง

 

เมื่อฉินเซี่ยนเอ๋อไม่ได้กลับมาจากกระโจมเทพสวรรค์  ชะตาของนางก็คงจะชัดแจ้ง ซือหยูตกใจกับคำพูดของเขาเพราะฉินเซี่ยนเอ๋อยังคงบ่มเพาะพลังอยู่ในมุกวิญญาณเก้าหยก ดังนั้นเขาจึงไม่ไปรบกวนนางเพราะนางกำลังอยู่ในช่วงเวลาสำคัญ

 

เขาเขินอายอยู่เล็กน้อย

 

“ข้าไม่เป็นไร ความจริงแล้ว เซี่ยนเอ๋อน่ะ…”

 

“เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดหรอก ข้ารู้ว่าเจ้าเสียใจ แต่ชีวิตยังต้องเดินไปข้างหน้า ยึดติดกับนางเกินไปจะไม่ดีต่อตัวเจ้า มันรังแต่จะทำร้ายเจ้า เจ้าไม่คิดจะคิดเรื่องหาภรรยาใหม่รึ?”

 

ฉีตงไล่พูดสิ่งที่มุ่งหวังออกมาในท้ายสุด เขาถอนหายใจ

 

กังต้าเหล่ยที่ได้ยินการพูดคุยเลิกคิ้วและมองฉีหยุนเซี่ยง เขายิ้มหัวเราะ

 

“หึหึหึ!”

 

หลินหยุนฮีเองก็ไม่ต่างกัน ดูเหมือนว่าฉีหยุนเซี่ยงเองก็รู้ว่าพ่อนางกำลังจะพูดอะไร นางหน้าแดงและปิดใบหน้ากับชายเสื้อของฉีตงไล่ นางเริ่มดึงแขนเสื้ออย่างแรง ในดวงตาเริ่มมีน้ำชื้นๆ ไม่รู้ว่ามันเป็นน้ำตาจากความเขินอายหรือความวิตกกังวล

 

ฉีตงไล่พูดต่อ

 

“ซือหยู ข้าจะถามเจ้าอีกครั้ง เจ้าเต็มใจจะแต่งงานกับลูกสาวข้าหรือไม่? ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นห่วงพวกข้า เจ้ากับกังต้าเหล่ยเลยไม่กล้าขัดขืนพวกนั้น ข้ารู้ว่าเจ้ากำจัดโซ่ตรวนนี่ได้ง่ายๆ”

 

คนอื่นตกใจมากเมื่อได้ยินว่าซือหยูกำจัดโซ่ตรวนได้!

 

“ถึงข้าจะไม่ได้รู้จักเจ้าดีและติดต่อกับเจ้ามานาน ข้าก็รู้ว่าเจ้าเป็นคนใจดีแค่ไหน เจ้าทั้งใจเย็นและรอบคอบ เจ้าจะต้องวางแผนอะไรอยู่แน่นอน”

 

ฉีตงไล่มองซือหยูออกอย่างไม่คาดคิด

 

เขาพูดต่อ

 

“ข้ากับอาจารย์หลินกลายเป็นแค่คนแก่ที่ใช้ชีวิตมานานพอแล้ว ถ้าหากเจ้าหนีไปได้ แค่พาเซี่ยงเอ๋อกับต้าเหล่ยไปกับเจ้าก็พอ ทิ้งข้าสองคนไว้ที่นี่เถอะ”