ตอนที่ 1516 สิบแปดผู้แกร่งกล้า

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

ตอนที่ 1516 สิบแปดผู้แกร่งกล้า โดย Ink Stone_Fantasy

บูม!

บูม!

บูม!

ร่างแล้วร่างเล่าถูกซัดกระเด็นออกจากวงแหวน สีหน้าการแสดงออกของคนที่เหลือยามนี้เริ่มดูน่าเกลียดขึ้นมาก

นี่ยังจะเป็นลูกพลัมอ่อนได้อย่างไร? นี่มันดินปืนระเบิดชัดๆ!

ยอดอัจฉริยะเหล่านี้ที่ว่าแกร่งกล้าแล้ว แต่กลับไม่สามารถตอบโต้เย่หยวนกลับไปได้แม้สักนิด

เย่หยวนสามารถสังหารไคซินยอดอัจฉริยะระดับนั้นไปได้ ในตอนที่เขาเพิ่งกลายมาเป็นแม่ทัพปีศาจชั้นปลาย

ตอนนี้เขาทะลวงขึ้นเป็นแม่ทัพปีศาจขั้นสุดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องระดับพลังหรือแนวคิดความเข้าใจ เย่หยวนในปัจจุบันกลับไม่เป็นรองมากแล้ว

หากเขาเผชิญหน้ากับไคซินอีกครา เย่หยวนสามารถแขวนคอประหารอีกฝ่ายได้โดยง่ายแล้ว

แม้เหล่ายอดอัจฉริยะจากเมืองหลวงเหล่านี้จะแกร่งกล้ากว่าไคซิน แต่นั่นก็มิได้แตกต่างกันมากขนาดนั้น มีหรือที่พวกเขาจะเป็นคู่มือของเย่หยวนได้?

ยิ่งไปกว่านั้น คนที่รีบวิ่งมายังวงแหวนของเย่หยวนล้วนแต่เป็นพวกไม่ค่อยมั่นใจในพลังของตนเองสักเท่าไหร่นัก จึงใช้ประโยชน์จากช่วงเวลานั้นคว้าตั๋วใบที่คิดว่าง่ายที่สุดมา

แต่ใครจะไปทราบว่าพวกเขาแตะชนกับแผ่นเหล็กเข้าอย่างจัง

“พวกเจ้าดูนั้นสิ! สายตาของข้ามีปัญหาแล้วกระมัง? ฝีไม้ลายมือของยอดอัจฉริยะด้านโอสถกลับแข็งแกร่งขนาดนี้จริงๆ!”

“สวรรค์! บดขยี้อีกฝ่ายภายในหนึ่งกระบวนท่า! กระทั่งตอนนี้ข้ายังไม่เห็นการเคลื่อนไหวอีกฝ่ายได้ชัดเจนนัก!”

“โชคดีจริงๆที่ข้าเข้าไม่ทันวงแหวนนั้น มิฉะนั้นคงนั่งสิ้นหวังไปแล้ว”

ทันทีที่ผู้คนในลานประลองวงแหวนอื่นเห็นเข้า ยามนี้วงแหวนของฝั่งเย่หยวนก็หายไปกว่าครึ่งแล้ว

ความเร็วขนาดนี้มันไม่น่าเหลือเชื่อเกินไปหน่อยรึ?

ในไม่ช้า เย่หยวนก็กวาดล้างผู้ท้าทายบนวงแหวนของตนจะเริ่มเกลี้ยงเกลา ในขณะที่ลานประลองวงแหวนอื่นๆเพิ่งเริ่มต้น

“หุหุ ไม่คิดเลยว่าตำแหน่งเจ้าของลานประลองแห่งนี้จะตกเป็นของข้าง่ายดายนัก”

“พร๊วดด!”

เย่หยวนซัดผู้ท้าทายคนสุดท้ายลงพร้อมกระอักพ่นเลือดสดเต็มปากเต็มคำ

แม้แต่สีหน้าการแสดงออกของหกบุตรแห่งกล้วยไม้อริยะเองยังมีการเปลี่ยนแปลงให้เห็น พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่าความแข็งแกร่งของบรรพกาลราตรีจะมีมากมายเกินจินตนาการปานนี้

“ขอแสดงความยินดีต่อผู้คว้าชัยในลานประลองที่สาม ได้รับรางวัลจากนิกายบัลลังก์ม่วงเป็น ลูกท้อมรกตถู่ซิง”

ทันทีทันใดลูกท้อมรกตสีแดงก็ปรากฏขึ้นท่ามกลางความว่างเปล่า ตกลงสู่มือของเย่หยวน

เย่หยวนจับจ้องลูกท้อมรกตถู่ซิงที่เปี่ยมล้นไปด้วยพลังงานทางจิตวิญญาณ ก่อนขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย

“ท่านอาวุโส เคยเห็นเจ้าสิ่งนี้มาก่อนหรือไม่?”

เย่หยวนเอ่ยถามหวู่เฉิน

“ข้าเองก็ไม่เคยเห็นมาก่อน! แต่ข้าเชื่อว่าลูกท้อมรกตถู่ซิงอันนี้ควรจะเป็นของหายากยิ่ง!”

หวูเฉินเอ่ยกล่าว

เย่หยวนที่เห็นดังนั้นก็อดประหลาดใจมิได้ ด้วยความประสบการณ์ความรอบรู้ของหวูเฉิน กระทั่งเขายังไม่เคยเห็นลูกท้อมรกตถู่ซิงมาก่อน!

ไม่น่าแปลกใจที่โถงโลหิตปรโลกย่อมลงทุนในราคามหาศาลเช่นนี้ เพื่อให้พวกเขาเดินทางเข้าสำรวจในซากโบราณสถานแห่งนี้

ดูเหมือนว่าภายในสถานที่แห่งนี้จะมีของดีอยู่จริงๆ!

ตามความเข้าใจของเย่หยวน ลูกท้อมรกตถู่ซิงควรจะเป็นส่วนประลองโอสถสักชนิด ซึ่งเป็นของดีมีมูลค่าเท่ากับหลายเมืองรวมกัน

ความแกร่งกล้าของหกบุตรแห่งกล้วยไม้อริยะนั้นทรงพลังอย่างแท้จริง พวกเขาสามารถครองตำแหน่งเจ้าแห่งสังเวียนทั้งหกได้อย่างราบรื่นง่ายดาย โดยไม่ต้องใช้ความพยายามแม้แต่น้อยด้วยซ้ำ

เวลาผ่านไป อีกห้าวงแหวนที่เหลือก็เผยปรากฏผู้ชนะตามลำดับ

ผู้ชนะในแต่ละลานประลองวงแหวนจะได้รางวัลแตกต่างกันไป

เย่หยวนสังเกตเห็นว่า ของรางวัลโดยส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นสิ่งของที่แม้กระทั่งหวูเฉินไม่เคยได้ยินมาก่อน

แต่โดยสรุปแล้วทั้งหมดทั้งมวลล้วนเป็นของดีทั้งสิ้น!

ในเวลานั้นเองสุ้มเสียงโบราณพลันเปล่งดังขึ้นอีกครั้ง

“ขอแสดงความยินดีกับจ้าวสังเวียนทั้งสิบสอง ตอนนี้การทดสอบที่แท้จริงกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว! ตั้งแต่นี้ต่อไป พวกเจ้าจะต้องเผชิญหน้ากับบททดสอบที่แท้จริง! คู่ต่อสู้ในรอบนี้คือสิบแปดยอดเซียนเยาวชนที่แข็งแกร่งที่สุดในนิกายบัลลังก์ม่วงจากทุกยุคสมัย! ทุกๆ หกยอดเซียนที่เจ้าสามารถเอาชนะไปได้ เจ้าจะได้รับรางวัลตามสมควร!”

ทั้งสิบสองบนลานประลองวงแหวนต่างเผยสีหน้าเคร่งขรึมดดูจริงจังเป็นอย่างมาก

แม้ว่าพวกเขาจะไม่ทราบว่านิกายบัลลังก์ม่วงนับเป็นการดำรงอยู่แบบใด ทว่ากระทั่งโถงโลหิตปรโลกซึ่งเป็นกลุ่มอิทธิพลยักษ์ใหญ่ก็ยังไม่รู้จัก หรือทำได้เพียงทำตามกฎการทดสอบอีกฝ่ายอย่างซึ่งๆ หน้าเท่านั้น นี่แสดงให้เห็นแล้วว่า ความแข็งแกร่งของนิกายนี้เหนือชั้นลึกล้ำเพียงใด

สิบแปดยอดเซียนเยาวชนที่แข็งแกร่งที่สุดแห่งนิกายบัลลังก์ม่วง เห็นได้ชัดว่ามิอาจประมาทได้เลย!

ทันใดนั้นแท่นลานประลองทั้งสิบสองวงแหวนพลันปรากฏธารแสงสาดส่องลงมาจากฟากฟ้าเหนือโถงยักษ์

ท่ามกลางธารแสงที่ส่องประกายลงมา ปรากฏชายหนุ่มคนหนึ่งต่อหน้าต่อตาเย่หยวน

เย่หยวนเผยแสดงท่าทีสุดประหลาดใจยิ่ง นี่หรือคือคู่ต่อสู้ของเขา?

เฝ้าพินิจมองอีกฝ่าย มีทั้งร่างกายเลือดเนื้อหรือเป็นไปได้ไหมว่าเขายังมีชีวิตอยู่จริงๆ?

“ไม่ต้องแปลกใจไป เราผู้นี้กลายเป็นฝุ่นผงไปนานแล้ว นี่เป็นเพียงร่างอวตารเท่านั้น”

อีกฝ่ายดูราวกับสามารถมองผ่านอ่านความคิดของเย่หยวนออกทั้งหมด ก่อนจะยิ้มให้

เย่หยวนขมวดคิ้วขึ้นพลางเอ่ยอุทานอย่างประหลาดใจว่า

“ร่างอวตารนี่…ไม่สมจริงเกินไปหน่อยรึ? ยิ่งไปกว่านั้น…เจ้ายังมีสัมปชัญญะจริงๆ!”

ร่างอวตารจากสมัยบรรพกาลสามารถสื่อสารกับเขาได้จริง!

อีกฝ่ายยิ้มและกล่าวว่า

“ดินแดนมรดกแห่งนี้เชื่อมต่อกับจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของพวกเราที่ฝังอยู่ภายในนี้ จึงสามารถสื่อสารได้โดยธรรมชาติ ความเร็วในการบ่มเพาะพลังของเจ้านับว่ารวดเร็วอย่างมาก อายุกระดูกของเจ้าประมาณร้อยปี ยิ่งไปกว่านั้นเจ้ายังเริ่มบ่มเพาะพลังจากแดนล่างสุดของพิภพทั้งมวล สามารถก้าวขึ้นมาถึงจุดนี้ได้นับว่าน่าทึ่งอย่างแท้จริง!”

เย่หยวนที่ได้ยินดังนั้นพลันตื่นตระหนกยิ่งภายในใจ ภูมิหลังต่างๆของเขากลับถูกอีกฝ่ายมองออกเพียงปราดตาเดียว!

เมื่ออีกฝ่ายเห็นท่าทางการแสดงออกของเย่หยวน เขาก็ยิ้มกล่าวว่า

“เจ้าไม่จำเป็นต้องตกใจไป ทันทีที่เจ้าถูกส่งตัวมานี่แห่งนี้ ตัวเจ้าก็ได้รับการตรวจสอบอย่างละเอียดจากดินแดนมรดกแล้ว จึงไม่แปลกที่ข้าจะทราบข้อมูลโดยพื้นฐานของเจ้า”

เย่หยวนยามนี้ผงะขึ้นกล่าวว่า

“เช่นนั้นเอง!”

อีกฝ่ายกล่าวขึ้น

“ข้านามว่าเหม่ยฟาง ส่วนเจ้า?”

เย่หยวนประสานมือกำหมดแน่นพร้อมกล่าวตอบ

“ข้าเย่หยวน!”

เหม่ยฟางพยักหน้า

“ต่อสู้กับเจ้า ข้าไม่มีรั้งรอนออมมือใดๆ ยามนี้ไม่มีอะไรจะเอ่ยกล่าวอีกต่อไป เริ่มได้!”

เย่หยวนพยักหน้าเช่นกัน

“โปรดชี้แนะ!”

เหม่ยฟางขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนกล่าวว่า

“เจ้าไม่คิดเคลื่อนไหวหน่อยรึ?”

ยามนี้เขาตระหนักได้ว่า เย่หยวนยังคงยืนนิ่งพร้อมสองมือไขว้หลังไม่คิดที่จะเคลื่อนขยับแต่อย่างใด

นี่ถือเป็นการดูถูกผู้คนมากเกินไป

เย่หยวนยิ้มกล่าวว่า

“ท่านอาวุโสน่าจะเคยได้ยินมาก่อนเกี่ยวกับท่าร่ายไร้รูปแบบ”

คู่ดวงตาของเหม่ยฟางสว่างพราวขึ้นทันที ก่อนจะระเบิดหัวเราะกล่าวว่า

“เยี่ยม! เยี่ยมจริงๆ! เจ้าหนุ่มคนี้ช่างน่าทึ่ง! เช่นนั้นข้าขอลิ้มรสท่าร่ายไร้รูปแบบของเจ้าเสีย! นี่คือเพลงดาบที่ข้าหลอมสร้างขึ้นมาเอง เพลงดาบสามสิบหกทำนองอักษร ระวังตัว!”

“ร่ายทำนองดาบฟาดฟันสรรพสิ่งล้วนมิอาจมองเห็น นอกเสียจากความว่างเปล่า!”

คมดาบของเหม่ยฟางเปี่ยมล้นไปด้วยพลังจิตวิญญาณสุดแกร่งกล้า ไม่มีรั้งรอนพลังจำกัดใดๆ

พลังแห่งแนวคิดความเข้าใจบรรลุไกลถึงชั้นสวรรค์ระดับสามขั้นปลายแล้ว พลานุภาพของจิตสังหารแห่งดาบน่าสะพรึงขวัญยิ่ง

แม้นระดับพลังจะอยู่แค่อาณาจักรบรรพชนพระเจ้าครึ่งขั้น แต่เหม่ยฟางผู้นี้เป็นหนึ่งในคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดที่เย่หยวนเคยพบเจอมา!

ในทำนองเดียวกัน ถึงจะอยู่ในอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าครึ่งขั้น ทว่าความแข็งแกร่งของเหม่ยฟางกลับเหนือกว่าไคซินถึงสิบเท่า!

เห็นดังนั้นเย่หยวนเริ่มเคลื่อนไหวในทันที

“จงฟาดฟัน!”

คมดาบเย่หยวนเปล่งพลังแนวคิดอย่างน่าประหลาดออกมา และส่งพลังอย่างหาที่เปรียบไม่ ยามนี้ปราดพุ่งเข้าจู่โจมใส่เหม่ยฟางโดยตรง

สายตาการจับจ้องของเหม่ยฟางเผยถึงความประหลาดใจอย่างมาก

กระบวนเคลื่อนไหวของดเย่หยวนดูค่อนข้างธรรมดาและเรียบง่าย แต่การเคลื่อนไหวนี้กลับมุ่งเน้นโจมตีไปยังจุดที่เปราะบางที่สุด

“กระบวนดาบไม่เลว! ท่องพยัคฆ์มังกรดาบฟ้าทะยาน!”

เหม่ยฟางคำรามเสียงทุ้มต่ำท่าร่างพลิกเปลี่ยน

ยามนี้เห็นเพียงปลายคมดาบเย่หยวนทิ่มแทงเข้ามาเสมือนประกายเงาล่าสังหาร

เย่หยวนไม่รู้เลยว่าภาพฉากการต่อสู้ทั้งหมดของทั้งสิบสองคน ยามนี้กำลังถูกฉายให้ดูอยู่บนโถงยักษ์

ทันทีที่การต่อสู้เริ่มขึ้น เหล่าอัจฉริยะเหล่านั้นก็เริ่มส่งเสียงอุทานดังแซ่ซ้อนขึ้นทันที

“ติงฟานแข็งแกร่งอย่างยิ่ง! สมแล้วที่เป็นผู้นำหกบุตรแห่งกล้วยไม้อริยะ! เพียงสำแดงโจมตีสิบกระบวนก็สามารถโค่นคู่ต่อสู้ลงได้!”

“หกบุตรแห่งกล้วยไม้อริยะก็คือหกบุตรแห่งกล้วยไม้อริยะจริงๆ! อย่างช้าสุดก็ใช้เพียงยี่สิบกระบวนท่าเท่านั้น!”

“เฮ้อ แม้ว่าบรรพกาลราตรีเองก็ติดหนึ่งในสิบสองจ้าวสังเวียน แต่ความแข็งแกร่งของเขากล่าวได้ว่าอ่อนแอที่สุด! ยามนี้ผ่านไปกว่าร้อยกระบวนท่า แต่ปรากฏว่าก็ยังไม่สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้!”

…………………………………………………………