บทที่ 605 ศิษย์น้องที่รักของข้า!

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

บทที่ 605 ศิษย์น้องที่รักของข้า!
ฝักกระบี่กลายสภาพจากวัตถุเวทระดับหก ไปเป็นวัตถุเวทระดับแปดอย่างสมบูรณ์!

ส่วนหน้าตาของมันก็เปลี่ยนไปเช่นกัน บัดนี้ฝักกระบี่ของหวังเป่าเล่อดูเหมือนสร้างมาจากผลึกแก้ว ที่ภายในมีเส้นด้ายสีทองเลื้อยเกี่ยวไปมา!

นอกจากตัวเขาเองแล้ว ใครก็ตามที่ได้มาสัมผัส ก็จะรู้ได้ว่าพลังที่ฝักกระบี่ปล่อยออกมานั้น แซงหน้าวัตถุเวทระดับเจ็ดแบบธรรมดาไปไกล จนเรียกได้ว่าเทียบเท่าอาวุธเทพได้เลยทีเดียว!

มีเพียงหวังเป่าเล่อในฐานะเจ้าของผู้สร้างเท่านั้น ที่รู้ว่าวัตถุเวทชิ้นนี้ยังคงอยู่ในระดับเจ็ด และเป็นขั้นที่ยังไม่ได้รวมกับเสี้ยวดวงจิตของเทพเจ้าเสียด้วย

แต่หวังเป่าเล่อก็ไม่ได้ลืม ด้วยดวงจิตที่สะสมมาจากดาวอังคาร เขาสามารถทำขั้นตอนนี้ให้สำเร็จได้ทันทีที่ออกจากตำหนักวังบูชา แต่เขาเองก็ต้องคิดให้ดีว่าจะเอาดวงวิญญาณแบบใดมาหลอมรวมกับฝักกระบี่ ดวงจิตที่เขาหมายมั่นปั้นมือไว้ว่าจะเอามารวมเมื่อก่อนหน้า บัดนี้ดูด้อยไปเสียแล้ว ด้วยกระบวนการหลอมฝักกระบี่ที่แสนพิสดารนี้

ดวงตาของหวังเป่าเล่อเป็นประกายวาบเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เขายกมือขวาขึ้นคว้าอากาศ ฝักกระบี่บินว่อนมาเข้ามือพร้อมเสียงดังหวีดหวิว!

ชายหนุ่มตัวสั่นเมื่อได้กำกระบี่ไว้ในมือ ราวกับว่าวัตถุเวทที่อยู่ในมือของเขานี้ มีแสนยานุภาพมากพอทำลายโลกได้ทั้งใบ ความรู้สึกรุนแรงนี้ทำให้เขากลัวเป็นอย่างมาก หวังเป่าเล่อกำลังจะนำฝักกระบี่มาพิจารณาดูใกล้ๆ ในตอนนั้นเอง… พลังหนึ่งที่แม้จะอ่อนแอกว่าฝักกระบี่และเทียบไม่ได้กับแผ่นศิลา แต่ก็ยังแข็งแกร่งมากพอที่จะทำให้เขาตัวสั่น ฟาดฟันลงมาจากท้องฟ้า!

แม่นางน้อยรีบพูดออกมาทันทีที่สัมผัสได้ถึงพลังนั้น

“มันเจอตัวพวกเราแล้ว!” นางเอ่ยพร้อมก้าวมาข้างหน้า ทิ้งเงาของตนให้ทับลงบนแผ่นศิลา แผ่นศิลาหลอมละลายรวมเข้ากับร่างของแม่นางน้อย นางกระโจนเข้าใส่หวังเป่าเล่อ ร่างหายไปในอากาศธาตุ ก่อนที่เสียงจะดังขึ้นในมโนจิตของเขา

“รีบหนีเร็ว!”

หวังเป่าเล่อเองก็ไม่ต้องรอให้ใครมาบอก ทันทีที่พลังนั้นฟาดลงมาจากท้องฟ้า หัวสมองของชายหนุ่มก็อื้ออึงไปหมด เขากระอักเลือดออกมา รู้สึกราวกับว่าร่างกายของตนเองจะระเบิดออกเมื่อใดก็ได้

ไม่มีเวลาให้คิด เขารีบเก็บฝักกระบี่เข้าไปในตัว และพยายามหลบหนีออกจากถ้ำลับ ในตอนนั้นเองที่เสียงเยาะเย้ยเยือกเย็นดังจากบนสวรรค์ ภายนอกหุบเขา และกระจายไปทั่วบริเวณ พายุหมุนขนาดยักษ์ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าเหนือประตูทางเข้าสำนักวังเต๋าไพศาลในฉับพลัน

มือยักษ์ที่สร้างมาจากสิ่งใดไม่ทราบได้ ที่ไม่ใช่เลือดและเนื้อ ขนาดใหญ่กว่าเทือกเขาทั้งหมดนั้น ยื่นออกมาจากพายุหมุนยักษ์ และคว้าเอาประตูทางเข้าหุบเขาเข้าให้!

ภูเขาแหลกเหลวเป็นผุยผงเหมือนเต้าหู้ทันทีที่มือยักษ์บดขยี้ มือนั้นไม่แตะต้องเครื่องเจาะ แต่พุ่งตรงมายังถ้ำลับแทน มือนั้นฉีกเอาเพดานของถ้ำลับออกภายในเสี้ยววินาที ก่อนปรากฏอยู่เบื้องหน้าหวังเป่าเล่อท่ามกลางเศษหินดินทรายที่ปลิวว่อน ท้องฟ้ามืดมนบดบัง!

ชายหนุ่มที่เป็นเป้าหมายตัวสั่นไปถึงตับไตไส้พุง พลังปราณภายในกายหยุดนิ่งเหมือนโดนแช่แข็ง ราวกับร่างทั้งร่างเหือดแห้งสิ้นซาก วิ่งหนีไปก็ไม่ได้ จึงทำได้เพียงมองมือยักษ์ฟากฝ่ามือลงใส่ตนเองเท่านั้น!

ในตอนนั้นเอง ฝักกระบี่ที่หวังเป่าเล่อยังไม่มีเวลาได้ตรวจดู ระเบิดแสงจ้าสว่างเรืองรองออกมา แสงนั้นพุ่งออกจากร่างของหวังเป่าเล่อเข้าใส่มือยักษ์ที่บดบังท้องฟ้า แรงปะทะส่งให้เกิดเสียงระเบิดดังกึกก้องหูดับ

หวังเป่าเล่อกระอักเลือดออกมา จิตใจปลอดโปร่งในทันที แต่ก็ไม่มีเวลาให้ตกใจ ชายหนุ่มล่าถอยอย่างรวดเร็ว เสียงเยาะดังอีกครั้งจากท้องฟ้า มือยักษ์เพิ่มความเร็วขึ้น บดขยี้ผนังหินอย่างง่ายดาย ก่อนจะคว้าเอาครึ่งหนึ่งของยอดเขามาไว้ในมือในคราวเดียว มือยักษ์ถอนรากถอนโคนเทือกเขาออกมา หวังเป่าเล่อเสียศูนย์และถูกดึงขึ้นบนอากาศ พร้อมยอดเขาที่เขาอยู่เมื่อก่อนหน้า!

เมื่อเผชิญกับสถานการณ์เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย แม่นางน้อยก็โยนความระวังทั้งหมดทิ้งไป นางปรากฏตัวขึ้นหลังหวังเป่าเล่อ มือสร้างผนึกเป็นระวิงจนเห็นเป็นภาพเลือน คลื่นพลังจากการเคลื่อนย้ายระเบิดออกจากร่างนาง เข้าครอบตัวของหวังเป่าเล่อเอาไว้ การหลบหนีแบบนี้นำมาซึ่งความเสี่ยงอันใหญ่หลวง โอกาสที่พวกเขาจะโดนรั้งเอาไว้นั้นมีมาก ถือเป็นการพนันครั้งใหญ่เลยทีเดียว

แม่นางน้อยกัดฟันกรอด นางปล่อยวิญญาณปราณแสนล้ำค่าออกมา พุ่งเป้าไปที่มือยักษ์นั้น สำนักวังเต๋าไพศาลทั้งหมดสั่นสะเทือน ลำแสงพุ่งออกจากพื้นดินทุกทิศทางด้วยอำนาจของนาง!

แสงแห่งดวงดาวนี้คืออำนาจของกฎแห่งเต๋าไพศาล เมื่อลำแสงนี้มารวมตัวกัน ก็แปรเปลี่ยนเป็นกระบี่เล่นยักษ์ที่สร้างมาจากแสงดาว กระบี่นี้พุ่งเข้าฟาดฟันมือยักษ์ด้วยความเร็วสูง ราวกับเจตจำนงของดวงดาวได้แปรเปลี่ยนมาเป็นอาวุธชิ้นนี้อย่างไรอย่างนั้น คมกระบี่จรัสดาวตัดมือยักษ์ออกจากพายุหมุนในฉับพลัน!

ภูเขาในมือยักษ์ร่วงลงกลางอากาศ เศษภูเขาก้อนใหญ่พุ่งเข้าปะทะพื้นดิน กระจัดกระจายไปทั่วบริเวณโดยรอบ หวังเป่าเล่อกระอักเลือกออกมาชุดใหญ่ ก่อนหน้านี้ชายหนุ่มก็ได้รับบาดเจ็บแล้ว แต่ตอนนี้กลับสภาพแย่ยิ่งกว่า ยังดีที่พลังเคลื่อนย้ายเริ่มทำงานแล้ว เสียงกู่ร้องด้วยความโกรธดังออกมาจากท้องฟ้าเบื้องบน ท่ามกลางเสียงสะเทือนของกระบวนเวท แขนแข็งแรงสามข้างพุ่งออกมาจากพายุ ทุบลงบนพื้นด้วยความตั้งใจทำลายทุกสิ่งอย่าง ร่างของหวังเป่าเล่อกำลังจะถูกขยี้จนแหลก

หนึ่งในสิ่งสุดท้ายที่เขาได้ยิน คือเสียงระเบิดดังกึกก้องราวกับดวงดาวดับสลายลง เสียงที่ไม่ได้เป็นของชายผู้มีสามมืดดังขึ้น เขาไม่มีเวลาจับมาผู้มาใหม่นั้นพูดว่าอะไร ทุกสิ่งหยุดนิ่งอยู่กับที่ ในวินาทีต่อมา… ภาพก็กลับมาชัดเจนอีกครั้ง เขากลับมาที่ตำหนักวังบูชา บนกระบี่สำริดเขียวโบราณเป็นที่เรียบร้อยแล้ว!

ชายหนุ่มไม่ได้อยู่ที่หน้าวังที่ห้า แต่เป็นหน้าโถงใหญ่ของวังที่หก ทันทีที่เขากลับมาได้ หวังเป่าเล่อก็กระอักเลือดออกมาอีกครั้ง ร่างของเขาโซเซ ก่อนสลบลงกับพื้น

เวลาผ่านไปนานก่อนที่เขาจะลุกขึ้นมานั่งได้อีก ใบหน้าของชายหนุ่มซีดเผือด เขาหายใจพะงาบเอาอากาศเข้าปอด อวัยวะภายในถูกทำลาย ความเจ็บปวดนี้รุนแรงมหาศาลนัก แม้ว่าร่างกายของเขาจะกำลังเยียวยาเชื่อมทุกสิ่งเข้าด้วยกันอีกครั้งอย่างรวดเร็ว แต่ความเจ็บปวดก็ไม่ได้น้อยลงเลย มีแต่จะทำให้มากขึ้นเท่านั้น

แต่หวังเป่าเล่อเป็นคนโหดเหี้ยมนัก แม้จะบาดเจ็บปางตาย แต่เขาก็ยังบังคับตนเองให้นั่งขัดสมาธิ หยิบเอาโอสถออกมา และเริ่มกระบวนการรักษาตนเองได้ การรักษากินเวลาทั้งหมดสามวันด้วยกัน ความเจ็บปวดค่อยๆ จางหายไปอย่างช้าๆ ในวันที่สี่ หวังเป่าเล่อก็ลืมตาขึ้น พร้อมถอนหายใจยาว

หลังจากที่มั่นใจว่าตนเองปลอดภัยแล้ว ชายหนุ่มก็เริ่มคิดทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นที่ดาวเคราะห์เต๋าไพศาล ทุกสิ่งดูเกินจริงจนไม่อยากเชื่อจนเขาเองก็คิดว่าฝันไป แต่ก็เป็นเรื่องจริงแน่นอน หวังเป่าเล่อยังไม่หายจากอาการตกใจ ภาพของมือยักษ์วาบเข้ามาในความคิด…

“หมอนั่นมีปราณระดับใดกันหรือ” หลังจากที่เงียบอยู่สักพัก เขาก็ถามแม่นางน้อย

“เป็นความผิดของเจ้าทั้งหมดทีเดียวเชียว เจ้าไม่น่าดูดพลังจากคำสาปไปทั้งหมดแบบนั้น เพียงเพื่อจะหลอมฝักกระบี่… หากไม่เช่นนั้นเราคงไม่ถูกเปิดโปงเร็วเช่นนี้… แต่ช่างมันเถิด ข้าเองก็มีส่วนผิดเช่นกัน พวกเขาโชคร้ายด้วยที่ผู้ฝึกตนระดับดารานิรันดร์ผ่านมาในวินาทีนั้นพอดี… หากศัตรูเป็นผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์ เราคงไม่หมดสภาพเช่นนี้ ยังดีที่ผู้ฝึกตนระดับดารานิรันดร์คนนี้ไม่ได้ทรงพลังขนาดนั้น เคล็ดเวทของข้าทรงพลังมากจนเบี่ยงเบนความสนใของเขาได้ ทำให้เขาเลิกติดตามพวกเราหลังจากที่เคลื่อนย้ายกลับมา…” แม่นางน้อยถอนหายใจ นางพูดพึมพำไปตลอดด้วยความหดหู่ จนถึงครึ่งหลังที่นางเริ่มใจชื้นขึ้น

ระดับดารานิรันดร์หรือ… หวังเป่าเล่อไม่สนใจคำของนางที่เขาคิดว่าเชื่อถือไม่ได้ เขาสูดหายใจเข้าลึก ก่อนจะนึกถึงฝักกระบี่ของตนเองขึ้นมาได้ ชายหนุ่มตบมือขวาลงบนหน้าอกด้วยความตื่นเต้น เพื่อหยิบเอาฝักกระบี่ออกมาดู ก่อนจะตัวแข็งทื่อเมื่อพบว่าทำไม่ได้

หวังเป่าเล่อเริ่มกระวนกระวาย แต่เขาก็ยังจับได้ถึงสายสัมพันธ์ระหว่างตนเองกับกระบี่อยู่ จึงคลายความกังวลลงไปได้บ้าง ชายหนุ่มคิดออกในที่สุด เขารวมจิตสัมผัสวิญญาณของตนเข้ากับฝักกระบี่ในร่างเพื่อสำรวจดู ยุงในฝักกระบี่หายไปหมดแล้ว เหลือเพียงยุงสีดำและสีม่วงเท่านั้น

นอกจากนี้ยังมีแสงสีทองหลายร้อยเส้นอยู่ในฝักกระบี่ จำนวนเท่ากันกับลำแสงที่เขานำมาหลอมรวมเข้ากับวัตถุเวทนี้ ลำแสงเหล่านี้เต้นตุบๆ ทำให้เขาคิดบางสิ่งออก หวังเป่าเล่อสงสัยว่าลำแสงเหล่านี้จะกลายสภาพเป็นยุงสีทองหลายร้อยตัวหรือไม่…

ขณะที่กำลังตกอยู่ในห้วงคิดนั้น ณ ที่แห่งหนึ่งที่ไกลแสนไกลจากระบบสุริยะ ในจักรภพเต๋าไพศาล บนดาวเคราะห์เต๋าไพศาล ชายวัยกลางคนถูกตรึงเอาไว้กับพื้น เขาเสียแขนไปหนึ่งข้าง ส่วนแขนห้าข้างที่เหลือก็ถูกตอกเอาไว้กับพสุธาด้วยคมดาบใบไม้ห้าเล่ม ร่างของเขาสั่นเทิ้ม ดวงตาเจิดจ้าด้วยความหวาดกลัวและความเกลียดชัง ชายวัยกลางคนมองไปเบื้องหน้าของเขาที่มีศิลาก้อนใหญ่ตั้งอยู่ พร้อมด้วยชายหนุ่มคนหนึ่งที่ยืนพิงศิลา กำลังดื่มน้ำจากผลน้ำเต้าในมือ ข้างกายของชายหนุ่มมีกระบี่ไม้สีเขียววางอยู่

ชายวัยกลางคนผู้นี้คือผู้ฝึกตนระดับดารานิรันดร์ผู้ทรงพลังจากตระกูลไม่รู้สิ้น ที่โจมตีหวังเป่าเล่อนั่นเอง!

เขาไม่รู้ว่าชายหนุ่มตรงหน้านี้เป็นใคร แต่ก็พอเดาได้ไม่ผิดไป คำตอบนี้ทำให้ความหวาดกลัวซัดโหมเหมือนคลื่นยักษ์ เขาอ้าปากพูดอย่างเร่งรีบ

“นายท่าน ข้าทำงานให้ท่านราชันสวรรค์ลำดับสอง…”

แต่ก่อนที่จะพูดจบ กระบี่ก็ทอแสงวาบพุ่งผ่านไป ศีรษะทั้งสามตกกระทบพื้น เปลวไฟเย็นสีดำลามจากรอยตัด ศีรษะทั้งสามลุกไหม้ในกองเพลิงเช่นเดียวกันกับร่างคอขาด ภายในพริบตา ผู้ฝึกตนระดับดารานิรันดร์ก็ถูกทำลายทั้งร่างกายและวิญญาณ!

“กล้ามาทำร้ายศิษย์น้องของข้าหรือ ข้าไม่สนใจหรอกว่าเจ้าจะเป็นใคร อย่ามาลองดีกับข้า” ชายหนุ่มพูดพึมพำ เขายกน้ำเต้าขึ้นดื่มอีกอึก ก่อนเงยหน้าขึ้นไปมองท้องฟ้าเบื้องบน ราวกับดวงตาทะลุผ่านจักรวาลจนมองเห็นระบบสุริยะได้ ริมฝีปากของชายหนุ่มคลี่ยิ้ม

ศิษย์น้องที่รักของข้า ในที่สุดข้าจะตามหาเจ้าจนเจอ