SPH บทที่ 199 นายเป็นใคร
เลสแต็ทเดินมาที่ข้างกายเป็นเมิ่ง เขาขมวดคิ้ว มองไปที่เย่หยุและถามเสียงเย็นว่า “นายเป็นใครแล้วเรื่องนี้เกี่ยวกับเป็นเมิ่งอย่างไร”
เย่หยมองเลสแด็ท มุมปากของเขายกขึ้นนิดๆ “แล้วคุณล่ะเป็นใคร”
เลสแด็ทล้วงนามบัตรออกมาและวางไว้บนโต๊ะของเย่หยุพลางกล่าวอย่างภูมิใจว่า “ผู้จัดการด้านการตลาดของฮอลลีวูดยูรนิเวอร์แซล พิคเจอรส์ เลสเต็ท ชาร์กัส”
“แล้วยังไงเหรอครับ” เย่หยูถามเสียงเรียบ
“แล้วยังไง” เลสแต็ทชะงักค้าง ราวกับเขาได้ยินไม่ชัดเจนทั้งที่เขาเปิดเผยสถานะไปแล้ว ทําไมเจ้าหนุ่มน้อยชาวจีนถึงไม่รีบโค้งคํานับและกล่าวว่าเขายินดีที่ได้พบ เรื่องบ้าอะไรกันนี่
แววตาของเย่หยูทอประกายเย็นชา เขายิ้มหยันแล้วกล่าวว่า “ผมมีความสัมพันธ์แบบไหนกับเป็นเมิ่งและมันเกี่ยวอะไรกับคุณด้วยคุณมีความสามารถอะไรมาถามผม”
“ฉันเนี่ยนะ!” ใบหน้าของเลสแต็ทแดงก่ําและเขาอ้าปากขึ้น แต่ไม่มีคําไหนหลุดออกมา หลังผ่านไปพักใหญ่เลสแม็ทก็พึมพําเสียงเย็นเยียบว่า “อืม นายคือคนที่เป็นเม งชอบใช่หรือไม่” เขาจ้องมองเหยูอย่างโอหังและใบหน้าเขามีแววพึงพอใจขึ้นมาแวบหนึ่ง “ฉันขอแนะให้นายไปจากเงินเพิ่งซะนี่เพื่อตัวของนายเองและเพื่อประโยชน์ของ เงินเพิ่งด้วย”
“ฮ่าๆ” เย่หยูขําเบาๆ มองไปที่เลสแต็ทราวกับมองดูคนโง่ “คุณบอกได้ยังไงกัน” เลสแด็ทคิดว่าเย่หยูกลัวขึ้นมาจึงเริ่มพูดขึ้นอย่างมั่นใจว่า “เพราะการช่วยเหลือเป็นเมิ่งข องนายมันไร้ประโยชน์นายให้สิ่งที่เป็นเมิ่งต้องการไม่ได้”
“โย่ว!” เย่หยุเลิกคิ้ว ยิ้มน้อยแล้วกล่าวว่า “ดูเหมือนคุณมั่นใจมากเลยนะ คุณพอที่จะช่วยรับฟังความฝันของผมหน่อยได้ไหม”
“แน่นอน” เลสแด็ทสะบัดศีรษะไปด้านหลังและมองเหยูอย่างรังเกียจ เขายิ้มและพูดว่า “ในฐานะผู้จัดการฝ่ายการตลาดของยูนิเวอร์แซล ฟิล์มและเทเลวิชั่น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของธุรกิจหรือข้าวของเงินทอง ฉันช่วยเป็นเมิงได้ดีที่สุดแน่”
“แต่ผมไม่คิดแบบนั้น” เย่หยูกล่าวเสียงนิ่ง “สิ่งที่คุณพยายามคือทําให้ความฝันของคุณเป็นจริง และการเสนอช่วยคนอื่นเป็นแค่เศษน้ําใจ”
เมื่อเป็นเมิ่งและอาเข่อได้ยินแบบนั้น ดวงตาของพวกเธอก็ทอประกายประหลาดขณะครุ่นคิดลึกซึ้งในคําพูดของเย่หยู
เลสแตทหัวเราะอย่างรังเกียจ “เหลวไหลนักมีแต่คนไร้ประโยชน์ที่จะพูดอะไรแบบนี้ออกมาได้”
เขาหันหน้าไปมองเป็นเมิ่งที่กําลังมีนงงสายตาของเขามีแววริษยาขึ้นมาแวบหนึ่ง “ฉันขอแนะให้นายไปจากเงินเพิ่งซะไม่อย่างนั้นอย่าโทษถ้าฉันโหด”
แววตาของเยี่หยูทอประกายเย็นชา “คุณทําตัวสุภาพอยู่ตอนนี้งั้นเหรอ”
เลสแต็ทกล่าวเสียงเย็นว่า “ถ้าเป็นเมิ่งไม่เห็นด้วยที่ฉันตามซื้อ ฉันจะใช้เส้นสายของฉันทําให้เธอเป็นตํานานของฮอลลีวูด”
“น่ารังเกียจและน่าอายซะจริง”
สีหน้าของเขากลายเป็นโกรธเกรี้ยวเมื่อพูดขึ้นอย่างเหยียดหยาม
เป็นเมิงมองเลสแด็ทอย่างเย็นชา เธอมองเขาแน่วงและพูดว่า “ฉันปกปิดชื่อเสียงของตัวเองได้ แต่ฉันจะไม่มีวันอ่อนข้อให้คุณ”
สีหน้าของเลสเต็ทยังคงเดิม เพราะเขาเปิดเผยโฉมหน้าที่แท้จริงแล้ว จึงไม่มีอะไรต้องห่วงอีก นายทุนคนดังคนนี้จะสั่งสอนให้รู้ว่าความสิ้นหวังมันเป็นอย่างไร เลสเต็ทมองเย่หยูอย่างชิงชังและกล่าวเสียงเย็นว่า “นั่นขึ้นอยู่กับสิ่งที่เขา เลือก”
คนดูหลายล้านคนที่อยู่ในห้องไลฟ์สดซึ่งกําลังชมเหตุกาณ์นี้ พวกเขาเห็นใบหน้าที่เหมือนคลุ้มคลั่งของเลสแต็ทอย่างชัดเจน
“เพ้ย! นี่คือโฉมหน้าของพวกนายทุนในอเมริกา น่าเกลียดจริงๆ”
“หือ ไม่แค่น่าเกลียดนะ ยังน่าอัดให้น่วมด้วย”
“เย่หยุซ้อมเขาเลย ยิ่งมองเจ้าเลสเต็ทคนนี้ เราก็ยิ่งหงุดหงิด เจ้าคนชั้นต่ําทั้งหน้าตาและคําพูด เฮอะ”
“เจ้าเลสแด็ทคนนี้หน้าไม่อายจริงๆ เขาต่างหากที่ข่มขู่เป็นเมิ่งและเย่หยูแบบนั้น”
“เทพเย่หยู ช่วยทีเถอะนะ ถ้าไม่มีอะไรดีเลย เราก็จะไม่ไปที่อเมริกาแน่ เมื่อเรากลับบ้าน เราทุกคนยังเป็นแฟนคลับของเวินเมิ่งอยู่นะ”
ทั้งที่เผชิญหน้ากับคําขู่ของเลสแต็ท สีหน้าของเย่หยุยังไม่เปลี่ยนแปลงและกล่าวด้วยน้ําเสียงนิ่งเรียบ “การไล่ตามความฝันเป็นเรื่องสําคัญ แต่ก็ต้องยอมรับความเป็นจริงด้วยคุณควรยอมแพ้ซะเป็นเพิ่งจะไม่เลือกคุณ”
ทันทีที่เสียงของเย่หยูเปล่งออกไป รางวัลนับไม่ถ้วนก็กระจายว่อนไปทั่วห้องไลฟ์สด
“ครูใหญ่ให้รางวัลเป็นตั๋วเครื่องบิน เหยูกล่าวได้ถูกต้องอย่างยิ่งเหมือนฉันเลยความฝันของฉันคือได้เงินร้อยล้านแต่ฉันไม่เคยก้มหัวเพื่อประจบประแจงใคร”
“โรแมนติกดีไหม ฉันไม่ได้ให้รางวัลล้ําค่ากับนายเฮ้อฉันเสียใจนะ”
“เจ้าอาวาสให้รางวลเป็นดอกไม้เล็กๆ คําพูดของท่านเทพยอดเยี่ยมมากจดลงไปในสมุดเล็กๆเร็วเข้า”
การไล่ตามความฝันเป็นเรื่องสําคัญ แต่ก็ต้องยอมรับความเป็นจริงอย่างนั้นเหรอ เป็นเมิ่งค่อยๆ ซึมซับคํากล่าวของเย่หยู ซึ่งเป็นเหมือนฤดูใบไม้ผลิที่พัดผ่านในหัวใจของเธอ
เหมือนกับที่เป็นเมิ่งเคยถามเย่หยุมาก่อน ว่าชีวิตนั้นสําคัญกว่าความฝันหรือไม่ คําตอบของเย่หยุคือ ชีวิตเป็นดั่งทะเล และความฝันนั้นเปรียบเหมือนชายฝั่ง คําพูด นั้นยังลอยวนอยู่ในความคิดของเวินเมิงตลอดเวลามันเป็นคําพูดที่ทําให้เธอเริ่มชีวิตใหม่ได้
ใบหน้าของเลสเต็ทดําคล้ํา เมื่อเขามองเวินเมิ่งและเย่หยูด้วยสายตาดํามืด “นี่คือทางเลือกของเธออย่าโทษนะว่าฉันไม่ปราณี”
“ไร้หัวใจงั้นเหรอ อะไรที่ทําให้ผู้จัดการด้านการตลาดของยูนิเวอร์แซลฟิล์มและเทเลวิชั่นโกรธได้ขนาดนี้” น้ําเสียงทรงเสน่ห์ดังขึ้นจากด้านหลัง
เลสแด็ทหันขวับไปแล้วกล่าวด้วยน้ําเสียงสุภาพว่า “คุณหนูแคทลีน ทําไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ครับ”
ผมสีทองของแคทลีนเป็นเหมือนคลื่นมหาสมุทรพลิ้วไหวที่ด้านหลัง ชุดเดรสยาวสีดําห่มหุ้มร่างเพรียวบางสง่าไว้ทําให้เธอโดดเด่นสะดุดตาโดยเฉพาะผิวของเธอที่ซีดขา วดุจน้ําแข็งยิ่งเพิ่มความสูงสง่ามากขึ้น
แคทลีนเดินผ่านเลสแด็ท และมาหยุดตรงหน้าเย่หยู เธอยื่นมือให้เขาและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ฉันเป็นลูกสาวของประธานวอร์เนอร์ บราเดอร์ แคทลีน คริสเตียน ฉันเป็นครูสอนที่โรงเรียนมัธยมปลายวตีเวนสันด้วย”
แววตาของเหยูทอประกายประหลาดขึ้นวูบหนึ่ง เขายื่นมือออกไปจับมือเย็นๆ ของแคทลีนไว้ และยิ้มออกมาอย่างเปิดเผย “คุณหนูของวอร์เนอร์ บราเดอร์ เป็นคุณครูชั้นมัธ ยมปลายจริงๆ เหรอครับน่าสนใจจริงๆ”
ดวงหน้าขาวจัดเย็นชาของแคทลีนมีสีแดงพาดผ่านแวบหนึ่ง และเธอดึงมือออกทันที และกล่าวยิ้มๆว่า “มันก็แค่งานอดิเรก
เลสแต็ทมองแคทลีนอย่างตะลึง ราวกับเขาตกใจที่เธอจับมือกับเย่หยูมาแล้ว วอเนอร์เป็นหนึ่งในห้าบริษัทผลิตภาพยนตร์และโทรทัศน์ที่ใหญ่ที่สุดของอเมริกาเช่นเดียวกับยูนิเวอร์แซลฟิล์มและเทเลวิชั่น และตําแหน่งของเธอนั้นสูงกว่า เขาที่อยู่กับยูนิเวอร์แซลอีก
เพราะเป็นคุณหนูของวอเนอร์บราเดอร์ส แคทลีนจึงมีสถานะสูงกว่าอยู่แล้ว กล่าวกันว่าเธอเป็นโรคกลัวเชื้อโรคและไม่เคยสัมผัสตัวผู้ชายแต่เธอกลับจับมือกับเหยู อีกอย่างเป็นแคทลีนที่ยื่นมือออกไปให้จับก่อน
แคทลีนดึงมือออกมา หันไปทางเลสแด็ทแล้วกล่าวเสียงนุ่มว่า “เกิดอะไรขึ้นคะ คุณดูไม่พอใจเอาซะเลย”
เย่หยูยิ้มหยัน “งั้นผมจะต้องถามคุณเลสแด็ท เพราะเขาใช้สถานะและตําแหน่งของเขาข่มขู่คุณผู้หญิงคนนี้ผมไม่เคยเห็นคนหน้าไม่อายแบบนี้มาก่อน”
แคทลีนหันไปมองเป็นเมิ่งและหันไปมองเลสแท็ทที่มีสีหน้าอับอาย ก็เข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
เธอหันหน้ากลับไปหาเหยู แคทลีนยิ้มให้และกล่าวว่า “นี่เป็นเรื่องระหว่างพวกเขา มันดูจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับคุณเลยนะ”
เลสแด็ทยิ้มและมองแคทลีนอย่างพอใจก่อนหันไปมองเย่หยูอย่างภูมิใจว่า “เห็นหรือยังล่ะ ถ้าเป็นเมิ่งไม่ตกลงกับข้อเสนอของฉันเธอก็จะไม่มีโอกาสได้เปล่งประกายฉันจะดูว่าเธอทําอะไรได้บ้าง”
เย่หยุเผยอยิ้ม และมองเลสแด็ทด้วยสายตาแน่วนิ่ง “ในอเมริกาผมไม่มีเส้นสายที่ในวงการบันเทิงนี้หรอกนะ”
ก่อนที่เลสเต็ทจะทันพูดออกมาเย่หยูก็รีบกล่าวเสริมว่า “แต่ไม่ได้แปลว่าผมจะช่วยเป็นเมิ่งไม่ได้”
เลสแต็ทแค่นเสียงและพูดอย่างล้อเลียนว่า “ฮ่าๆ ถ้าไม่มีเส้นสายหรือคนรู้จักฉันอยากเห็นจริงๆ ว่า นายจะช่วยเธอ ได้อย่างไร”
เย่หยูกวาดตามองแคทลีน ซึ่งยืนที่ด้านข้างและกล่าวอ ย่างนุ่มนวลว่า “เธอช่วยผมได้ ในฐานะนายหญิงน้อยของวอร์เนอร บราเดอร์ส แคทลีนมีคนรู้จักและเส้นสายที่จะ ช่วยให้เป็นเมิ่งก้าวหน้าในฮอลลีวูด”
เย่หยุมั่นใจว่าแคทลีนจะช่วยเขา ไม่แค่เธอเป็นลูกสาวคนโตของเจ้าของวอร์เนอร์บราเดอร์ส์และเป็นครูสอนโรงเรีย นมัธยมปลายเธอยังมีอีกตัวตนหนึ่งเธอเป็นแวมไพร์! โลหิตบรรพชนของเย่หยุคือต้นกําเนิดของแวมไพร์ทั้งมวล