ตอนที่ 690 โลกกลมจริงๆ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

สถานการณ์บนเกาะได้กลายเป็นอะไรที่ยุ่งยากขึ้นมาแล้ว โดยเฉพาะเมื่อหลี่ว์ซู่รู้ว่ามีองค์กรมากกว่าสามองค์กรมาที่นี่เพื่อต้นไม้แห่งโลก

 

 

รุ่งเช้า พวกสมาชิกกลุ่มเทวาก็รีบกระหืดกระหอบออกมาและรีบกลับไปหาคอรัลพร้อมกับกล่องที่บรรจุชุดทดสอบโลหะผสมโซเดียมโพแทสเซียมในมือ หลังจากที่คิดมาอย่างดีแล้วคอรัลก็ถามออกไป

 

 

“แน่ใจใช่ไหมว่าไม่มีใครรู้ที่อยู่ของมัน”

 

 

“แน่ใจสิ ลุงของเธอเอาออกมาจากวังศักดิ์สิทธิ์เมื่อคืน ไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลย” ลูกพี่ลูกน้องของคอรัลตอบ “คอรัล เรื่องศักยภาพของเธอน่ะ…”

 

 

“ขอโทษนะ ฉันไม่อยากตอบน่ะ” คอรัลพูดด้วยสีหน้าจริงใจ เธอจะต้องปกปิดความจริงเอาไว้ แล้วเธอก็ไม่อยากจะโกหกด้วย

 

 

พอลูกพี่ลูกน้องเธอเดินออกไปแล้ว คอรัลก็เปิดกล่องนั้นออกมาอย่างเงียบ ๆ เธอหยดเลือดของตัวเองลงไปในโลหะสีเงินนั้นแล้วมันก็เปลี่ยนเป็นสีดำทันที

 

 

คอรัลรออยู่สักพัก แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น พอเธอกำลังจะเก็บกล่องโลหะนั้นกลับเข้าไป ทันใดนั้นก็มีสายฟ้าฟาดขึ้นมาแบบสลัวๆ ในความมืด

 

 

นั่นยังไงล่ะ!

 

 

คอรัลยืนยันได้แล้วว่าเลือดของเธอบริสุทธิ์ยิ่งกว่าเดิมหลังจากที่กินผลไม้ไป

 

 

สำหรับคนทั่วไปคงพูดว่าศักยภาพของเธอได้พุ่งขึ้นเป็นระดับ A หรือกระทั่งสูงกว่านั้นแล้ว

 

 

ดูจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วผลไม้ที่ว่านี้มีความสำคัญมากจริงๆ แต่หลี่ว์ซู่ก็ยังเอามาให้เธอทีเดียวแปดผลเลย เธอต้องเอาอีกเจ็ดลูกไปคืนเขา!

 

 

คอรัลนั่งอยู่ข้างหน้าต่างเอามือเท้าคางไว้มองเหม่อออกไปอย่างใจลอย…

 

 

ลูกพี่ลูกน้องของคอรัลถูกกันออกไปเมื่อเขาออกไปจากห้องของคอรัลแล้ว มีคนบอกกับเขาว่า “เจ้าแห่งทวยเทพกำลังอารมณ์ดีครับวันนี้ ตอนเช้าเธอเพิ่งรับประทานไข่ดาวไปสองฟอง นมอีกสองแก้ว และครัวซองต์อีกสี่ชิ้น เธอถึงกับไปถามเชฟว่าให้สอนเธอทำอาหารจีนบ้างได้ไหม ดูเหมือนว่าความอยากอาหารของเธอจะกลับมาแล้วนะครับ”

 

 

“อย่างนั้นเหรอ เธอดูมีความสุขขึ้นเยอะหลังจากออกไปเมื่อคืน ให้เธอออกไปสูดอากาศข้างนอกบ้างก็ดีแล้วล่ะ ก็อุดอู้อยู่ในวังมาตั้งนาน” ลูกพี่ลูกน้องของเธอสันนิษฐาน

 

 

“คุณว่าเด็กผู้ชายคนนั้นจะอยู่ที่นี่ด้วยไหมครับ” คนคนนั้นถามอย่างระมัดระวัง

 

 

“จะบอกว่าที่เธออารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ หลังจากการเลื่อนระดับมันไปเกี่ยวกับเด็กผู้ชายคนนั้นงั้นเหรอ!”

 

 

“เอ่อ…คุณพูดเองนะครับ ผมไม่ได้พูด…” ผู้ชายคนนั้นโบ้ยความผิดแล้วเดินหนีออกไปทันที

 

 

ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงการคาดเดาแต่ลูกพี่ลูกน้องของคอรัลเชื่อว่ามันเป็นไปได้มากๆ เลยนะเนี่ย!

 

 

ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ การที่คอรัลขอชุดทดสอบไปก็ฟังดูมีเหตุผลขึ้นมาแล้ว ศักยภาพของเธอน่าจะพุ่งขึ้นสูงไปกว่าเกณฑ์ปกติแล้ว!

 

 

นี่เป็นความลับสุดยอดเลยนะ เขาเงียบไปทันที เขาต้องไปบอกลุงของคอรัลและต้องดูให้แน่ใจว่าความลับจะไม่รั่วไหลออกไป

 

 

ในระหว่างนี้เองกลุ่มเทวารวมถึงคอรัลเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างนอกหลังจากที่เธอส่งกระดาษออกไปสี่แผ่นนั้น พวกเขาเป็นกลุ่มที่รักสงบมาตลอดและตัดขาดจากโลกภายนอกด้วย พวกเขาจะสร้างหน่วยข่าวกรองเมื่อปีที่แล้วแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว

 

 

อยู่ๆ คอรัลก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างแตก เธอรู้ว่าการเลื่อนขั้นของเธอนั้นไม่ได้ไปซ่อมแซมรอยแตกบนกุงเนียร์ด้วย และรอยแตกนั้นยังคงแผ่ออกไปเหมือนเดิม

 

 

เธอไม่ได้หยิบเอากุงเนียร์ออกมาดูอะไร แต่เธอไปนั่งคิดอะไรบางอย่างที่หน้าต่างแทน

 

 

เธอรู้ดีว่าชีวิตเธอคงถึงจุดจบเมื่อหอกกุงเนียร์แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ

 

 

แต่ความหมายของการมีชีวิตอยู่ก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเวลาว่าใช้ชีวิตมานานแค่ไหน คอรัลเลยสลัดความคิดนั้นทิ้ง เธอเอาเวลาไปคิดว่าถ้าจะเจอหลี่ว์ซู่ครั้งต่อไปจะทำตัวอย่างไร

 

 

ยุโรปนั้นไม่ใช่ทวีปที่ใหญ่อะไรเลย พวกดังเคอร์และพวกเพลดจ์เลยมาถึงที่ซาร์ดิเนียภายในคืนเดียวเท่านั้น หลี่ว์ซู่กำลังจะคิดโน้มน้าวให้คอรัลออกไปจากสถานที่อันตรายนี้ซะ

 

 

ถึงอย่างไรเขาก็ยังไม่รู้ว่าพวกนั้นอยากจะได้ต้นไม้แห่งโลกกันมากขนาดไหน

 

 

หลี่ว์ซู่เดินออกไปหามื้อกลางวันกิน เขาอยากจะลองอาหารพื้นเมืองของที่นี่ แต่หมูหันนั้นไม่ใช่สิ่งที่เขาชอบเท่าไหร่ สุดท้ายแล้วเขาเลยเลือกกินสปาเกตตี้ในร้านอาหารแทน

 

 

พอเขากำลังจะเข้าไปในร้านหลี่ว์ซู่ก็หยุดด้วยความตกตะลึงไป แต่เขาก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและเดินเข้าไปในร้านต่อ เขาเดินออกจากร้านไปอย่างนั้นไม่ได้เพราะมันจะดูน่าสงสัยเกินไป

 

 

หลี่ว์ซู่คิดมาตั้งนานแล้วว่าไม่อยากจะมั่นใจอะไรกับหน้ากากของตัวเองมาก หลังจากเกิดเหตุการณ์ที่เขาเกือบโดนฆ่าเพราะปลอมตัวเป็นฮาเวิร์ดไป

 

 

เขาเป็นคนที่สะท้อนตัวตนของตัวเองได้ดี เขาเป็นคนระวังมากขึ้นหลังจากหน้ากากนี้พาเขาเข้าไปในอันตรายแบบไม่ได้ตั้งใจ

 

 

ดวงตาแห่งค่ายกลอันนี้ก็จะเป็นไม้ตายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา และเขาจะต้องเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับที่สุด

 

 

แต่ในตอนนั้นเองที่หลี่ว์ซู่กลับเสียดายที่ไม่ได้เปลี่ยนรูปร่างหน้าตาของตัวเองไป…

 

 

มีคนที่กำลังนั่งรับประทานอาหารในร้านอยู่สิบคนและพวกเขาต่างสวมชุดเครื่องแบบสีแดงกันหมด ชุดพวกนี้ดูคุ้น ๆ

 

 

พวกเพลดจ์นั่นเอง! องค์กรนี้ได้สั่งในพวกผู้บำเพ็ญลับกลุ่มใหญ่ไปขุดหาอาวุธวิเศษที่แตกหักในโบราณสถานเกาะช้าง และหลี่ว์ซู่คนนี้ก็ไปขโมยผลจากการทำงานทั้งหมดมาจากพวกเขานี่แหละ

 

 

หลังจากนั้นพวกระดับ C อีกสี่คนจากเพลดจ์ก็ไปเจอหลี่อีเสี้ยวโดยบังเอิญอีกจนได้…

 

 

พวกผู้บำเพ็ญลับหลายคนก็เห็นเหตุการณ์นั้นเหมือนกัน ถึงแม้ว่าจะไม่มีการถ่ายรูปหรืออัดวิดีโอหน้าตาของหลี่ว์ซู่ไว้ก็ตาม เขารู้ว่าเพลดจ์กำลังตามล่าเขาด้วยการไปถามพวกบำเพ็ญลับพวกนั้น พวกเขาพยายามเค้นเอาความทรงจำที่ได้เจอหลี่ว์ซู่ออกมา แล้วในที่สุดก็มียอดฝีมือระดับ B ออกมายืนยันว่ารูปที่พวกเขาหาเจอนั้นตรงกับชายหนุ่มที่พวกเขาไปเจอมาจริงๆ

 

 

แต่อย่างไรก็ตามมันก็ไม่ได้จะตรงกันเป๊ะขนาดนั้น ขนาดพวกครอบครัวโนกิวะยังไม่ประกาศรูปภาพนี้ออกไปตอนพวกเขาสั่งจับเลย พวกเขารู้แค่ชื่อของหลี่ว์ซู่เท่านั้น ต้องขอบคุณพวกหน่วยข่าวกรองของเครือข่ายฟ้าดินที่เข้าไปแทรกแซงได้อย่างทันท่วงทีจริงๆ คนที่รับผิดชอบตอนนั้นคือจงอวี้ถัง และเขาก็ทำงานได้อย่างรวดเร็วมาก ๆ ตอนนั้นเนี่ยถิงก็ให้คำสั่งลงมาด้วยว่าให้เก็บข้อมูลของหลี่ว์ซู่เป็นความลับให้เท่าๆ กับราชันฟ้าทั้งหลาย

 

 

เนี่ยถิงอยากจะดันเขาขึ้นเป็นราชันฟ้าตอนนั้นนั่นเอง

 

 

หลังจากที่หลี่ว์ซู่สั่งอาหารมาแล้วเขาก็นั่งอยู่ที่ของเขาเงียบๆ ทันใดนั้นเองพวกเพลดจ์ก็จ้องมองมาทางเขา หลี่ว์ซู่ภาวนาอยู่ในใจว่าอย่าให้พวกเขาจำได้เลย เพื่อความปลอดภัยของมนุษยชาติ…

 

 

“เฮ้ หน้าแกทำไมฉันว่ามันดูคุ้นๆ นะ” สมาชิกคนหนึ่งของเพลดจ์พูดขึ้นมาแล้วมานั่งตรงข้ามหลี่ว์ซู่

 

 

“ลองเรียงประโยคใหม่ได้ไหม” หลี่ว์ซู่นิ่งไปสองวินาทีก่อนตอบ

 

 

[ได้แต้มจากคอร์รี่ เออร์วิง +166!]

 

 

ไอ้หมอนี่ร้ายชะมัด!