กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 809
คนรับใช้ของตระกูลไป๋หลี่กำลังวุ่นอยู่กับการย่างหมู

ไม่ง่ายเลยที่พวกเขาจะย่างเสร็จหนึ่งหัว เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์นั้นได้กินจนหมดในคำเดียว

ทุกคนต่างตกตะลึงกัน

จ้องมองเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ตาเขม็งกินหนึ่งคำหนึ่งหัวอย่างน่าเอร็ดอร่อย

ในชั่วพริบตาก็ได้กินไปหลายร้อยหัวแล้ว

แต่มันไม่มีความตั้งใจที่จะหยุดเลยและก็ไม่ได้รู้สึกว่าจะกินอิ่มด้วย

ทุกคนต่างกลืนน้ำลายลง

ท้องนี้……

ก็ช่างใหญ่โตเกินไปกระมัง

หากกินเช่นนี้ต่อไปปากถ้ำก็จะแตกกระจุยเพราะมันหมดแล้ว

หากว่ามันกินได้มากมายเช่นนี้ไปตลอดถึงแม้ว่าจะทำสัญญาข้อตกลงกับมันได้ ก็……ก็เลี้ยงไม่ไหวนะ

“ห้า……ย่างห้าร้อยหัว……ย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว”

คนรับใช้เหนื่อยจนพูดอะไรไม่ออกแล้ว

คำพูดของคนรับใช้เพิ่งจบลงเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ก็ได้กลืนหมูย่างหัวสุดท้ายเข้าในท้องอย่างเต็มอิ่มจนส่งเสียงฟ่อๆออกมา

ไป๋หลี่อวิ๋นเย่ว์กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “ให้……ให้มันออกจากปากถ้ำก่อนเถอะ พวกเรารอช้าไม่ได้แล้ว”

ปรมาจารย์ควบคุมสัตว์ร้ายกล่าวว่า “มัน……มันบอกว่ากินอิ่มเกินไป เดินไม่ไหว……”

“……”

เมื่อครู่หิวเกินกว่าจะเดินไปได้

ตอนนี้อิ่มจนเดินไม่ไหวแล้ว?

มันจงใจหรือเปล่า?

หรือว่ามันต่างหากที่เป็นเจ้าหัวขโมยนั้น?

แต่……

หากว่ามันเป็นหัวขโมยก็ขโมยไปตั้งนานแล้ว จะรอจนถึงตอนนี้ได้เช่นไร?

มันเป็นงูตัวหนึ่งขโมยของเหล่านี้ไปก็ไม่มีประโยชน์

ในขณะที่ทุกคนไม่พอใจคำพูดประโยคหนึ่งของปรมาจารย์ควบคุมสัตว์ร้ายทำให้พวกเขารู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย

“ราชางูเหลือมบอกว่ามันกินอิ่มเกินไปขยับตัวไม่ไหว แต่ว่าพวกเจ้าสามารถให้คนเคลื่อนย้ายมันไปได้”

สัตว์ขนาดใหญ่เช่นนี้จะเคลื่อนย้ายได้อย่างไร?

ไป๋หลิ่วเจิ้นกังวลเรื่องยาอายุวัฒนะไม่กล่าวสิ่งใดก็ให้คนไปเคลื่อนย้ายเสี่ยวจิ๋วเอ๋อร์เลยโดยตั้งใจไว้ว่าจะให้คนพยุงเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ไปยังพื้นที่อันโล่ง

สาวกวัยหนุ่มฉกรรจ์นับสิบคนพยายามอย่างเต็มที่แต่กลับไม่สามารถขยับได้เลยแม้แต่น้อย

ตระกูลไป๋หลี่ได้เพิ่มคนเป็นสิบคน หนึ่งร้อยคน……สุดท้ายหลายร้อยคนแบกงูตัวหนึ่งแต่ก็ยังไม่สามารถแบกไหวกลับทำให้พวกเขาเหนื่อยจนเหงื่อไหลไคลย้อย

“เจ้างูตัวนี้จงใจไม่ยอมเคลื่อนตัวหรือเปล่า? ไม่เช่นนั้นเหตุใดคนจำนวนมากมายเช่นนั้นถึงเคลื่อนย้ายไม่ได้เลยหล่ะ?”

“มันบอกว่าเรี่ยวแรงของพวกเจ้าน้อยเกินไปจึงโทษมันไม่ได้ มันก็ต้องการขยับตัวและลดน้ำหนัก”

“อสุรกายสามารถหดตัวได้ไม่ใช่เหรอ? ท่านทำให้มันหดตัวลงสิ”

“มันบอกว่ากินอิ่มเกินไป หดตัวไม่ได้ท้องจะยันจนปวด”

“……”

ไร้คำพูด

ในเมื่อรู้แล้วว่ากินมากขนาดนั้นจะอิ่มแล้วยังจะกินมากขนาดนั้นทำไมกัน?

“แล้วตอนนี้จะทำอย่างไรหล่ะ?”

“รอให้มันย่อยแล้วก็จากไปเองหรือไม่พวกเจ้าก็ไปเคลื่อนย้ายต่อย้ายมันออกไป”

หมูย่างห้าร้อยหัวเชียวนะจะย่อยไปจนถึงเมื่อใด

หากไม่ใช่ว่ามันเป็นอสุรกายระดับห้าและพวกเขาก็ต้องการโน้มน้าวให้มันยอมด้วยแล้วหล่ะก็คนตระกูลไป๋หลี่อยากจะตัดมันเลยโดยตรงแล้ว

ที่นี่ตันไร้ทางออกอีกด้านหนึ่งกลับเป็นคลื่นกลมๆ

น้ำเสียงอันโกรธจัดได้แว่วออกมาอย่างแผ่วเบา

“ข้าไปขโมยสิ่งของของตระกูลไป๋หลี่ของพวกเจ้าเมื่อใดกัน ตระกูลไป๋หลี่ของพวกเจ้ามีสิ่งใดคู่ควรให้พวกเราขโมย? นอกจากนี้พวกเจ้ามีหลักฐานอะไรมาพิสูจน์ว่าข้าขโมยไป”

“เช่นนั้นเจ้าไม่มาตระกูลไป๋หลี่นานหลายสิบปี แล้ววันนี้จู่ๆก็มาทำสิ่งใดที่ตระกูลไป๋หลี่?”

“ทำสิ่งใด? ข้าสงสัยว่าตระกูลไป๋หลี่ของพวกเจ้าสังหารคนลักขโมยของ แย่งชิงยาอายุวัฒนะระดับสองคุณภาพสูงของตระกูลซั่งกวนของเรา”

“สารเลว เจ้ามีหลักฐานใดชี้ชัดว่าพวกเราชิงเอาไป?”

“บังเอิญเลย อสุรกายของเราก็เห็นเข้าด้วยสิ”

“อสุรกายตัวใดเห็น ให้มันออกมาเผชิญหน้ายันซิ”

“อสุรกายตัวใดในตระกูลไป๋หลี่ของพวกเจ้ากันหล่ะที่เห็นข้าขโมยของ ก็ให้มันออกมายันสิ”

“โครม……”

ตระกูลไป๋หลี่อันโอ่อ่าพื้นนั้นดินได้สั่นสะเทือน ซึ่งมองออกว่าที่นั่นต่อสู้กันได้ดุเดือดนัก

ไป๋หลี่อวิ๋นเย่ว์กล่าวว่า “ฉางชิง เจ้าเคลื่อนคนจำนวนหนึ่งไปหนุนผู้อาวุโสไป๋หลี่เฉิง”

“ขอรับ”

ตระกูลไป๋หลี่และตระกูลซั่งกวนต่อสู้กันเองขึ้นโดยที่ต่อสู้กันจนมืดฟ้ามัวดินและหลังคากระเบื้องบินกระจุย

ผู้คนไม่น้อยของตระกูลไป๋หลี่ต่างตกตะลึงกัน

เนื่องจากตระกูลซั่งกวนนอกจากซั่งกวนชิงแล้วด้านนอกยังมีคนอีกมากมายซุ่มโจมตี ซึ่งทำให้ตระกูลไป๋หลี่คิดว่าผู้ที่ปล้นยกเค้าคือตระกูลซั่งกวน

ตระกูลซั่งกวนยังเชื่อว่าตระกูลไป๋หลี่ต้องการปกปิดเรื่องสังหารคนแย่งชิงยา ด้วยเหตุนี้จึงได้กลืนไม่เข้าคายไม่ออก

ที่สำคัญที่สุดคือคนของตระกูลซั่งกวนแฝงตัวเข้ามาในตระกูลไป๋หลี่ แล้วยังค้นเจอยาอายุวัฒนะคุณภาพสูงระดับสองขั้นสูงอีกสามเม็ด

ยาอายุวัฒนะนี้เหมือนกับยาอายุวัฒนะที่สูญหายไปของพวกเขาไม่ผิดเพี้ยน

ความขัดแย้งทวีความรุนแรงขึ้นอีกขั้นโดยทะเลาะกันเสียงดังสนั่นหวั่นไหวตามไปด้วย

สี่ตระกูลใหญ่ไม่ได้ต่อสู้กันอย่างเป็นทางการมานานกี่ปีแล้ว

และในคืนนี้ยอดฝีมือของเผ่าตระกูลใหญ่สองตระกูลได้ออกมา ซึ่งคนทั้งเมืองหลวงต่างตื่นตระหนกกันทั้งสิ้น

คนของตระกูลไป๋หลี่ต่างถูกสนามรบตรงนั้นดึงดูดเสียแล้ว

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ยิ้มฟ่อๆโดยริเริ่มคลานออกไปให้คนของตระกูลไป๋หลี่เข้าไปยังหอเจินเป่า

ไม่นานนักกู้ชูหน่วนได้ปลอมตัวเป็นคนรับใช้ของตระกูลไป๋หลี่และออกจากหอเจินเป่าภายใต้การปิดบังของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์

ไป๋หลี่กล่าวอย่างโกรธเคืองว่า “ชุ่ยอวี้เซวียนอันใหญ่โตและสมบัตินับไม่ถ้วนในหอเจินเป่ากลับถูกพวกเขายกเค้าไปเกลี้ยงหมดแล้ว ไม่หลงเหลือเลยแม้แต่น้อยซึ่งเป็นรังแกกันมากเกินไปแล้ว”

ที่น่ารังเกียจที่สุดคือยาอายุวัฒนะระดับสองขั้นสูงสามเม็ดที่ชิงมาอย่างยากลำบากกลับถูกตระกูลซั่งกวนขโมยคืนกลับไป

ขโมยคืนกลับไปก็ช่างเถอะแล้วยังแผนการนี้เอาไว้อีกด้วย

ซั่งกวนอวิ๋นเย่ว์นับว่าเป็นผู้ที่อารมณ์ดีนัก

แต่ทรัพย์สินของตระกูลตนถูกยึดไป

แม้แต่ยาอายุวัฒนะ ยาสมุนไพรคุณภาพสูงและวิชายุทธต่างๆที่สะสมมาเป็นระยะเวลานับร้อยปีก็ถูกยกเค้าไปจนเกลี้ยง ไม่หลงเหลือเลยแม้แต่ซาก

ทำเกินไปแล้ว

ทำเกินไปแล้วจริงๆ

หากว่าตระกูลไป๋หลี่แม้แต่นี่ก็สามารถกล้ำกลืนฝืนทนได้ พวกเขาก็ไม่คู่ควรที่จะถูกเรียกว่าตระกูลไป๋หลี่ผู้เป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ซะแล้ว

ที่นี่ทะเลาะกันอย่างโกลาหล

กู้ชูหน่วนหาบ้านร้างอันห่างไกลไร้คนพักอาศัยพักพิงอยู่

นางเย้าแหย่หัวเจ้าเสือน้อยจากนั้นยิ้มแล้วกล่าวว่า “ในช่วงเวลาคับขันเจ้าก็ยังใชการได้ ที่ตั้งของยาอายุวัฒนะระดับสองสามเม็ดนั้นถูกตระกูลซั่งกวนสังเกตเห็นได้พอดิบพอดีเลย”

เจ้าเสือน้อยหมอบอยู่ในอ้อมแขนของกู้ชูหน่วนด้วยความสนิทใจ

รู้สึกชื่นชอบการชื่นชมของกู้ชูหน่วนนัก

แต่เมื่อนึกถึงว่าสูญเสียยาอายุวัฒนะสามเม็ดไปโดยเปล่าประโยชน์ ในใจเจ้าเสือก็ช่างเจ็บปวดมากมายนัก

“พอแล้ว ก็แค่ยาอายุวัฒนะสามเม็ดเจ็บปวดใจอันใดนักหนา ครั้งนี้พวกเราไม่ต้องเสียเงินสักแดงก็สามารถกลั่นยาอายุวัฒนะได้มากมายเช่นนี้ ได้กำไรมามากเพียงพอแล้วอย่าได้โลภมากนัก”

“ฟ่อฟ่อ……”

ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อใดเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ก็ได้กลายเป็นงูที่มีความยาวครึ่งเมตรและเล็ดลอดผ่านทางหน้าต่างเข้ามา

ทันทีที่มันเข้ามาก็เห็นเจ้าเสือน้อยซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของกู้ชูหน่วนจึงได้โมโหขึ้นมาในทันใด

“ข้าอยู่ที่ด้านนอกนั้นพยายามแทบเป็นแทบตายในการปกป้องคุ้มครองนายท่านก็เพื่อให้เจ้าได้นายท่านไปเพียงลำพังหรือ หลีกไป”

มันสะบัดหางงูเพื่อต้องการสะบัดเจ้าเสือน้อยออกไป

เจ้าเสือน้อยจะหลีกทางให้ได้อย่างไร เสือตัวหนึ่งกับงูตัวหนึ่งแยกเขี้ยวแยกยิงฟันเริ่มต่อสู้ฟาดฟันกันขึ้นมาอีก

“หากพวกเจ้าจะสู้กันต่อไปก็อย่าได้ตามข้าอีก”

“นายท่าน……”

“โฮก โฮก……”

“เด็กดี พวกเจ้าเป็นคนโปรดของข้าทั้งคู่ ทั้งหน้ามือหลังมือก็เป็นเนื้อ นายท่านรักใคร่เหมือนๆกัน”

กู้ชูหน่วนมือหนึ่งสัมผัสตัวหนึ่งโดยที่ลูบไล้ขนให้กับพวกมันไม่หยุด ถึงสามารถหยุดความโกรธของพวกมันลงได้

นางเปิดขวดทีละขวดขวดแล้วขวดเล่าแล้วสั่งว่า “มาเถอะ ยาอายุวัฒนะเหล่านี้พวกเจ้าแบ่งกันกินเถอะนะ แม้ว่าจะไม่รู้ว่าจะสามารถช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับพวกเจ้าได้หีือไม่แต่อย่างน้อยก็สามารถทำให้ร่างกายแข็งแรงได้”

“ยาอายุวัฒนะมากมายเช่นนี้เลยหรือ?”

“กินเป็นอาหารว่างนะ”

“นายท่าน ท่านช่างจิตใจดีนัก” เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์หรี่ตายิ้ม

ยาอายุวัฒนะอร่อยสู้หมูย่างไม่ได้

แต่ยาอายุวัฒนะที่นายท่านกลั่น มันจะให้สูญเปล่าได้อย่างไร

เจ้าเสือน้อยยิ่งประทับใจจนน้ำหูน้ำตาไหล และก็ไม่รู้ว่ามันหัดมาจากที่ใดถึงได้กัดกรงเล็บเสือของมันเองจากนั้นก็ข่วนแขนของกู้ชูหน่วนจนเลือดไหล เลือดทั้งสองชนิดรวมเข้าด้วยกันปรากฏเป็นเส้นๆประกายแสงขึ้นมา

เมื่อเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เห็นเข้าท่าทางที่กินยาอายุวัฒนะอยู่ก็ได้แข็งทื่อ

“หยุดนะหยุดนะ เจ้าไม่สามารถทำสัญญาข้อตกลงกับนายท่านได้ นายท่านเป็นของข้าของข้าของ……”