ตอนที่ 295 แนวคิดที่แตกต่าง / ตอนที่ 296 ไม่อยากสนใจนาย

เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก

ตอนที่ 295 แนวคิดที่แตกต่าง 

 

 

ตอนที่แม่บ้านบอกว่าคุณชายรองกลับมาแล้ว คุณแม่เหยียนก็อยากจะพุ่งตัวออกจากบ้านเสียเดี๋ยวนั้น แต่ถูกคุณพ่อเหยียนรั้งไว้เสียก่อน 

 

 

“เป็นอะไรของคุณ นั่งรออยู่นี่แหละ” 

 

 

คุณแม่เหยียนเหลือบมองเขาปราดหนึ่ง ก่อนจะจัดเผ้าผมเสื้อผ้า นั่งหลังตรงอยู่บนโซฟาเพื่อรอลูกชายคนเล็กของตน 

 

 

ตอนที่เหยียนเค่อเข้ามาในบ้าน เหยียนเฟิงยังเอารถไปจอดในโรงรถอยู่เลย 

 

 

การที่คนสองคนเผชิญกับปัญหาแล้วเลือกวิธีการแก้ไขที่แตกต่างกันนั้น สามารถตัดสินการพัฒนาในอนาคตอันแตกต่างของพวกเขาได้ 

 

 

“พ่อครับแม่ครับ” เหยียนเค่อทักทายทั้งสองคนที่นั่งอยู่ในห้องรับแขกก่อนจะตั้งท่าวิ่งขึ้นห้อง 

 

 

“เก่งนักใช่ไหม ต่างประเทศบ้านไหนไปเช้ากลับเย็นน่ะหา” ไม้เท้าในมือของคุณพ่อเหยียนขยับเคลื่อนไหว 

 

 

“ผมขอไปเปลี่ยนชุดก่อนแล้วจะลงมานะครับ” เหยียนเค่อเข้าไปหลบอยู่ด้านหลังกระถางดอกไม้ ยกกระเป๋าในมือขึ้นแล้ววิ่งขึ้นบันได 

 

 

“เหอะ” แน่นอนว่าคุณพ่อเหยียนมองเห็นบาดแผลบนใบหน้าของเขา จึงเอ่ยเสียดสี “ขนาดไปตีกับเขายังโดนต่อยหน้ามาเลย น่าขายหน้าจริงๆ” 

 

 

ตอนเด็กๆ เวลาเหยียนเค่อเกิดทะเลาะวิวาทจะปกป้องใบหน้าของตนเป็นอย่างดี แล้วก็ต่อยตีคนอื่นจนสภาพเหมือนหมา ก่อนที่ตัวเองจะเป็นภูมิแพ้ซะเอง นี่เป็นครั้งแรกที่บาดเจ็บที่ใบหน้า แถมยังเป็นการบาดเจ็บที่โดนโทรศัพท์กระแทกใส่หน้าอีกต่างหาก 

 

 

เขาลูบหางคิ้วของตนแล้วเบ้ปาก ทำตัวเองเจ็บเองก็ดีกว่าโดนคนอื่นต่อยมาแล้วกัน 

 

 

คุณแม่เหยียนลอบมองตามลูกชายไป เห็นเขาบาดเจ็บที่หน้าก็รู้สึกสงสารสุดใจ ก่อนจะเริ่มเป็นห่วงอาการเจ็บของหลี่หมิงฉวี ทำให้หน้าของลูกชายเป็นแบบนี้ เหยียนเค่อต้องเล่นงานเขาถึงตายแน่นอน 

 

 

เหยียนเค่อนึกไปถึงชุดอยู่บ้านที่ตนกับซย่าเสี่ยวมั่วดันใส่คู่กันเมื่อคราวก่อน แล้วจึงหยิบมันออกมาจากกระเป๋าเดินทาง 

 

 

คนยังเป็นคนเดิม เสื้อผ้าก็ยังเป็นเสื้อผ้าตัวเดิม เพียงแต่สภาพแวดล้อมเปลี่ยนไป อารมณ์ของคนก็เปลี่ยนแปลงไปด้วย 

 

 

เขาเดินลงมาจากชั้นบนก็ได้ยินเสียงพูดคุยของเหยียนเฟิงกับคุณพ่อเหยียน 

 

 

“พี่” เหยียนเค่อทักทายคนที่นั่งอยู่บนโซฟาอีกด้าน ก่อนจะนั่งลงห่างจากพวกเขาตรงริมสุดของโซฟา 

 

 

“แกจะไปนั่งไกลขนาดนั้นทำไม รู้ว่าตัวเองทำผิดก็เลยจะหลบหรือไง” คุณพ่อเหยียนเหลือบตามองเขา 

 

 

เหยียนเค่อเหยียดขายาวๆ นั่นออกแล้วเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจนัก “โซฟาใหญ่เกินไปต่างหากล่ะครับ ผมไม่มีอะไรต้องหลบสักหน่อย” 

 

 

“แกไม่มีอะไรต้องหลบงั้นเหรอ แกรู้ไหมฉันขายหน้าเพราะแกจะแย่อยู่แล้ว” 

 

 

“ผมไม่คิดว่าเรื่องของเรามันจะเกี่ยวอะไรกันนะครับ” เหยียนเค่อไม่เข้าใจในคำพูดของเขา “ผมโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ตอนนี้พ่อแม่ญาติพี่น้องก็ไม่ต้องมารับโทษด้วยlสักหน่อย ต่อให้ผมทำผิดก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพ่อกับแม่เลย แต่นี่ผมก็ไม่ได้ทำผิดอะไรสักหน่อย” 

 

 

“แกไม่ได้ทำผิดอะไรเลยงั้นเหรอ” คุณพ่อเหยียนโมโหจนหอบหายใจหนัก “แกยังกล้ามีหน้ามาบอกว่าตัวเองไม่ได้ทำผิดอะไรอีกเหรอ” 

 

 

เหยียนเค่อรู้สึกว่าไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องพูดแบบนี้ต่อไป “ผมเป็นลูกชายของพ่อกับแม่ ผมกลับมาบ้านก็เพื่อแสดงความกตัญญูไม่ใช่เพื่อมาพูดเรื่องในชีวิตของผมที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพ่อแม่เลย เราทุกคนต่างก็มีวิธีการใช้ชีวิตเป็นของตัวเอง อย่าบีบบังคับให้ผมต้องรับความรู้สึกนึกคิดของพ่อกับแม่เลย” 

 

 

“ผมเหนื่อยแล้ว มีอะไรค่อยคุยกันพรุ่งนี้นะครับ” เขาลุกขึ้นก่อนจะเดินจากไป เมินเฉยต่อเสียงคำรามของคุณพ่อเหยียนที่ดังขึ้นไล่หลัง 

 

 

การที่สมาชิกในครอบครัวมารวมตัวกัน พูดคุยสารทุกข์สุกดิบธรรมดาทั่วไป เอาใจใส่ซึ่งกันและกันแต่ไม่ล้ำเส้นกันแบบนี้ไม่ดีกว่าเหรอ 

 

 

มีบางเรื่องที่เขาจัดการได้ด้วยตัวเองแล้ว มีบางเรื่องที่ต่อให้เป็นครอบครัวเดียวกันเขาก็ไม่สามารถบอกได้ หรือว่าจะต้องต่างคนต่างไม่ชอบหน้ากันแบบนี้งั้นเหรอ 

 

 

เขานอนหงายอยู่บนเตียงมองเพดานที่ขาวสะอาดไร้ซึ่งคราบสกปรก การจ้องอะไรนานๆ ทำให้ดวงตาของเขาแห้งและเริ่มมีน้ำมาหล่อเลี้ยง 

 

 

ตัวเขาในวัยสิบหกอาจจะคิดถึงบ้าน แต่ตัวเขาในวัยยี่สิบแปดหาสิ่งที่เรียกว่าบ้านไม่เจอแล้ว สถานที่ที่มีแต่พ่อกับแม่เช่นนี้สำหรับเขาแล้วไม่ถือว่าเป็นบ้าน เขาไม่ได้รู้สึกถึงการเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวและความผ่อนคลายเมื่อได้กลับบ้านเลย ที่นี่ก็มีการคิดร้ายและการวางแผนเช่นกัน เพียงแต่อยู่ในชื่อเรียกว่า ‘ที่ทำไปก็เพื่อลูก’ เท่านั้น 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 296 ไม่อยากสนใจนาย 

 

 

ฟ้าค่อยๆ มืดลง กิ่งก้านของต้นมะเดื่อด้านนอกราวกับดาบเล่มคมที่ตั้งอยู่ท่ามกลางความมืด สายลมฤดูใบไม้ร่วงอันหนาวเหน็บพัดผ่านแต่ก็ยังคงความเงียบสงัดเอาไว้ได้ 

 

 

เหยียนเค่อวาดแขนออกไปโดนโทรศัพท์ที่เขาโยนไว้อีกด้านพอดี จึงคว้ามาเปิดเวยปั๋วโดยไม่รู้ตัว 

 

 

มีโพสต์ใหม่ของซย่าเสี่ยวมั่วจริงๆ เสียด้วย เธอยังหยอกล้อกับผู้อ่านในแถบคอมเมนต์อยู่ ท่าทางจะว่างอยู่จริงๆ เหยียนเค่อเลื่อนลงไปด้านล่าง ตอนนี้ซย่าเสี่ยวมั่วคงจะกำลังเบื่อๆ อยู่ ตอบไปกี่คอมเมนต์แล้วก็ไม่รู้ 

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วกำลังเบื่ออยู่จริงๆ เพราะตอนแรกฉินซื่อหลานขับรถไปทางตรงกันข้ามกับบ้านของเธอ ดังนั้นเขาจึงไปซูเปอร์ฯ กับเธอเพื่อซื้อของก่อนค่อยกลับเข้าบ้าน เธอคนเดียวทำอาหารมื้อใหญ่ ตอนกินจึงจะนึกขึ้นได้ว่าไม่ได้เรียกรั้งให้ฉินซื่อหลานอยู่กินข้าวด้วย ทำให้เหลือกับข้าวมากมายหลายจาน 

 

 

[อาจารย์คะ สปอยล์หน่อยได้ไหมว่าตัวละครสองตัวในการ์ตูนแยกกันแล้วจะกลับมาเจอกันอีกได้ยังไง] มีนักอ่านคนหนึ่งอยากได้สปอยล์ 

 

 

[ไม่ได้ค่ะ] ซย่าเสี่ยวมั่วตอบอย่างเฉียบขาดด้วยเหตุผลโง่ๆ [เวลาผ่านไปนานแล้ว ฉันก็ลืมแล้วเหมือนกันว่าจะกลับมาเจอกันได้ยังไง พวกเธอรอแอคออฟฟิเชียลอัพแล้วกันนะ] 

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วพูดความจริง ตอนนี้เธอวาดต้นฉบับเก็บไว้เยอะมาก ต้องรอให้เธอสามารถลืมเรื่องของเมื่อหลายวันก่อนแล้วจึงจะเริ่มวาดต้นฉบับใหม่ได้ ดังนั้นเรื่องราวก่อนหน้านี้ก็ลืมไปเกือบหมดแล้ว 

 

 

เธอเลื่อนลงไปด้านล่างก็ได้ยินเสียงแจ้งเตือนที่ผิดแผกออกไปดังขึ้น [ตอนนี้เธออยู่ไหน] 

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วมองชื่อภาษาอังกฤษอันคุ้นเคยแล้วขมวดคิ้ว ก่อนจะพิมพ์ตอบ [อยู่บ้าน] 

 

 

ต้องอย่างนี้สิ…เหยียนเค่อจิตใจสงบลงไม่น้อย [เขาไปส่งเธอที่ไหนล่ะ] 

 

 

[บ้านฉันไง] ซย่าเสี่ยวมั่วรู้สึกว่าเขาช่างจู้จี้จุกจิก จึงพูดอธิบายออกไปอย่างชัดเจน [ตอนแรกเขาไม่รู้ว่าบ้านฉันอยู่ไหนก็เลยไปส่งผิดทาง ตอนหลังก็เลยพาฉันมาส่งที่บ้าน] 

 

 

เหยียนเค่อโล่งใจเหมือนยกภูเขาออกจากอก ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง เขาประเมินสติปัญญาของฉินซื่อหลานสูงเกินไป 

 

 

ฉินซื่อหลานที่กะว่าจะโต้รุ่งเขียนวิทยานิพนธ์จามหนึ่งที แล้วไปต้มสมุนไพรป่านหลานเกินให้ตัวเองเงียบๆ 

 

 

[โง่ทั้งคู่] มุมปากของเหยียนเค่อยกยิ้มขึ้นโดยไม่รู้ตัว 

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วจิ้มแป้นพิมพ์อย่างเคืองขุ่น [คนโง่คนนี้ไม่อยากคุยกับนาย] 

 

 

เธอไม่ใช่คนแค้นฝังหุ่น…ไม่ เธอเป็นคนแค้นฝังหุ่น ทั้งๆ ที่เกิดเรื่องขึ้นมากมาย แต่ทำไมเหยียนเค่อถึงยังหยอกล้อเล่นกับเธอได้อยู่ราวกับเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยล่ะ วันนี้เหยียนเค่อเมินเธอก่อน แล้วทำไมเธอต้องสนใจเขาด้วยล่ะ 

 

 

เหยียนเค่อเห็นข้อความตอบกลับนั้นแล้วก็รู้สึกหมดแรง ซย่าเสี่ยวมั่วไม่ใช่คนที่แค่มีเรื่องเพียงเล็กน้อยก็ต้องเอาคืน แต่เธอจะไม่ปล่อยโอกาสที่จะแก้แค้นใดๆ หลุดมือไปเด็ดขาด 

 

 

[อย่าโมโหน่า] 

 

 

[ฉันไม่ได้โมโห ฉันไม่อยากคุยกับนาย] ซย่าเสี่ยวมั่วหยิบตะเกียบขึ้นโดยไม่รู้ตัว กินข้าวไปพลางจ้องหน้าจอโทรศัพท์เพื่อตอบข้อความ 

 

 

[เธอไปเยี่ยมแฟนเก่าแล้วต้องให้ฉันมาสนใจเธออีกเหรอ เธอนี่เรื่องมากชะมัด] เหยียนเค่อคิดๆ แล้วก็อารมณ์ขึ้น 

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วเหยียดยิ้ม [ถ้างั้นนายก็ไม่ต้องสนใจฉันต่อไปสิ ตอนนี้ฉันก็ไม่ได้ขอให้นายมาสนใจฉันสักหน่อย] 

 

 

เหยียนเค่อยอมแพ้ [ราตรีสวัสดิ์ นอนละ] 

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วดูเวลา ก่อนจะตอบกลับเป็นมารยาทแล้วเลื่อนดูคอมเมนต์ของตนต่อ 

 

 

เหยียนเค่อมองดูคำว่า ‘ไสหัวไป’ ที่เธอพิมพ์ตอบกลับมาก็ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือไงหา กล้าดียังไง 

 

 

เขาวางโทรศัพท์ไว้อีกด้านหนึ่งก่อนจะหลับตาลง คืนนี้เขายังมีการประชุมวิดีโอกับผู้รับผิดชอบในแต่ละเขตอีก ในกระเป๋ายังมีเอกสารการประมูลที่ยังอ่านไม่จบวางอยู่ในนั้น ไม่รู้ว่าคืนนี้จะได้นอนหรือเปล่า 

 

 

แล้วก็คิดไปถึงตอนที่อยู่โต้รุ่งกับซย่าเสี่ยวมั่วตอนที่อยู่ด้วยกัน แถมวันต่อมาเธอก็ยังตื่นขึ้นมาทำอาหารให้ถึงแม้จะยังง่วงงุน ความรู้สึกอันอบอุ่นนั้นทำให้ยามเช้าอันเย็นเยียบของฤดูใบไม้ร่วงนั้นเจือด้วยบรรยากาศของฤดูใบไม้ผลิ