ตอนที่ 321 อันธพาลสมควรตาย / ตอนที่ 322 ทำลายจนสิ้นซาก

ลิขิตฟ้าชะตารัก

ตอนที่ 321 อันธพาลสมควรตาย 

 

 

 

 

 

“ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็รีบไปนอนเสียสิ” อวี้อาเหรารีบใช้โอกาสนี้บอกเขาเสีย 

 

 

“ก็ได้” ฉู่ป๋ายดื่มชาเพื่อล้างคอ ก่อนจะลุกขึ้นยืนจากโต๊ะ แต่เขาไม่ได้เดินไปยังประตู กลับเดินไปยังทิศทางที่เตียงนอนของนางตั้งอยู่ 

 

 

นี่เขาก็จะนอนบนเตียงของนางอย่างนั้นหรือ 

 

 

เมื่อเข้าใจแล้วอวี้อาเหราก็รีบเข้าไปขวางในทันที แต่กลับไม่คิดว่าเขาจะว่องไวเสียจนน่าประหลาด เพียงชั่วครู่ก็ปลดเปลื้องเสื้อคลุมบนร่างออก และทำท่าจะปลดเสื้อตัวในอีก เช่นนั้นอวี้อาเหราจึงรีบหันหน้าหนีไปทางอื่น “เจ้าจะนอนก็นอนสิ จะต้องถอดเสื้อผ้าทำไมกัน” 

 

 

“ไม่ถอดแล้วจะนอนได้อย่างไร” มือของฉู่ป๋ายยังคงไม่หยุด ยังคงปลดเสื้อผ้าของตัวเองต่อไป 

 

 

อวี้อาเหราหมดวาจาที่จะกล่าว เอาแต่คิดว่าเหตุใดบุรุษผู้นี้ถึงไม่รู้จักอายเสียบ้าง เหตุใดถึงได้กล้าปลดเปลื้องเสื้อผ้าต่อหน้าหญิงสาววัยกำดัดเช่นนาง นี่เขาได้รับการอบรมมาอย่างไร! นางลอบมองด้วยหางตาก็พบว่าด้านในของเขายังมีเสื้อชั้นในตัวยาวสีขาวอยู่อีกตัวหนึ่ง เสื้อชั้นนอกเป็นเพียงเสื้อคลุมตัวบางที่คลุมทับเอาไว้เท่านั้น 

 

 

นางถอนหายใจออกมาในทันที ยังดีที่ชายผู้นี้ยังพอมียางอายอยู่บ้าง 

 

 

ฉู่ป๋ายห่มผ้านอนอย่างสบายใจ เขาหันหน้ากลับมามองอวี้อาเหราที่ยังคงยืนอยู่ เช่นนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นว่า “เจ้าคิดจะกลับไปเมื่อไร” 

 

 

กลับไปเมื่อไรหรือ? นางนึกถึงคำสั่งที่หนิงจื่อเย่มอบให้นางแล้ว ก่อนที่นางจะกลับไปนางจะต้องสังหารชายหนุ่มที่กำลังนอนอยู่บนเตียงผู้นี้เสียก่อน แต่นางจะลงมือได้อย่างไร เมื่อคิดว่านางอาจจะทำไม่สำเร็จ และไม่ได้กลับไปแล้วก็ช่างเถิด เพราะหากนางลงมือทำเช่นนั้นจริงก็คงไม่ต่างอะไรกันกับถูกขังอยู่ในตลาดมืดแห่งนี้ไปชั่วชีวิต 

 

 

แต่ความคิดน่าหัวร่อเช่นนี้ มันจะเป็นจริงได้หรือ หากนางกล้าที่จะทำเช่นนั้นจริง หนิงจื่อเย่ก็คงไม่มีทางวางมือง่ายๆ แน่ 

 

 

“เจ้าเป็นอะไรไป” ฉู่ป๋ายเห็นนางขมวดคิ้ว ไม่ยอมพูดยอมจาอยู่นาน 

 

 

อวี้อาเหราส่ายหน้า “ไม่มีอะไร รอให้เจาเอ๋อร์หายเจ็บเสียก่อน ข้าก็คงจะกลับไป” 

 

 

“ดี” เขาพยักหน้าเห็นด้วย หลับตาลงแล้วนอนหลับไป 

 

 

อวี้อาเหรามองใบหน้าหลับลึกของเขาแล้วก็ยากที่จะสงบใจลงได้ เพียงนางมองเขาเช่นนี้ก็ไร้หนทางที่จะลงมือแล้ว เช่นนี้จะให้นางฆ่าเขาได้อย่างไร อีกอย่างฉู่ป๋ายเองก็ปฏิบัติต่อนางอย่างดีเสมอมา นับตั้งแต่วันที่นางทะลุมิติมาที่โลกแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นในวัดเป่าหัวซื่อหรือในวังหลวง ก็ล้วนเป็นเขาที่แอบให้ความช่วยเหลือนางอยู่เสมอ 

 

 

แล้วตอนนี้ นางจะต้องฆ่าเขา… 

 

 

นางจะทำได้อย่างไรกัน 

 

 

หากวันนี้หนิงจื่อเย่ให้นางฆ่าฉู่ป๋าย หลังจากนั้นหากเขาให้นางไปสังหารฮ่องเต้อีกเล่า นางจะต้องทำตามหรือไม่? ถ้าอย่างนั้นก็เท่ากับรนหาที่ตาย นางจะต้องถูกควบคุมไปตลอดอย่างนั้นหรือ นางไม่ใช่คนที่อุทิศตัวเองเพื่อภารกิจถึงเพียงนั้น นางเพียงต้องการอิสระ อย่างไรก็ต้องหลีกหนีจากการโดนเปิดโปงสถานะจอมปลอมของตัวนางเองให้ได้ 

 

 

หลังจากที่คิดได้ดังนั้นแล้ว นางก็พยายามสงบใจอยู่นาน ในที่สุดก็ปลดวางความทุกข์ใจไปได้บ้าง 

 

 

นางก้าวยาวๆ เข้าไปด้านหน้า พยายามควบคุมความโกรธเคืองลง “เจ้าจะมานอนที่เตียงของข้าทำไมกัน รีบกลับไปนอนที่ห้องของเจ้าเสียสิ” 

 

 

ฉู่ป๋ายไม่สนใจนาง ยังคงนอนหลับอย่างสบายใจ หายใจสม่ำเสมอเช่นเดิม 

 

 

อวี้อาเหรารู้สึกจนใจ “เจ้ายังหน้าด้านไม่พออีกหรืออย่างไร” 

 

 

“ใช่” หลังจากที่เขาพูดจบ ทันใดนั้นก็ยื่นมือออกไปตวัดร่างของอวี้อาเหราลงมา ร่างของทั้งสองนอนลงบนเตียง ฉู่ป๋ายไม่สนใจว่านางจะขัดขืนเพียงใด เขาใช้ผ้าห่มคลุมศีรษะ แล้วกอดนางเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย หัวเราะอย่างมีเลศนัย “เมื่อครู่นี้เจ้าก็บอกว่าข้าหน้าไม่อายมิใช่หรือ เช่นนั้นข้าก็จะทำตัวหน้าไม่อายให้เจ้าดูเสียเลยเป็นไร” 

 

 

“เจ้าอันธพาลสมควรตาย!” เมื่อถูกกักขังอยู่ในความมืด จนนางมองไม่เห็นถึงแสงสว่างแม้แต่น้อย อวี้อาเหราแทบจะหายใจไม่ออก เมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนั้นก็ยิ่งโกรธเคือง ออกแรงทั้งเตะทั้งถีบสะเปะสะปะไปหมด นางก็ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าวันนี้เขาเกิดเป็นบ้าอะไรขึ้นมา เหตุใดถึงได้แรงเยอะเพียงนี้? 

 

 

ทั้งสองสู้รบปรบมือกันอยู่ในผ้าห่มจนเละเทะเหมือนหม้อต้มโจ๊ก 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 322 ทำลายจนสิ้นซาก 

 

 

 

 

 

“คุณหนูรอง? เซิ่นซื่อจื่อ?” 

 

 

เมี่ยวอวี้และหานสือ รวมไปถึงพวกชิงอวิ๋นและต้าเว่ยต่างพากันวิ่งเข้ามาพร้อมหน้า 

 

 

ทั้งสองคนที่กำลังทะเลาะกันอยู่ในโปงผ้าห่มพลันหยุดลงในทันที ก่อนจะดึงผ้าห่มออก เห็นพวกของเมี่ยวอวี้กำลังยืนมองอยู่ที่ทางด้านหน้าประตู เช่นนั้นทั้งสองคนต่างรีบแยกออกจากกันเป็นพัลวัน เสื้อผ้าหลุดลุ่ยไม่เรียบร้อย ผมเผ้ายุ่งเหยิงกระเซอะกระเซิง ทุกคนที่ได้เห็นต่างพากันอ้าปากค้าง ถลึงตาโต 

 

 

อวี้อาเหรากระแอมไอออกมาแก้เก้อ “เรื่องจริงไม่ใช่อย่างที่พวกเจ้าคิด…” 

 

 

“บ่าวผิดไปแล้ว คุณหนูทำต่อเถิดเจ้าค่ะ บ่าวขอลา” ไม่ว่านางจะอธิบายเช่นไร แต่เมี่ยวอวี้ก็คุกเข่าลงที่พื้นพร้อมทั้งก้มศีรษะอย่างเกรงกลัว เหตุการณ์เมื่อครู่ทำให้นางหน้าแดงก่ำเป็นริ้วๆ พร้อมทั้งหัวใจเต้นแรง 

 

 

คนอื่นๆ ที่กำลังชะงักงันอยู่นั้นก็รีบคุกเข่าลงตามเมี่ยวอวี้ในทันที “ข้าน้อยผิดไปแล้วขอรับ” 

 

 

อวี้อาเหราไร้คำที่จะพูด ไม่ว่าจะอธิบายอย่างไรพวกเขาก็ไม่ฟัง เพียงมองเท่านั้นก็ตัดสินความสัมพันธ์ระหว่างนางและฉู่ป๋ายเสียแล้ว นางทำได้เพียงส่งสายตาไปให้ฉู่ป๋าย เขาทำเพียงนิ่งเงียบ ทำเพียงปิดปากแล้วกระแอมไออย่างไร้เสียง นั่งลงด้วยท่าทีสงบ “พวกเจ้ามีเรื่องอันใดหรือ” 

 

 

“ข้าน้อยเห็นว่าตอนนี้ก็เริ่มดึกแล้ว กลัวว่าคุณหนูและเซิ่นซื่อจื่อจะหิว จึงอยากจะเข้ามาถามเสียหน่อย เป็นข้าน้อยที่รบกวนเวลาพักผ่อนของท่านทั้งสอง สมควรตายยิ่งนักขอรับ!” ต้าเว่ยที่อยู่หน้าสุดพูดจนจบประโยคด้วยน้ำเสียงสั่นเทา 

 

 

พวกเขาช่างดวงซวยเสียนัก ดันเข้ามาในช่วงเวลาเช่นนี้ได้ 

 

 

ฉู่ป๋ายนิ่งเงียบไป เหลือบสายตามองไปทางอวี้อาเหรา “เจ้าหิวหรือไม่” 

 

 

“ไม่หิว!” อวี้อาเหรากัดฟันขณะที่ส่ายหน้า ในเวลาเช่นนี้ยังจะมีหน้ามาหิวได้อย่างไรเล่า นางถูกเขาแกล้งขังเอาไว้ในโปงผ้าห่มด้วยกัน แค่นั้นยังไม่พอ ทุกคนยังคิดว่าความสัมพันธ์ของเขากับนางยังไม่ปกติ แม้นางจะกระโดดลงแม่น้ำฮวงโหก็คงชุบล้างตัวไม่สะอาดเป็นแน่ 

 

 

ในสถานการณ์เช่นนี้ เขาก็ไม่มีตาหรืออย่างไร ยังมีหน้าจะมาถามว่านางหิวหรือไม่ 

 

 

หิวหรือไม่? แน่นอนว่านางย่อมหิวอยู่บ้าง แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ นางอยากจะมุดดินหนีเสียยิ่งนัก ไหนเลยจะมีเวลามาสนใจว่าหิวหรือไม่หิวได้อีก นางอดไม่ได้ที่จะคิดว่าเขาตั้งใจพูดเช่นนี้ เพื่อทำให้นางต้องอับอายขายหน้า แต่ว่าก็ช่างเถิด หากจะเสียหน้า ก็เสียหน้ากันไปทั้งสองคนนี่ล่ะ! 

 

 

เมื่อถูกนางถลึงตามองอย่างดุร้ายเช่นนี้ ฉู่ป๋ายก็จำต้องยิ้มออกมาอย่างจนใจ “คุณหนูของเจ้าบอกว่าไม่หิว” 

 

 

“แล้วซื่อจื่อเล่าขอรับ” หานสือเงยหน้าขึ้นถามอย่างระมัดระวัง 

 

 

อวี้อาเหรามองค้อนด้วยอารมณ์ไม่ดีนัก ยังจะมาถามอะไรอีก เจ้าพวกนี้ไม่มีตากันหรืออย่างไร ในสถานการณ์เช่นนี้ยังจะมาถามอีกหรือว่าหิวหรือไม่หิว หัวสมองหายกันไปแล้วหรืออย่างไร! 

 

 

ฉู่ป๋ายส่ายหน้า 

 

 

เช่นนั้นคนเหล่านั้นจึงได้ถอยออกไป อวี้อาเหรากระโดดออกจากโปงผ้าห่มทันที ยืนชิดขอบเตียงขณะที่จ้องมองชายหนุ่มผู้ตีสีหน้าผ่อนคลายอย่างเอาเป็นเอาตาย มองอยู่นาน แต่สีหน้าของเขากลับไม่เปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่น้อย มองจนกระทั่งระอาอยู่บ้าง เช่นนั้นนางจัดเสื้อผ้าของตัวเองด้วยความกระฟัดกระเฟียด คว้าเอาชามขนมที่เหลืออยู่บนโต๊ะแล้วเดินไปห้องข้างๆ 

 

 

ในเมื่อเขาคร้านที่จะเดินเช่นนี้ นางไปเองก็ได้ 

 

 

เดิมทีอวี้อาเหราก็ไม่ใช่คนที่มีความอดทนนัก ในเมื่อนางตีก็แล้ว พูดก็แล้ว ลากก็แล้ว แต่ก็ไม่อาจบีบบังคับเขาได้เสียที หากอาการป่วยของเขากำเริบขึ้นมาอีกเล่าจะทำอย่างไร เช่นนั้นก็มิสู้ทำตัวเป็นเต่าหดหัวในกระดองยังจะดีเสียกว่า จะยืดหัวหดหัวได้มีอะไรไม่ดีกัน อย่างน้อยก็ทำให้ตัวเองลดเรื่องยุ่งยากได้ตั้งมาก 

 

 

นางก้าวยาวๆ ไปตามทางเดิน เท้าย่ำลงกับพื้นด้วยเสียงอันดัง เพียงได้ฟังเสียงฝ่าเท้าก็รู้ว่านางนั้นโกรธเพียงใด 

 

 

นางยังไม่ได้แต่งงาน แต่ก็ถูกเจ้าบ้านั้นทำลายจนย่อยยับบนเตียงเสียแล้ว! 

 

 

ดวงตาของฉู่ป๋ายแฝงไปด้วยรอยยิ้มลึกล้ำ มองไปยังแผ่นหลังโกรธเคืองของนางแล้วถอนสายตากลับมา คลุมผ้าห่มให้ตัวเองแล้วนอนหลับไป