DC บทที่ 368: สระสวรรค์

 

“อย่างไรก็ตาม อะไรคือสระสวรรค์” ซูหยางถามไป่ลี่ฮัวหลังจากที่นั่นลงแล้ว

 

“สระสวรรค์เป็นสิ่งที่มีอยู่ภายในภูสวรรค์ ที่ซึ่งมีคำร่ำลือว่าบรรพชนตระกูลซีได้เก็บตัวฝึกฝนที่นั่น ส่วนตัวสระสวรรค์เองนั้นเป็นสระเล็กๆที่บรรจุไปด้วยวารีสวรรค์บางอย่างที่เปี่ยมไปด้วยปราณไร้ลักษณ์ ยังมีคำร่ำลือว่าถ้าได้ฝึกฝนอยู่ในนั้น ความเร็วในการฝึกปรือก็จะเพิ่มขึ้นร้อยเท่า หรืออีกนัยหนึ่งถ้าได้ฝึกอยู่ที่นั่นเจ็ดวัน ก็จะเหมือนว่าได้ฝึกฝนนานถึงเจ็ดร้อยวัน” ไป่ลี่ฮัวอธิบายให้กับเขา

 

“สิ่งที่มหัศจรรย์เช่นนั้นเกิดขึ้นในโลกนี้ได้อย่างไรกัน” โหลวหลานจีมีท่าทางประหลาดใจหลังจากที่ได้ยินเช่นนั้น ขณะนี้เธอเข้าใจแล้วว่าทำไมเจ้าสำนักทุกคนจึงพากันตื่นเต้นเกี่ยวกับเรื่องนี้

 

“ใช่ มันเป็นสถานที่ที่น่ามหัศจรรย์ที่ท้าทายสวรรค์ อย่างไรก็ตามมันต้องการเวลาถึงร้อยปีในการฟื้นฟูปราณไร้ลักษณ์หลังจากที่ฝึกฝนอยู่ในสระเป็นเวลาหนึ่งเดือน” ไป่ลี่ฮัวกล่าวต่อ

 

“หนึ่งร้อยปีสำหรับการฝึกฝนหนึ่งเดือน และตระกูลซียังปรารถนาที่จะให้เวลาผู้ชนะการแข่งขันนี้ถึงเจ็ดวันเชียว นั่นเรียกว่าเป็นความใจกว้างอย่างมากถึงแม้ว่าจะเป็นพวกเขาเองก็ตาม” โหลวหลานจีกล่าว

 

ไป่ลี่ฮัวพยักหน้า “ใช่แล้วมันเป็นความใจกว้างอย่างมากของพวกเขา จริงแล้วเจ้าสำนักบางคนเชื่อว่าตระกูลซีรู้ถึงผลของการแข่งขันแล้ว มิเช่นนั้นทำไมพวกเขาจึงเต็มใจที่จะให้รางวัลแบบนั้น”

 

“ท่านหมายความว่าตระกูลซีรู้ว่าใครจักเป็นผู้ชนะการแข่งขันนี้และมีเจตนาเลือกรางวัลนี้เป็นของขวัญให้กับพวกเขางั้นรึ นั่นฟังดูค่อนข้างจะไร้สาระอยู่บ้าง” โหลวหลานจีเลิกคิ้ว

 

ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ทำไมตระกูลซีจึงทำอะไรเช่นนี้เมื่อพวกเขาสามารถที่จะให้สิทธิในการเข้าสระสวรรค์โดยไม่จำเป็นต้องใช้การแข่งขันมาเป็นข้ออ้าง

 

“ใครจะรู้ มันก็ยังเป็นไปได้ว่าตระกูลซีรู้สึกใจกว้างมากเป็นพิเศษปีนี้ ท้ายที่สุดนี่ก็เป็นเพียงแค่แผนร้าย” ไป่ลี่ฮัวยักไหล่

 

“สระสวรรค์รึ…” ซูหยางพึมพัมกับตัวเอง

 

ในสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ มีหลายที่ซึ่งคล้ายคลึงกับสระสวรรค์นี้ และแทบทั้งหมดล้วนถูกยึดครองด้วยกลุ่มที่เข้มแข็งที่สุด

 

“ถึงแม้ว่ามันมิอาจเปรียบเทียบได้กับหนึ่งในสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ มันก็ควรจะช่วยในการฝึกปรือของข้าอย่างมากในระดับปัจจุบัน” เขาพยักหน้า

 

หลังจากที่รอประมาณครึ่งชั่วโมง ก็มีสองร่างปรากฏตัวขึ้นบนเวทีที่ใกล้สนามแข่งขัน ที่ซึ่งมีเก้าอี้หรูจัดวางอยู่

 

“ท่านเจ้าซี มาถึงแล้ว”

 

“องค์หญิงซี มาถึงแล้ว”

 

ทหารองครักษ์รอบโคลีเซียมตะโกนเสียงดังเมื่อร่างของพวกเขาปรากฏตัวขึ้น และทุกคนในโคลีเซียมก็พากันยืนขึ้นและโค้งคำนับไปยังทิศทางนั้น

 

เจ้าซีโบกชาเสื้อของเขาอย่างสบายๆก่อนที่จะนั่งลงบนหนึ่งในที่นั่งหรูหรานั้นขณะที่ซีซิงฟางซึ่งสวมผ้าคลุมหน้านั่งลงข้างเขา

 

“นั่นคือนางฟ้าซีรึ นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้เห็นเธอ”

 

“แม้ว่าเธอมีผ้าคลุมหน้า ข้าสามารถบอกได้ว่ามีความสวยหาใครเปรียบซ่อนอยู่ในนั้น”

 

“ดูที่ผิวขาวและร่างไร้ที่ติของเธอสิ มิน่าสงสัยเลยว่าเธอจะเป็นคนสวยไร้คู่เปรียบ”

 

เกือบทุกคนในโคลีเซ๊ยมต่างมองไปยังซีซิงฟางในเวลานั้น ในเมื่อเธอน้อยครั้งที่จะแสดงตัวต่อสาธารณะชนมาก่อนหน้านี้

 

“ลูกมั่นใจหรือว่าลูกต้องการที่จะอยู่ที่นี่ ถ้าร่างของเจ้าพลัน…” เจ้าซีมองดูเธอด้วยสายตาที่เป็นกังวล

 

ถ้าซีซิงฟางไม่ได้ขออนุญาตให้เธอปรากฏตัววันนี้ เขาก็คงไม่ยอมให้เธอออกจากบ้านเพราะว่าสภาพร่างกายของเธอ

 

“ลูกไม่เป็นไรท่านพ่อ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ซูหยางก็อยู่ที่นี่” ซีซิงฟางกล่าวขณะที่เธอหันไปมองดูทิศซูหยาง

 

“….” เจ้าซีเพ่งสายตาไปยังซูหยางซึ่งอยู่อย่างสบายรายล้อมไปด้วยสาวสวยทุกด้าน

 

หลังจากที่เงียบไปชั่วขณะ เจ้าซีก็หันไปมองชายชราที่ยืนอยู่ใกล้เวทีและพยักหน้า

 

ชายชราสังเกตเห็นสัญญาณจากเจ้าซีและก้าวขึ้นไปบนเวทีอย่างรวดเร็ว

 

“ขอบคุณทุกท่านที่มาที่นี่ในวันนี้ ข้า สือตง จะเป็นผู้ตัดสินในวันนี้ ก่อนที่เราจะเริ่มการแข่งขันรอบแรกในวันนี้ ขอให้ข้าอธิบายกฏบางอย่าง”

 

“สิ่งแรกและสิ่งสำคัญที่สุด การฆ่าฟันนั้นต้องห้ามสำหรับสนามแข่งขันนี้ ต่อให้ถึงแม้จะเป็นอุบัติเหตุ ถ้าเจ้าฆ่าคู่ต่อสู้ของเจ้า สำนักของเจ้าจะถูกปรับเป็นจำนวนสิบล้านก้อนหินวิญญาณ”

 

“สิบล้านก้อนหินวิญญาณงั้นรึ”

 

ผู้เข้าชมต่างพากันงงงันกับกฏใหม่นี้ สิบล้านก้อนหินวิญญาณเป็นจำนวนมหาศาลแม้กระทั่งสำนักระดับสูงที่ร่ำรวย อย่าว่าแต่สำนักอื่น ถ้าพวกเขาฆ่าใครสักคนวันนี้พวกเขาคงต้องล้มละลายอย่างแน่นอน หากเกิดเรื่องนี้ขึ้นสำนักย่อมไม่สามารถที่จะสนับสนุนศิษย์ได้อีกต่อไปและล่มสลาย

 

“กฏใหม่นี้จะมิสร้างความกดดันที่ไม่จำเป็นให้แก่ผู้เข้าแข่งขันรึ จำกัดพลังสูงสุดของพวกเขาไว้งั้นรึ ถ้าข้าเป็นพวกเขาข้าคงจะหวาดหวั่นเกินไปที่จะสู้”

 

“ใช่ อุบัติเหตุย่อมเกิดขึ้นได้ สิบล้านก้อนหินวิญญาณเป็นการลงโทษที่รุนแรงเกินกว่าปกติไป”

 

ผู้เข้าชมต่างพากันกระซิบกระซาบกันถึงความกังวลของตน

 

“สำหรับกฏข้อที่สอง ผู้เข้าร่วมห้ามใช้อาวุธและสมบัติส่วนตัวเพื่อหลีกเลี่ยงความไม่ยุติธรรม”

 

แตกต่างจากวิชาการต่อสู้ที่ต้องการพรสวรรค์ของพวกเขาเพื่อให้เชี่ยวชาญ ถือสมบัติอันทรงอำนาจเพื่อที่จะมีอำนาจเหนือกว่าคู่ต่อสู้ไม่จำเป็นต้องอาศัยอะไรแบบนั้น ดังนั้นจึงเป็นเหตุที่ทำไมการแข่งขันจึงห้ามใช้อาวุธส่วนตัว

 

อย่างไรก็ตามถ้ามีใครสามารถขึ้นสู่เวทีด้วยอาวุธที่ทรงอำนาจที่ไม่เปิดเผย จะมีจุดไหนที่เหลือไว้ให้สำหรับวิชาต่างๆในการแข่งขัน

 

“สาม ผู้เข้าร่วมต้องมีเครื่องรางป้องกันตัวที่ให้ไว้ก่อนที่พวกเขาจะขึ้นไปบนเวที การทำเช่นนี้ย่อมทำให้พวกเขาสามารถต่อสู้โดยไม่กังวลว่าจะฆ่าอีกฝ่ายไปโดยไม่ตั้งใจ นอกจากว่าคู่ต่อสู้ของพวกเจ้าอยู่ในเขตอำพรวิญญาณ พวกเขาย่อมมิอาจที่จะสร้างบาดแผลร้ายแรงบนร่างเจ้าได้ ยิ่งไปกว่านั้นข้าจักดูอย่างระมัดระวังเผื่อในกรณีที่ว่าบางอย่างเกิดผิดพลาดขึ้น ดังนั้นต่อสู้ให้เต็มที่”

 

“นี่คือกฏหลักสามข้อของการแข่งขันนี้ และในเมื่อไม่มีอะไรต่อไปแล้ว ดังนั้นให้ข้าแนะนำผู้เข้าร่วมการแข่งขันการต่อสู้รอบแรกในวันนี้ นิกายแท่นบูชาทอง และ นิกายดอกบัวเพลิง”

 

หลังจากที่สือตงแนะนำสองฝ่ายแล้ว นิกายดอกบัวเพลิงและนิกายแท่นบูชาทองก็ก้าวขึ้นไปบนเวที จนทำให้ผู้เข้าชมต่างพากันโห่ร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น