ตอนที่ 844 : ศิลาต้นกําเนิดจักรพรรดิราชัน

Nine Sun God King เทพราชันเก้าตะวัน

ตอนที่ 844 : ศิลาต้นกําเนิดจักรพรรดิราชัน

 

ฉินหยุนคิดอยากทราบว่าวัตถุภายในก้อนศิลายักษ์เหล่านี้คืออันใด เขาเชื่อว่าพวกมันย่อมต้องเป็นของดี กระนั้นเขาไม่อาจใช้วิธีที่ตนมีน่าพวกมันออกมาตอนนี้ได้

 

หากไม่ใช่คนมากมายอยู่ที่ตรงนี้ เขาคงใช้ความสามารถเทวะทะลุทะลวง ใส่มือตนเองเข้าไปสู่ภายในเพื่อน่าพวกมันเหล่านั้นออกมาแล้ว

 

เซียนหลู่จิ้งรับชมก่อนศิลา ก่อนจะหันมองทางฉินหยุนและกล่าว “เจ้ามีวิธีการนําพวกมันออกมาหรือไม่?”

 

“มันจะมีอะไรที่ภายในหรือ? ก่อนศิลาเหล่านี้แข็งแรงยิ่ง!” ฉินหยุนเผยยิ้มรับคํา

 

“ข้าเพียงแต่เห็นว่ามันมีอะไรบางอย่างที่ภายในนั้น ส่วนว่าเป็นอะไรไม่มั่นใจแล้ว!” เซียนหลู่จิ้งมองทางฉินหยุนราวกับมีแผนการชั่วร้าย นางกล่าว “เจ้าสมควรมีวิธีการนําพวกมันออกมากระมัง?”

 

เซียนหลู่จิ้งทราบดี ว่าฉินหยุนสามารถผ่านสรรพสิ่งได้ง่ายดาย ตอนนี้นางคิดบีบเค้นให้เขาต้องคายความสามารถ นําสิ่งของภายในก้อนศิลาเหล่านั้นออกมาให้

 

“เรื่องนี้… ข้าหรือจะมีพลังเช่นนั้น!” ฉินหยุนส่ายศีรษะ

 

“หากเจ้าสามารถนํามันออกมา ข้ารับประกันได้ว่าจะไม่มีผู้ใดโจมตีเจ้า! และเมื่อใดกลับไป เจ้าจะได้รับอิสระ!” เซียนหลุจิ้งหันมองทางกลุ่มชายชราตระกูลหลงและสํานักมังกรฟ้า

 

กลุ่มคนเริ่มพยักหน้ารับและกล่าว “เจ้าปีศาจน้อย หากสามารถนําสิ่งของภายในออกมาได้ พวกเราจะลืมเลือนเรื่องราวเก่าก่อน!”

 

ฉินหยุนบัยปากกล่าวตอบ “ข้าย่อมไม่เชื่อ!”

 

เซียนหลู่จิ้งเคยอยู่กับฉินหยุนที่ภายในห้องขัง ผู้คนล้วนได้เห็นความมั่นใจของนาง ว่าฉินหยุนมีวิธีการนําสิ่งของภายในนั้นออกมา ดังนั้นจึงเชื่อว่าฉินหยุนสามารถกระท่าได้

 

ผู้คนตระกูลหลงต่างไม่ทราบตัวตนของเซียนหลู่จิ้ง ทว่าผู้คนของสํานักมังกรฟ้าล้วนทราบดี นางคือคนของตระกูลแห่งจอมจักรพรรดิเซียนอ้างว้าง ดังนั้นคํากล่าวของนางจึงสามารถเชื่อถือ

 

“หากเจ้าน่าพวกมันเหล่านั้นออกมาได้ แล้วหากผู้ใดคิดทําร้ายเจ้า ผู้นั้นก็ต้องผ่านข้าไปก่อน! ข้าเป็นผู้ที่รักษาคําพูด!” เซียนหลู่จิ้งคว้าคอเสื้อฉินหยุนไว้พร้อมกล่าวคําเตือนเสียงเบา “ตัวบัดซบ เจ้ามีเพียงสองทางเลือกแล้ว นำมันออกมาหรือตายที่นี่!”

 

เซียนหลู่จิ้งกระชับด้ามดาบเซียนของนางไว้แน่น เวลานี้มันเผยออร่าข่มขู่เย็นเยือกที่ลําคอของฉินหยุน

 

“ก็ได้ ข้าจะยอมรับข้อตกลงของเจ้าและนําสิ่งของภายในออกมาให้! และข้าก็ต้องให้เจ้ารับปากกว่าจะปกป้องข้าก่อนด้วย!” ฉินหยุนหันมองทางหลงฉวนอู่และกล่าวย้ํา “ข้าเป็นกังวล ว่ามันผู้นั้นอาจสังหารข้าได้ทุกเมื่อ!”

 

หลงฉวนคู่กัดฟันแน่นกล่าวออกอย่างโกรธเกรี้ยว “หลู่จิ้ง มันผู้นี้หาได้มีความสามารถนําของภายในนั้นออกมาไม่ อย่าได้เชื่อคําพูดกล่าวมันไป!”

 

เซียนหลู่จิ้งเผยเสียงเย็น “หลงฉวนคู่ หากเขานําพวกมันออกมาได้ ทางที่ดีคือเจ้าอย่าได้คิดลงมือใดต่อเขา ข้าเป็นคนรักษาค่าพูด ดังนั้นจึงต้องปกป้องเขา!”

 

ผู้คนต่างนึกย้อนถึงเซียนหลลิ้งครั้งในลานประลองยุทธ์ ที่ยังรักใคร่กับหลงฉวนอ่อย่างดีเยี่ยม ทว่าตอนนี้นางกล่าวนามเด็มออกมา เห็นได้ชัดว่าทั้งสองเกิดปัญหาทางความสัมพันธ์ต่อกันขึ้น

 

หลงฉวนอู่นิ่งงัน จากนั้นจึงหันสายตาจับจ้องที่ฉินหยุน เขาเชื่อว่าทั้งหมดนี้ต้องเป็นกลอุบายใดของฉินหยุน ผู้คนต่างอดไม่ได้ที่จะเกิดความคิดเตลิดไกล

 

ก่อนหน้านี้ เซียนหลู่จิ้งคิดอยากสอนสั่งบทเรียนแก่ฉินหยุน ดังนั้นจึงถูกขังร่วมกันอยู่ในห้องขังมิดชิดเดียวกัน ทว่าภายหลังตั้งแต่นางออกจากห้องขัง ท่าทีของนางก็เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน

 

ทันใดนี้เอง ทุกสิ่งอย่างกลับกลายเป็นเงียบงัน เมื่อผู้คนมองที่หลงฉวนอู่ มันราวกับพบเห็นศีรษะอีกฝ่ายกลับกลายเป็นเขียวคล้ํา อีกฝ่ายเวลานี้สภาพไม่ต่างอะไรกับชายถูกสวมเขา!

 

หลงฉวนอู่เองก็คิดถึงความเป็นไปได้นี้ ทว่าก็พบว่าเรื่องราวไม่อาจเป็นไปได้ เพราะเขารู้จักเซียนหลู่จิ้งเป็นอย่างดี นางรักชอบตนเองเป็นอย่างยิ่ง ทั้งยังดูแลเขาดียิ่งกว่าที่เขามอบให้แก่นาง ทั้งนางยังเป็นตัวตนสูงส่งในทุกสัดส่วน

 

หากเซียนหลจิ้งถูกฉินหยุนขืนใจที่ภายในห้องขัง เช่นนั้นฉินหยุนย่อมต้องตายโดยไม่มีการรีรอ

 

หลงฉวนอู่กล่าวตอบ “หลู่จิ้ง หากตัวบัดซบนี้สามารถนําสิ่งของภายในนั้นออกมาได้ ขาให้สัญญาว่าจะไม่ยื่นมือแตะต้องมัน!”

 

ฉินหยุนพลันคิด ว่าเซียนหลู่จิ้งต้องทราบว่าสิ่งของภายในก้อนศิลาเหล่านี้คืออะไร ไม่เช่นนั้น นางจะไม่มีทางให้สัญญาโดยง่ายดายเช่นนั้นอย่างแน่นอน

 

เซียนหลู่จิ้งมองที่ฉินหยุนพร้อมแค่นเสียง “พวกเขาล้วนตกลงแล้ว เจ้าตอนนี้วางใจและนําพวกมันออกมา!”

 

ฉินหยุนส่ายศีรษะและกล่าว “แล้วหากเกิดการเปลี่ยนใจขึ้นเล่า? กระทั่งเจ้ายังเคยคิดพยายามสังหารข้ามาก่อน! คิดหรือว่าข้าจะสามารถเชื่อใจบุคคลที่พยายามสังหารตนเองได้!”

 

เขาสามารถนําเอาสิ่งของออกมา ทว่าเขาไม่เชื่อใจเซียนหลู่จิ้ง นางอาจไร้ยางอายกลับคืนวาจา สตรีเช่นนางกล่าวได้ร้ายกาจเป็นที่สุด

 

เซียนหลู่จิ้งนําแผ่นยันต์สีขาวสองแผ่นออกมาและกล่าว “นี่คือยันต์ผูกชีวิต หากข้าแปะมันเอาไว้บนร่างเจ้า เมื่อใดข้าตาย เมื่อนั้นเจ้าตาย และในทางกลับกัน หากเจ้าตาย ข้าก็ตาย! ตอนนี้วางใจได้แล้วหรือยัง?”

 

นางพูดกล่าวคําจบ จึงแปะแผ่นยันต์ไว้บนร่างของฉินหยุนและตัวนางเอง แผ่นยันต์เริ่มทํางานก่อนจะเลือนหายวับ! บรรดาผู้เฒ่าชราของสํานักมังกรฟ้าเวลานี้ต่างหวาดกลัวยามพบเห็นเรื่องราว

 

“หลู่จึง…”

 

“แม่นางเซียน!”

 

“เหตุใดจึงหัวแข็งใช้งานยันต์ผูกชีวิตโดยไม่ยั้งคิดเช่นนี้กัน?”

 

“ไม่ดีแล้ว… หากเจ้าปีศาจน้อยนั่นพลาดตายขึ้นมา ท่านก็ต้องตายตามมันไปด้วย!”

 

“พวกเราตกลงไม่ทําร้ายเขาแล้ว เหตุใดพวกเจ้ายังต้องกังวล?”

 

บรรดาชายชราต่างถอนหายใจอย่างนึกเสียดายกันคนแล้วคนเล่าเช่นนี้ พวกเขาจะต้องปกป้องฉินหยุนไม่ว่าด้วยอะไรก็ตามแต่ พวกเขาจะไม่อาจปล่อยให้อีกฝ่ายตกตาย

 

พวกเขาล้วนทราบว่าเซียนหลดิ้งสําคัญเพียงใด ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อาจปล่อยให้นางตาย

 

หลงฉวนอู่ถึงกับกายสั่นเทิ้มด้วยความโกรธ เขาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับเซียนหลู่จิ้งที่ตนรู้จัก นางเวลานี้ไม่ใช้เหตุและผลดังเช่นเคย

 

ฉินหยุนถึงกับสบถต่อเซียนหลู่จิ้งภายใน นางใช้ยันต์นี้ต่อเขา ชัดเจนว่าต้องการให้เขาปกป้องนางในช่วงเวลาคับขัน

 

เซียนหลู่จิ้งมองที่ฉินหยุนด้วยสีหน้าภาคภูมิ นางทราบดีว่าฉินหยุนมีกลอุบายในท้องมหาศาลเพียงใด หากเกิดเรื่องราวคับขัน เช่นนั้นที่นางพึ่งได้คือฉินหยุน ทางด้านกลุ่มคนของสํานักมังกรฟ้า หาได้มีผู้ใดให้นางฝากชีวิตไว้ได้ด้วยไม่

 

ผู้คนต่างคิด ว่านางทําเช่นนี้เพื่อให้การปกป้องแก่ฉินหยุน ว่าความจริงเป็นนางต้องการให้ฉินหยุนปกป้องตนเองเทียบเท่าชีวิต

 

“สารเลวนัก…” ฉินหยุนพิมพ์คําเบา

 

“เจ้ากล่าวว่าอะไร?” เซียนหลู่จิ้งดึงคอเสื้อเขาขึ้นพร้อมเอ่ยถามเสียงเย็นเยือก

 

ฉินหยุนกล่าวตอบ “ข้าจะน่าพวกมันออกมาให้!”

 

เซียนหลู่จิ้งจึงหัวเราะเย็นเยือก ก่อนหันไปรับชมกลุ่มคนสานักมังกรฟ้าพร้อมกล่าว “ข้าจะรับสิ่งของภายในนั้นไปสี่ในสิบ พวกเจ้ารับไปหกในสิบ!”

 

ชายชราสําานักมังกรฟ้าได้แต่ต้องพยักหน้ารับ พวกเขาทราบดี ว่าหากไม่ใช่เพราะเซียนหลู่จิ้ง พวกเขาจะไม่มีทางได้รับอันใด

 

ฉินหยุนพลันกล่าว “แล้วข้าเล่า? ข้าจะได้รับเท่าใด?”

 

“ที่เจ้าได้คือผายลม!” เซียนหลู่จิ้งจับจ้องเย็นเยือก ฉินหยุนไม่อาจทําอื่นใดอีก จึงได้แต่ต้องจํายอมรับ!

 

ก้อนศิลาขนาดใหญ่เหล่านี้มีกันกว่าหนึ่งร้อยก่อน พวกมันสูงราวสองถึงสามเมตร สิ่งของภายในย่อมไม่ใหญ่

 

เซียนหลู่จิ้งกล่าว “วัตถุภายในขนาดราวผลแตงโม สมควรเป็นก้อนศิลา เข้าไปนําพวกมันออกมา!”

 

“รู้แล้ว!” ฉินหยุนใช้ความสามารถเทวะทะลุทะลวง สอดใส่มือตนเองเข้าไปในก้อนหิน ก่อนจะนําเอาสิ่งเหล่านั้นภายในออกมา

 

ผู้คนต่างร้องอุทานกันคนแล้วคนเล่ายามรับชมความสามารถอัศจรรย์ตรงหน้า

 

“ตัวบัดซบผู้นี้ถึงขั้นมีเคล็ดลับอย่างแล้วอย่างเล่า!” เซียนหลู่จิ้งสบถเสียงเบา ผู้คนต่างพยักหน้ารับเห็นด้วย

 

ฉินหยุนเร่งรีบนําเอาศิลาทรงกลมออกมา ที่พบเห็น มันราวกับผลแตงโมจริง เพราะมันเป็นสีเขียว

 

“สิ่งนี้คืออะไร?” ฉินหยุนเอ่ยถามอย่างสงสัย

 

“อย่าได้ถามมาก นําพวกมันออกมาต่อ!” เซียนหลู่จิ้งตะคอกใส่

 

บรรดาครึ่งเซียนต่างสงสัยยามรับชมก้อนศิลาสีเขียว พวกเขาเพียงกล่าววนซ้ําว่าแปลก ฉินหยุนยังคงสงสัย เพราะแม้แต่หลังหยุนเอ่อยังไม่ทราบว่ามันคือสิ่งใด เพราะออร่าที่มันเผยออกมามีเพียงน้อยนิด

 

ไม่นานนัก เขาจึงนําก้อนศิลาแตงโมออกมาจากก้อนศิลาใหญ่จนหมดสิ้น เซียนหลู่จิ้งรับไปสในสิบ ส่วนที่เหลืออีกฝ่ายจะนําไปแบ่งอย่างเท่าเทียมกันอีกที่หนึ่ง

 

ครึ่งเซียนที่ได้รับมาพลันต้องกล่าวอย่างตื่นตะลึง “หรือศิลานี่จะเป็นศิลาต้นกําเนิดจักรพรรดิราชัน?”

 

คํากล่าวนี้ เป็นผลให้จักรพรรดิยุทธ์และราชันยุทธ์ต่างอุทานร้องตื่นตะลึง! ฉินหยุนนิ่งงัน ก้อนศิลาเหล่านี้ถึงขั้นเป็นศิลาต้นกําเนิดจักรพรรดิราชันในตํานาน!

 

หลังจากที่จักรพรรดิยุทธ์หรือราชันยุทธ์ดูดกลืนพลังงานภายในก้อนศิลา พวกเขาจะสามารถเลื่อนระดับได้อย่างรวดเร็ว

 

เซียนหลู่จิ้งเวลานี้คือราชันยุทธ์ระดับสูง นางได้รับศิลาต้นกําเนิดจักรพรรดิราชนจํานวนมากมาย เช่นนี้นางจะสามารถก้าวสู่ระดับสูงสุดได้โดยเร็ว

 

“พี่สาวหลุจิ้ง มอบศิลานั้นแก่ข้าสักสองก่อนได้หรือไม่?” ฉินหยุนเอ่ยถามพร้อมสีหน้าชวนเวทนา ทว่าดวงตา เวลานี้เผยซึ่งความริษยา

 

“ไม่!” เซียนหลู่จิ้งเผยสีหน้าของผู้เหนือกว่าอย่างชัดเจน

 

ผู้อื่นล้วนริษยา ทว่าพวกเขาเลือกที่จะไม่กล่าวคําใดออกมา พวกเขาไม่อาจต่อต้านเซียนหลู่จิ้ง ฉินหยุนจึงบอกสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้แก่เชียวเย่ว์เหม่ย

 

เชียวเย่ว์เหม่ยยามได้รับฟังเรื่องราว นางจึงร้องโพล่งตอบกลับ “พี่ชาย อย่าได้เสียกําลังใจไป! ศิลาต้นกําเนิดจักรพรรดิราชันหาได้ใช่สาระสําคัญ ที่สําคัญแท้จริงคือศิลามารดาจักรพรรดิราชัน! ก่อนศิลาขนาดใหญ่ ประหลาดนั้นต่างหากจึงเป็นศิลามารดาจักรพรรดิราชัน! ท่านเก็บพวกมันมาให้หมดใส่ไว้ที่ภายในนี้ร่วมกับต้นกําเนิดเซียน พวกมันจะได้ดูดกลืนพลังงานเซียน เพื่อสร้างศิลาต้นกําเนิดจักรพรรดิราชันอีกมากมาย! เช่นนี้ภายหน้าท่านจะได้มีพวกมันใช้ไม่รู้จบ!”

 

“แม่นางเซียนสมแล้วที่เป็นคนของตระกูลเซียน! ถึงกับสามารถบอกได้ว่าเหล่านี้คือศิลาต้นกําเนิดจักรพรรดิร าชัน!” ครึ่งเซียนกล่าวคํายกยอออกโดยทันที

 

“ข้าก็เพียงคาดเดา ศิลาต้นก่าเนิดจักรพรรดิราชันมีทรงกลม นอกจากนี้แล้ว ข้ายังสัมผัสได้ถึงพลังงานที่ภายใน ข้าเคยใช้ศิลาต้นกําเนิดจักรพรรดิราชันมาก่อน!” เซียนหลู่จิ้งเผยยิ้มตอบ “ทุกคนที่นี่กล่าวได้ว่าเป็นคลังสมบัติ ด้วยสิ่งที่พวกเราได้รับจากที่นี่ ความสําเร็จของพวกเราก็อยู่อีกไม่ไกลแล้ว!”

 

ผู้คนต่างชื่นชมเซียนหลู่จิ้งพร้อมเผยยิ้มที่ภายนอก ทว่าภายใน พวกเขาต่างสบถสาปแช่งต่อนาง เพราะนางเป็นผู้ได้ถือครองศิลาต้นกําเนิดจักรพรรดิราชนส่วนใหญ่!

 

ฉินหยุนกล่าวค่าขึ้น “พี่สาวหลู่จิ้ง มอบอุปกรณ์มิติเก็บของแก่ข้าได้หรือไม่?”

 

เซียนหลู่จิ้งส่งมอบแหวนมิติเก็บของแก่ฉินหยุนและกล่าว “นี่ให้เจ้า มิติภายในค่อนข้างใหญ่!”

 

ฉินหยุนรับชมมิติภายใน พบว่าค่อนข้างกว้างขวางอย่างแท้จริง เขาเร่งรีบกล่าวขอบคุณต่อนาง

 

ไม่นานจากนั้น เขาจึงเริ่มเดินไล่เรียงไปตามก้อนศิลาขนาดใหญ่ นําก้อนศิลาภายในใส่เข้าไปที่วิญญาณเทวะเก้าตะวันเช่นนี้ ผู้คนจึงเชื่อว่าเขากักเก็บพวกมันเอาไว้ในแหวนมิติเก็บของที่เซียนหลู่จิ้งมอบให้

 

“ตัวบัดซบ เหตุใดเจ้าจึงนําก้อนศิลาใหญ่เหล่านั้นไปด้วย?” เซียนหลู่จิ้งเอ่ยถามอย่างนึกสงสัย

 

“ก้อนหินเหล่านี้แข็งแกร่งยิ่ง หากเกิดการต่อสู้ขึ้น ข้าจะได้นําพวกมันออกมาใช้ต้านรับการโจมตีได้! หรือบางทีขาอาจนําพวกมันออกมาที่เผลอใช้ทุบศัตรูให้บาดเจ็บได้!” ฉินหยุนถอนหายใจด้วยใบหน้าโศกเศร้า “ศิลาต้นกําเนิดจักรพรรดิราชันพวกเจ้าได้กันไปหมดแล้ว ข้าจึงได้แต่ต้องเก็บก้อนหินผุพังเหล่านี้เป็นการปลอบใจตนเอง!”

 

เหล่านี้คือศิลามารดาจักรพรรดิราชัน พวกมันล้ําค่าเสียยิ่งกว่าศิลาต้นกําเนิดจักรพรรดิราชัน! ทว่าเซียนหลู่จิ้งไม่ทราบ หากนางทราบเช่นนั้นจะไม่มีทางให้ฉินหยุนได้พวกมันไปครอบครอง

 

“ย่อมได้ ก้อนหินผุพังพวกนั้นถือเป็นของขวัญให้เจ้า!” เซียนหลู่จิ้งหัวเราะกล่าว “พวกเราไปพื้นที่ถัดจากนี้กันได้แล้ว!”