ตอนที่ 265

Legend of the mythological genes

ลูกศรยิงผ่านอากาศ ย่นระยะอย่างรวดเร็ว มันทิ้งเส้นสีเงินไว้ด้านหลังและเร็วจนไม่มีใครตอบสนองทัน

“ชิ่ว”เสียงตะโกนดังเหมือนฟ้าร้อง เปล่งกลิ่นอายโบราณเหมือนเสียงจากฮั่วเซียโบราณ

 

อี้ผู้นี้ตั้งใจเตือนให้เฟิงหลินระวัง เขากลัวว่าเฟิงหลินจะไม่อาจป้องกันลูกศรนี้ได้และตาย

“ดี”เฟิงหลินหรี่ตา จ้องลูกศรไฟ เขาตกตะลึงกับกลิ่นอายที่มันปล่อยและสามารถสัมผัสได้ว่าลูกศรนี้เล็งใจกลางคิ้วเขา

ลูกศรต้องแม่นยำจริงๆ ความแม่นยำนี้มาจากเทคนิคไล่ตามลม ช่างน่าอัศจรรย์

ร่างเฟิงหลินขยับหลบอย่างเร็ว

แต่ทว่า เสียงหึ่งก็ดังจากปลายลูกศร มันเล็งเฟิงหลินและเปลี่ยนทิศทางกลางอากาศ ไม่ยอมให้เฟิงหลินหลบ

ลูกศรนี้สามารถติดตามเป้าหมายได้!

ในระยะสั้นเช่นนี้ ไม่ควรมีใครสามาถรหลบได้

แสงสีเงินปะทุออกจากหน้าผากเฟิงหลิน พลังวิญญาณเขาพุ่งออกมาเหมือนกระแสน้ำเป็นมือไร้รูปร่างคว้าจับลูกศรไว้

ลูกศรเล็กนี้มีพลังของกระทิงอัดแน่นภายใน เขาไม่อาจทำอะไรได้นอกจากเบี่ยงมัน

จี้สส

ลูกศรพุ่งผ่านเขาไป

“เอ๊ะ?”อี้ตกใจ การยิงที่แม่นยำ100%ของเขาพลาด นี่คือครั้งแรก

“ไม่เลว!”เจตนาต่อสู้สามารถเห็นได้ในตาเขา

 

ในสมัยโบราณ นักรบเวทย์ต้องสู้กับท้องฟ้า และทวยเทพ..พวกเขามีเจตจำนงค์แห่งการต่อสู้ไร้ขอบเขตและกลัวการไม่ได้สู้

เฟิงหลินเพิ่งแสดงความสามารถเขาและนี่ก็ทำให้ยี่ชมชอบ

 

“มือ เท้า ตา!”เขาตะโกนและดึงคันศร ปล่อยลูกศรสามดอกในลมหายใจเดียว เล็งมือ เท้าและตาของเฟิงหลิน เขามั่นใจมากว่าจะไม่พลาด

ความจริงก็เป็นเช่นนั้น

ร่างของเฟิงหลินสั่นด้วยความเร็วสูง ร่างเขากระพริบ สร้างภาพติดตามากมายที่สับสนกับความจริง

ลูกศรดูเหมือนจะล็อคเข้ากับเฟิงหลินด้วยพลังของกฏลึกลับบางอย่าง ลูกศรเริ่มหมุนเหมือนลูกข่าง ปลายลูกศรสั่น พวกมันไม่สนใจทุกสิ่งและจดจ่อแค่เป้าหมายจริง

ขนของเฟิงหลินตั้งชัน

เขาไม่อาจหลบสิ่งนี้ได้
ไม่ว่าเขาจะพยายามแค่ไหน เขาก็รู้สึกว่าลูกศรเหล่านี้หลบไม่ได้

เฟิงหลินตกใจ

ลูกศรเหล่านี้เหมือนศรในตำนานแห่งกรรม เป็นสิ่งที่ไม่อาจหลบ

ตามคาดของคนที่เดินบนเส้นทางตำนานของโฮ่วอี้

ในเมื่อไม่อาจหลบ เขาก็ทำได้แค่ป้องกัน

การเติบโตบนเส้นทางจนถึงปัจจุบัน เฟิงหลินพบกับการฆ่าฟันมามาก ดังนั้น พลังต่อสู้เขาจึงเหนือกว่าคู่แข่ง เขามีกลยุทธ์จัดการกับมันทันที

ไม่ว่ามนุษย์จะเร็วแค่ไหน พวกเขาก็ไม่อาจหลบลูกศรของคนที่อยู่ในอาณาจักรบ่มเพาะเดียวกันได้ นี่คือกฏในจักรวาล พลังของมนุษย์ไม่อาจเปลี่ยนแปลงสิ่งนั้น

พลังวิญญาณเปลี่ยนเป็นรูปร่าง สร้างเป็นชั้นกำแพงที่มองไม่เห็นตรงหน้าเขา

ปุ ปุ ปุ!

ลูกศรแหลมเหล่านั้นพุ่งเจาะกำแพงตรงๆ ดูเหมือนไม่มีอะไรขวางพวกมันได้

แต่หลังเจาะผ่านชั้นกำแพง พลังภายในพวกมันก็ไม่ทรงพลังเท่าเดิมอีก

เฟิงหลินโบกมือและคว้าลูกศรทั้งสามไว้ในมือ

เขาเห็นลูกศรเหล่านี้ถูกสร้างจากกระดูกขาวและมันวาวเหมือนหยก บางทีพวกมันอาจเป็นสมบัติ

หมื่นลูกศร!

จิ จิ จิ

มันเหมือนอี้ได้พบกับคนที่ใช่ เจตนาต่อสู้ในตาเขายิ่งรุนแรง เผาผลาญด้วยความตื่นเต้น

สายธนูบิดซ้ำๆ เสียงของม้าพันตัวดังสะท้อน

ลูกศรหนาแน่นประดุจฝน สร้างเป็นการโจมตีต่อเนื่องในอากาศเหมือนนกยูงผ่าหงมัน การโจมตีนี้มีความงามหาที่เปรียบไม่ได้ มันกลืนกินเฟิงหลินทันที

บูม!

ร่างเฟิงหลินพุ่งสูงไปในอากาศ พลังวิญญาณเขาก่อเป็นรัศมีสีทองล้อมรอบเขา

ติง ติง ติง!

เสียงการปะทะดังชัดเจน

ลูกศรที่เป็นเหมือนสายฝนสามารถแหวกผ่านชั้นป้องกันได้และพลังมันก็ลดลงมาก

ร่างของเฟิงหลินหมุนเหมือนลูกข่างในอากาศ เขาใช้ขาเป็นแส้ กวาดมันใส่ลูกศร

หลังลูกศรตกพ้น พวกมันจะหายไปเงียบๆและกลับไปหาคันศรของอี้โดยอัตโนมัติ พวกมันดูเหมือนจะมีจำนวนไร้สิ้นสุด

เฟิงหลินจะไม่เข้าใจได้ยังไง?ชุดธนูและลูกศรนี้ต้องมาจากแหล่งเดียวกัน พวกมันถือเป็นสมบัติหายากยิ่งและทรงพลังมาก

มันแค่ว่าเขาไม่รู้ว่าลูกศรแห่งกรรมก่อนหน้าเป็นผลของธนูหรือความสามารถยีนโฮ่วอี้

อี้ยืนตำแหน่งเดิม ฝังเท้าแน่นบนพื้นและมีเพียงกล้ามบนแขนเขาและสายธนูที่ขยับ พละกำลังเขาดูเหมือนไร้ขอบเขตขณะยิงลูกศรเหมือนไม่รู้จักเหนื่อย

เขายิงลูกศรออกมาด้วยพลังที่ประดุจกองทัพ ด้วยพลังของคนๆเดียว

เฟิงหลินทำได้แค่ป้องกันตัวเอง แต่การถูกข่มและไม่ตอบโต้ไม่ใช่สไตล์เขา

หมัดปืนใหญ่!

กล้ามของเฟิงหลินเหมือนกระแสน้ำ แขนเขาขยายขึ้นสามเท่า

นี่ไม่ใช่วิชาแปลงกาย

นี่คือความสามารถที่มอบให้เขาโดยยีนความรุนแรง ความสามารถนี้จะเพิ่มพลังของแขนเขาห้าถึงหกเท่า

บูม!

หมัดระเบิด!

คลื่นหมัดที่มองไม่เห็นผลักลูกศรไป กระแทกพวกมันเข้ากับกำแพง

แต่ทว่า ศรบินเหมือนฝน มีมากเกินไป ลูกศรที่เขาระเบิดไปไม่ได้ทำให้จำนวนลดลงเลย

แต่เฟิงหลินไม่ตื่นตระหนก

หากหมัดเดียวไม่พอ งั้นก็สอง สาม…

ครื่น

หมัดเขาระเบิดเหมือนสายฟ้า

เฟิงหลินเป็นเหมือนคนบ้า หมัดเขาระเบิดออกมาไม่หยุด

ทั้งสองปะทะกันและผลพวงก็กระจายออกไป กลิ่นอายพวกเขาแข็งแกร่งจนผู้คนรู้สึกอึดอัด ไม่อาจยืนได้มั่นคง

หนึ่งเป็นเหมือนนักธนูเทพจากยุคแรกเริ่มที่ตามล่าปีศาจ อีกคนเหมือนราชานักรบ

ทั้งสองสู้กัน พลังปะทะพลัง
ฉากป่าเถื่อนนี้ทำให้สองพี่น้องชาวกรีกแสดงสีหน้าหวาดกลัว

สำหรับซูลี่ ใบหน้าเขาซ่อนภายใต้หน้ากากจิ้งจอก ไม่มีใครบอกได้ว่าเขามีสีหน้ายังไง แต่ดวงตาเขาทอประกาย เต็มไปด้วยความกังวลใจ

“เทคนิคดี!”ตอนนี้ เฟิงหลินและอี้สบตากัน

 

มีเพียงการพบคู่ต่อสู้ที่เท่าเทียมถึงจะพบความสุขในการต่อสู้

ลูกศรกระดูกมีความเหนียวมาก แม้จะถูกหมัดปืนใหญ่เฟิงหลินบดขยี้ พวกมันก็ไม่เสียหายเลย

ในเมื่อเป็นแบบนี้ เฟิงหลินจึงไม่อาจออมมือได้อีก

บูซ!

ลมแรงพัด

เฟิงหลินถูมือ ในชั่วพริบตา กระบองเหล็กก็ขยายใหญ่ เขาควงมัน สร้างพายุ กวาดลูกศรภายในก่อนกระจายพวกมันด้วยพลัง

สีหน้าของอี้ขาวซีดอย่างสมบูรณ์

ลูกศรเหล่านี้เป็นวัตถุที่ควบคุมโดยจิตใจเขา ตอนนี้พวกมันได้รับความเสียหาย เขาย่อมบาดเจ็บไปด้วย

หัวใจเขาเต้นกระหน่ำ

(กระบองนั่นมันอะไร?เฟิงหลินมีอาวุธเทพเช่นนั้นด้วย ไม่แปลกใจที่เขาจะมั่นใจ)

แต่ตอนนี้เขาไม่มีเวลาให้คิดมากนัก ด้วยความที่พายุลูกศรเขาหยุด ข้อบกพร่องใหญ่เขาจึงเผย

ร่างเฟิงหลินขดและยิงทะลุช่องว่างที่สร้างขึ้นชั่วคราว กระโจนใส่อี้

มหาเทพผ่าภูเขา!

ร่างเขาเหยียดออกไป โค้งหลังเหมือนคันธนู กระบองเหล็กในมือเขาฟาดลงด้วยพละกำลังมหาศาล สามารถแหวกขุนเขาและทะเลได้ ไม่มีอะไรสามารถรอดจากการทำลายล้าง

สัมผัสวิกฤติเกิดในหัวใจอี้ เขาใช้คันธนูกระดูกในมือเขาเป็นอาวุธและกวาดเป็นแนวนอนเพื่อป้องกัน

ปัง!

ประกายไฟบินว่อน

เฟิงหลินก้าวถอยก่อนกระโจนไปอีกครั้ง

อี้ไม่ขลาดกลัว ขอบคันธนูกระดูกแหลมดุจดาบ ในฐานะนักธนู เขาไม่กลัวเลยและพัวพันกับเฟิงหลินในระยะประชิด

ขอบธนูแหลมมากและพลังดิบเถื่อนภายในกระบองก็รุนแรงเป็นพิเศษ

ทั้งสองเหมือนนายพลที่เป็นคู่แข่งกัน ทุกการปะทะจะทำให้เกิดประกายไฟและเสียงดังแหลมก้อง

เฟิงหลินพบว่าอี้ไม่ใช่แค่นักธนูมือฉกาจ การต่อสู้ระยะประชิดเขาก็ยังน่ากลัวมาก!

ระบำหมอผี!

อี้ก้าวไปรอบๆด้วยจังหวะแปลกๆ วิชายุทธนี้ดูแปลก เปล่งกลิ่นอายป่าเถื่อน

ร่างเขาเปลี่ยนเป็นชุดภาพติดตาม เขาวิ่งรอบเฟิงหลิน นี่เหมือนหมอผีในยุคโบราณที่เต้นรอบกองไฟ บทสวดคล้ายคาถาแม่มดดังจากปากเขาขณะรอยสักบนตัวเขาดูเหมือนมีชีวิต พวกมันบิดเหมือนไส้เดือน แสงสีดำที่เต็มไปด้วยพลังคำสาปลอยออกมา

ธนูกระดูกแทงออกมาด้วยมุมแปลกๆ อยากฉีกเฟิงหลิน เขาใช้เลือดเขาเป็นเครื่องสังเวยต่อรอยสักบรรพบุรุษเขา และอากาศก็เริ่มบิด กระตุ้นความรู้สึกน่าขนลุก

การเคลื่อนไหวนี้ล้วนไร้เหตุผลและแปลกประหลาดมาก แต่ก็มีพลังมหาศาล

แม้แต่เฟิงหลิน เขาก็ไม่อาจหาข้อบกพร่องได้

แต่ทว่า ไม่จำเป็นที่เขาต้องหามัน วิชากระบองมหาเทพเทียมฟ้าเหมือนกระแสน้ำในมหาสุมทร เติมเต็มอากาศด้วยเงามัน

ในเมื่อเขาไม่อาจหาข้อบกพร่องได้ เขาจึงใช้พลังดิบๆเขาทำลายทุกสิ่ง

“มาดูกันว่าใครจะแข็งแกร่งกว่าในการปะทะตรงๆ”
แก่นแท้ของวิชากระบองแสดงออกมาเต็มที่ เสริมกระบองเหล็กไร้ขอบเขต

แต่ทว่า อี้กลับยังคงสีหน้าสงบ

(ตามคาดของคนที่เดินบนเส้นทางโฮ่วอี้)

โฮ่วอี้คือคนที่ยิง9ดวงตะวัน

ศักยภาพของเส้นทางนี้น่าตกใจ มันไม่ได้ด้อยกว่าเส้นทางในตำนานของซุนหงอคง

แต่ทว่า ศักยภาพเป็นสิ่งหนึ่ง ผู้บ่มเพาะจะพัฒนาเส้นทางตัวเองโดยยึดตามเส้นทางตำนานที่เกี่ยวข้องเป็นกุญแจหลัก

แม้กระทั่งผู้บ่มเพาะบนเส้นทางโฮ่วอี้ เฟิงหลินก็ไม่รู้สึกกลัวที่จะเผชิญหน้าเลย

หลังประมือกันอยู่นาน เขายังมองเห็นเทคนิคอีกฝ่าย

ไม่ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงมากมายแค่ไหน ใครจะสามารถเอาชนะซุนหงอคงได้ในแง่ของพละกำลัง?

อาจมีเส้นทางในตำนานอื่นที่สามารถทำได้แบบซุนหงอคง แต่ตอนนี้ เฟิงหลินยังไม่เจอคนแบบนั้นมาก่อน

ไม่ว่ายังไง ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลามาพัวพันกับอี้ ในอนาคต ต้องมีโอกาสประมือกันอีกแน่

พลังลิงหัวใจเขาระเบิดออกไป ห่อหุ้มกระบอง น้ำหนักของกระบองพลันเพิ่มขึ้นสามเท่าตัวและพลังของทั้งร่างก็เช่นกัน

กระบองฟาดลงมา

นี่เป็นการเคลื่อนไหวที่ธรรมดามาก แต่ทำให้พื้นที่ทั้งหมดบิดจากแรงกดดันที่เหมือนขุนเขา

 

“อะไรกัน?”สัญชาตญาณของอี้ร้องเตือน วินาทีต่อมา เขาก็รู้สึกถึงแรงกดดันที่กดทับ ดวงตาเขาหรี่แคบ

แต่ทว่า ภายในพลังกระบอง ไม่มีทางให้หลบ อี้ทำได้แค่ป้องกัน

เขาใช้ธนูเขาป้องกันตามสัญชาตญาณ

คชา

“อะไรกัน?”อี้ถูกระเบิดออกไป เหวี่ยงไปในอากาศ เขากระแทกกับกำแพงเหล็กเหมือนปืนใหญ่ก่อนหยุด

เขาสะกดกลั้นปราณและเลือด ลดหัวลงและมอง เขาเห็นรอยร้าวชัดบนธนูกระดูกเขา ในชั่วพริบตา ความเจ็บปวดและความกลัวก็เติมเต็มหัวใจ

เขาทนความเจ็บปวดจากการปะทุของปราณและเลือด

ธนูทำลายตะวันเขาคือสมบัติโบราณที่สืบทอดจากตระกูลเขาและแข็งมาก แต่ตอนนี้ พลังจากกระบองกลับทำให้มันแตก?

นี่เป็นสมบัติประเภทใดกันแน่?

เขาไม่รู้ว่ากระบองในมือเฟิงหลินคืออาวุธเทพที่สามารถผลักดันได้ทั้งทวีป หากรู้ เขาคงไม่เลือกใช้ธนูมาป้องกัน

หลังได้เปรียบ เฟิงหลินก็รู้สึกเป็นอิสระ เขาทำการโจมตีต่ไป

เงากระบองเร็วและไร้ความปรานี เหมือนพายุรุนแรง

การโจมตีเขาเป็นพละกำลังล้วนๆ ชกด้วยหมัด ฟาดด้วยกระบอง นั่นคือความเป็นชาย

แม้นี่จะเป็นแค่การประลอง เฟิงหลินก็ไม่คิดเมตตา เขาอยากเอาชนะอี้อย่างสมบูรณ์

อี้ไม่อาจป้องกันและต้องหนีอย่างต่อเนื่อง

ศรแบ่งแยก!

อี้คำรามและมือเขาก็รั้งสายธนู ยิงลูกศรที่แยกเป็นล้านก่อนตกลงมาจากฟ้า

ตึง ตึง ตึง!

กระบองเหล็กถูกควงหมุน สร้างเป็นวงกลมป้องกันสัมบูรณ์

อี้ไม่ไร้เดียงสาคิดว่าจะสามารถเอาชนะเฟิงหลินได้ด้วยกระบวนท่านี้ เขาแค่ใช้การโจมตีนี้เพื่อยืดระยะห่างระหว่างพวกเขา ต่อมา เขาก็รั้งสาย ทำให้มันโค้งงอเป็นรูปจันทร์เสี้ยวขณะที่กลิ่นอายเขายิ่งทวีความรุนแรง

 

“นายแข็งแกร่งมาก หากฉันใช้เทคนิคทั่วไป ฉันคงไม่ใช่คู่มือนาย”อี้พูด”แต่ ฉันมีศรอีกดอก หากนายกันมันได้ ฉันจะยอมรับว่านายเหนือกว่าและเข้าร่วมทีมนาย!”

“มาเลย”เฟิงหลินกล่าวอย่างสงบ

ตัดสินในการโจมตีเดียว?นี่คือสิ่งที่เขาต้องการ

คนที่เดินบนเส้นทางโฮ่วอี้จะแข็งแกร่งแค่ไหนหากทุ่มสุดตัว?

มันทำให้เขารู้สึกคาดหวัง

กลิ่นอายยิ่งหนาแน่น ความแหลมแทรกซึมในอากาศ เจาะผิวคนและจับเฟิงหลินไว้

(มันกำลังมา!)

ดวงตาเฟิงหลินเปล่งประกายเยียบเย็น

เอี้ยด

เสียงโลหะถูกับโลหะดังขึ้น ลูกศรนี้ดูเหมือนจะช้ามากเหมือนวิดิโอในภาพช้า อย่างไรก็ตาม เฟิงหลินไม่ลดความระวัง

ยิ่งลูกศรปรากฏช้า พลังก็ยิ่งมาก!

แม้สถานะพลังชีวิตจะสูง แขนเขาก็อดไม่ได้ที่จะสั่นหลังยิงลูกศรนี้ มันเหมือนกับว่าแขนเขาไม่อาจแบกรับภาระได้

จิ๊

เกิดประกายไฟไล่ตามลูกศร

ลูกศรทำให้เกิดแรงเสียดทานอย่างรุนแรงจากการยิงผ่านอากาศ ประกายไฟที่สร้างขึ้นงดงามเหมือนพลุไฟ คล้ายนกยักษ์ที่กางปีกและแหงนหน้าเพื่อเปล่งเสียงร้อง ขณะที่ร่างมันปกคลุมด้วยไฟ

(ลูกศรนี้ช้ามาก..ไม่สิ!มันเร็วมาก!)

ความช้าที่เขาเห็นแค่ภาพลวงตาเพราะลูกศรเร็วจนตาเขามองไม่ทัน

เฟิงหลินกระพริบตา เขาเห็นแค่นกไฟกำลังโถมหาเขา นี่รู้สึกเหมือนอีกาทองคำในตำนานที่จุติลงจากฟ้า มันราวกับดางหางที่แหวกผ่านอากาศ อยากเผาไหม้โลก

เปลวไฟที่ลุกโชติช่วงเข้ากลืนกินเขา

อีกาทองคำทะยาน!

อี้วางคันธนูลงด้วยร่างกายที่สั่นสะท้าน

วินาทีต่อมา เปลวไฟก็มอด เผยให้เห็นร่างของเฟิงหลิน แม้เสื้อผ้าเขาจะไหม้ ผิวเขาก็ยังมันวาวดุจหยก

เฟิงหลินยังยืนอยู่ในตำแหน่งเดิม

เอี้ยด เอี้ยด

ฝ่ามือเขาเหมือนห่วงเหล็ก คว้าจับลูกศรไว้แน่น เขาออกแรงและศรกระดูกก็แตกสลายเป็นผุยผงก่อนหายไปตามลม

จากนั้นเฟิงหลินก็กางมือ บาดแผลสามารถเห็นได้บนฝ่ามือเขา นอกจากนี้ ยังมีรูเล็กๆปรากฏขึ้นระหว่างคิ้วของเฟิงหลินพร้อมเลือดที่หยดจากมัน

เขาเกือบตาย!

เฟิงหลินรู้ว่าเขาโชคดี ลูกศรนี้เร็วและทรงพลังเกินไป เกือบจะทำลายการป้องกันเขา!แม้เฟิงหลินจะไม่รู้ว่ามันมีพลังแค่ไหน แต่รู้ว่ามันเกือบจะฆ่าเขา

 

“เยี่ยม ฉันจะเข้าร่วมทีมนาย”อี้ยอมรับความพ่ายแพ้เขาเมื่อเห็นฉากนี้ เขากอดธนูไว้และก้าวไปด้านหน้า หลับตาทำสมาธิ

“นายแกร่ง แกร่งมาก แม้ฉันจะไม่รู้ว่าระบบสุริยะสามารถให้กำเนิดคนอย่างนายได้ยังไง พลังนายก็ได้รับการยอมรับจากฉันไปแล้ว”ดวงตาของซูลี่ภายใต้หน้ากากสว่าง เขาพูดต่อ”ตราบเท่าที่นายสามารถรับหนึ่งในการโจมตีของฉันได้ ฉันเองก็จะเข้าร่วม”
“เชิญ”เฟิงหลินไม่เสียคำพูด

 

ผู้บ่มเพาะล้วนแต่เป็นคนที่ภาคภูมิในตัวเอง หากพวกเขาไม่คุยกันด้วยพลังพวกเขา มันก็ยากที่จะโน้มน้าว

เขาจะใช้โอกาสนี้เพื่อดูความสามารถที่แท้จริงของทีมเขา

ชุดของซูลี่กระพริบตามลมขณะที่ปราณปีศาจพวยพุ่งออกมา ปราณปีศาจควบแน่นเป็นสามหางด้านหลังเขา เขาคำราม และหางเขาก็ตั้งตรงขณะที่แสงจากพลังงานสามประเภทสามารถเห็นได้บนปลายหาง

เพลิงดำ สายฟ้าสีม่วง หิมะสีเงิน…

พลังงานทั้งสามรวมกัน สร้างเป็นห่วงพลังงานที่เติมเต็มกัน

“บ่วงสามหาง!”

พลังของสิ่งนี้ให้ความรู้สึกเหมือนห่วงเหนือศีรษะ เป้าหมายจะถูกโจมตีด้วยน้ำแข็ง ไฟและสายฟ้า

มันสามารถทำลายได้ทุกสิ่ง!