ตอนที่ 2231 เรื่องราวอีกบทของหวาเซี่ย (72)
อวิ๋นเสวี่ยเหลียนลุกขึ้นจากพื้น น้ำตาไหลอาบลงมาตามใบหน้าเล็กๆ ที่ขาวซีดขณะที่เธอเดินออกไปอย่างเงียบๆ
…
อวิ๋นลั่วเฟิงออกมาจากเรือนจำแล้ว นางจึงไม่รู้ว่าหลี่ชุ่ยชุ่ยได้บอกสิ่งเหล่านี้กับอวิ๋นเสวี่ยเหลียน แต่ต่อให้รู้ นางก็ไม่สนใจ
“ลั่วเฟิง”
อวิ๋นลั่วเฟิงเพิ่งมาถึงทางเข้าของร้านยาหมอหัตถ์เทวดาเมื่อเธอเห็นหนานกงอวิ๋นอี้และหงหลวน ทั้งสองหันมา เมื่อเห็นอวิ๋นลั่วเฟิง ทั้งคู่ก็รีบเดินเข้ามาหานาง
“ลั่วเฟิง ทำไมเจ้าถึงมาที่นี่ล่ะ” หงหลวนถามอย่างยินดี ยกแขนขึ้นคล้องแขนเพื่อนเอาไว้
“ได้เวลาต้องไปแล้วละ แต่ข้ายังมีงานที่ต้องมอบหมายความรับผิดชอบอยู่” อวิ๋นลั่วเฟิงเดินเข้าสู่ร้านพร้อมด้วยรอยยิ้ม
ในตอนนี้ ยังมีลูกค้าบางส่วนอยู่ในร้าน เมื่ออวิ๋นลั่วเฟิงมองเห็นลูกค้า ดวงตาของนางก็เป็นประกาย
ผู้หญิงคนหนึ่งกำลังโต้เถียงอยู่กับเสวี่ยต่งก็สังเกตเห็นว่ากำลังมีคนเดินเข้ามา เธอหันไปดูและได้เห็นหนานกงอวิ๋นอี้ แววตาของเธอจึงปรากฏแววประหลาดใจ
“เธอเองเหรอ”
เด็กหนุ่มผู้น่าสงสารคนนี้เองไม่ใช่เหรอที่เธอปฏิเสธเขาไปเมื่อสมัยที่อยู่มหาวิทยาลัยหวาเซี่ย แล้วทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ
ชายหนุ่มรูปหล่อที่ยืนอยู่ข้างหญิงสาวเองก็มองเห็นหนานกงอวิ๋นอี้กำลังเดินตรงเข้ามา เขาจึงดึงเหลียงฉีเข้ามาไว้ในอ้อมแขนและนิ่วหน้า ชายหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงเอาเรื่องว่า “ฉี่ฉี หมอนั่นใครน่ะ”
เหลียงฉีกัดริมฝีปาก “ก็แค่คนที่มาชอบฉันน่ะค่ะ เขาอยู่ในเหตุการณ์ห้องแล็บระเบิดที่มหาวิทยาลัยหวาเซี่ยครั้งนั้นด้วย ตอนที่มีคนบอกฉันว่าเขายังมีชีวิตอยู่ ฉันยังไม่เชื่อเลย ไม่คิดว่าเขาจะกลับมาจริงๆ …”
ความจริงแล้ว เหลียงฉีเองก็มีใจให้หนานกงอวิ๋นอี้เช่นกัน แต่ความรู้สึกของเธอก็ถูกทำลายจนป่นปี้ไปด้วยความเป็นจริงในท้ายที่สุด เธอเกิดมายากจน ด้วยเหตุนี้เธอจึงต้องการที่จะหาผู้ชายรวยๆ แต่งงานด้วย ไม่ว่าเธอจะชอบหนานกงอวิ๋นอี้มากแค่ไหน แต่เธอก็ไม่อาจทำใจแต่งงานกับผู้ชายที่มีฐานะยากจนได้
“โอ้ ผู้ชายที่เคยมาชอบเธอนั่นเอง ฉันละอยากรู้พื้นเพครอบครัวเขาเสียจริง” ชายหนุ่มผู้นั้นเงยหน้าขึ้นมองหนานกงอวิ๋นอี้ด้วยท่าทียโสอย่างจะประเมินดู สายตาของเขาบ่งบอกถึงการดูแคลนอย่างชัดเจน
“ฐานะทางบ้านเขาก็ธรรมดานี่แหละค่ะ”
“ธรรมดาเหรอ งั้นก็แสดงว่าจนสินะ ผู้ชายจนๆ แบบนั้นกล้าตามจีบหญิงด้วยเหรอ” ชายหนุ่มพ่นลมพรืดอย่างเหยียดหยาม สายตาของเขากวาดมองต่อไปยังอวิ๋นลั่วเฟิงและหงหลวนที่ยืนอยู่ข้างหนานกงอวิ๋นอี้
ใบหน้าของหนานกงอวิ๋นอี้เคร่งขรึมลง แต่ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไร อวิ๋นลั่วเฟิงก็พูดขึ้นเสียก่อนว่า “เสวี่ยต่ง ไล่สองคนนั่นออกไปซะ”
“นี่เธอ…” สีหน้าของชายหนุ่มเปลี่ยนไปทันที “ในเมื่อร้านยาหมอหัตถ์เทวดาเปิดมาเพื่อทำธุรกิจ เป้าหมายคือผลกำไร ฉันมีเงินเยอะแยะ ถ้ากล้าดีไล่ฉันออกไปละก็ ฉันจะทำให้ร้านนี้ไม่มีทางได้เปิดกิจการอีกต่อไป”
เหลียงฉีดึงแขนผู้ชายเอาไว้ “พี่หนาน อย่ามีเรื่องกันเลยค่ะ รีบไปกันดีกว่า”
“ทำไมฉันต้องไปด้วย!” ชายคนนั้นส่งสายตาเย็นชาให้หนานกงอวิ๋นอี้ “ไอ้หนุ่ม กล้าตามจีบผู้หญิงของฉันด้วยเหรอ นายต้องขอโทษฉันเดี๋ยวนี้!”
เมื่อเห็นว่าแฟนหนุ่มไม่ยอมไปง่ายๆ เหลียงฉีก็หันไปส่งสายตาให้หนานกงอวิ๋นอี้และบอกว่า
“หนานกง ขอโทษพี่หนานเถอะนะ เขาจะได้ไม่เอาเรื่องเธอ ไม่อย่างงั้น ฉันคงช่วยอะไรเธอไม่ได้”
ครั้งหนึ่งเธอเคยมีใจให้หนานกงอวิ๋นอี้ แม้ว่าเธอจะไม่ได้ตอบรับความรู้สึกของเขา แต่ก็ใช่ว่าเธอจะไม่มีเยื่อใยเหลือให้ผู้ชายที่เธอเคยชอบมาก่อนเลย
“เฮอะ” หงหลวนหัวเราะเยาะๆ “วันนี้ได้เห็นอะไรใหม่ๆ แล้วสินะ สามีข้ายังไม่ทันพูดอะไรเลยซักคำ แต่เจ้ากลับบังคับให้เขาขอโทษงั้นเหรอ”
ตอนที่ 2232 เรื่องราวอีกบทของหวาเซี่ย (73)
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เหลียงฉีก็สะดุ้งแล้วหันกลับไปมองหงหลวน เธอจำอวิ๋นลั่วเฟิงได้ แต่ผู้หญิงคนนี้เธอเพิ่งเคยพบเป็นครั้งแรก ผู้หญิงคนนี้สวยมากทีเดียว ชุดแดงของเธอช่วยขับเน้นรูปร่างได้เป็นอย่างดี ริมฝีปากบิดโค้งเป็นรอยยิ้มกว้างขึ้นไปจนถึงดวงตาที่เฉียงขึ้นของเธอ
“หนานกง นั่นภรรยาของเธอเหรอ” เหลียงฉีทำปากยื่น “ทำไมฉันถึงไม่เคยเจอเขาที่มหาวิทยาลัยหวาเซี่ยเลยล่ะ เขาจบมาจากที่ไหนเหรอ”
“ฉันไม่เคยเรียนหนังสือ”
เพราะเธอรู้แค่วิชาต่อสู้เท่านั้น…
“ไม่เคยเรียนหนังสือเหรอ” เหลียงฉีสะดุ้ง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเห็นใจว่า “ยังไงครั้งนึงเราก็เคยเป็นเพื่อนร่วมชั้นกันนะ ฉันทนเห็นเธอต้องตกต่ำแบบนี้ไม่ได้จริงๆ เธอเป็นคนเก่งแล้วก็ทำงานหนักเพื่อให้ประสบความสำเร็จในสิ่งที่ยิ่งใหญ่ แล้วทำไมถึงได้แต่งงานกับผู้หญิงแบบนี้ล่ะ เขาไม่คู่ควรกับเธอเลยซักนิด”
ถึงแม้หนานกงอวิ๋นอี้จะเป็นคนที่เธอบอกปฏิเสธไป แต่เธอก็ไม่ยินดีที่จะเห็นเขามาอวดผู้หญิงของเขาต่อหน้าเธอแบบนี้
“หนานกง...”
เมื่อเห็นหนานกงไม่พูดอะไร เหลียงฉีจึงอยากจะพูดต่อ แต่อยู่ๆ หนานกงก็เดินเข้ามาหา คว้าปกเสื้อเธอแล้วจับเธอโยนออกมาข้างนอกโดยแรง
ในร้านร้านยาหมอหัตถ์เทวดามีคนอยู่อีกสองสามคน พวกเขาสะดุ้งกับการกระทำของหนานกงอวิ๋นอี้ และรีบกระจายกันออกไปยืนอยู่ด้านข้าง ทำให้เหลียงฉีล้มโครมลงกลางผู้คน
“นี่เธอ…” ดวงตาของเหลียงฉีเบิกกว้างอย่างไม่อยากเชื่อ เธอมองหน้าหนานกงอวิ๋นอี้อย่างพูดอะไรไม่ออก ใบหน้าของเธอซีดเผือดด้วยความกลัว เนื้อตัวสั่นเทา
“ฉันไม่เคยทำร้ายผู้หญิงมาก่อนเลย แต่ฉันยอมแหกกฎตัวเองเพราะเธอ!” หนานกงอวิ๋นอี้ทำเสียงเหยียดหยาม “เธอคิดว่าตัวเองแป็นใครถึงได้กล้ามาวิจารณ์หงหลวนแบบนี้ ต่อให้อีกพันปี เธอก็ไม่มีทางรู้ในสิ่งที่เขารู้! ต่อให้เธอเรียนมหาวิทยาลัยแล้วไง หงหลวนจัดการเธอได้ด้วยนิ้วเดียวด้วยซ้ำ”
หงหลวนเบ้ปาก ทำไมคำพูดของหนานกงอวิ๋นอี้ฟังดูแล้วเหมือนเธอเป็นผู้หญิงร้ายกาจอย่างนั้นแหละ
“พี่หนาน!” เหลียงฉีตัวสั่นด้วยความโกรธ เธอร้องเรียกแฟนหนุ่มด้วยเสียงหวาดหวั่น
น้ำเสียงของเธอทำให้ผู้ชายที่ชื่อพี่หนานได้สติกลับคืนมา เขารีบกระโจนเข้าใส่หนานกงอวิ๋นอี้ด้วยความโกรธทันที
“แกกล้าทำร้ายผู้หญิงของฉันเหรอ แกรนหาที่ตายซะแล้ว!”
เขาเหวี่ยงหมัดเข้าใส่หนานกงองิ๋นอี้ แต่ก่อนที่จะทันได้ถึงตัวเขา ชายหนุ่มก็ถูกฝ่ามือขาวราวกับดอกบัวหยุดเอาไว้เสียก่อน
“ตอนที่หนานกงบอกว่าฉันจัดการนายได้ด้วยนิ้วเดียวน่ะ เขาไม่ได้โกหกนะ แต่ลั่วเฟิงบอกว่าฉันจะฆ่าคนตามอำเภอใจที่นี่ไม่ได้ เพราะฉะนั้นนายต้องขอบใจกฎหมายของนายนะ ที่ทำให้นายยังมีชีวิตอยู่ได้!”
เมื่อพูดจบ หงหลวนก็ใช้มือเพียงข้างเดียวยกร่างชายหนุ่มขึ้น ก่อนจะเหวี่ยงกระเด็นออกไปอย่างไร้ปรานี
โครม!
ชายหนุ่มล้มคว่ำลงบนพื้นชนิดไม่เป็นท่า ใบหน้าซีดเผือดและเต็มไปด้วยความอับอาย
“ตำรวจ!”
ทันใดนั้นก็มีเสียงไซเรนรถตำรวจดังขึ้นด้านนอก แล้วเจ้าหน้าที่กลุ่มหนึ่งก็โผล่หน้าเข้ามาในร้านในอีกอึดใจต่อมา เจ้าหน้าที่คนหนึ่งถามว่า “ใครเป็นคนโทรหาตำรวจ”
เสวี่ยต่งค่อยๆ ยกมือขึ้นช้าๆ “ผมเองครับ…”
ถ้าเขารู้ว่าหนานกงอวิ๋นอี้และผู้หญิงของเขาจะเก่งกาจขนาดนี้ละก็ เขาก็คงไม่โทรหาตำรวจให้เหนื่อยเปล่าหรอก
“เกิดอะไรขึ้น” หัวหน้าตำรวจถามเสียงเย็น
เสวี่ยต่งชี้ไปยังพี่หนานและเหลียงฉีที่กองอยู่บนพื้น “พวกเขาก่อเรื่องในร้านยาหมอหัตถ์เทวดาน่ะครับ”
ตอนนี้ร้านร้านยาหมอหัตถ์เทวดาเป็นร้านที่มีชื่ออยู่ในระดับสูงของหวาเซี่ยทีเดียว ด้วยสมุนไพรพลังวิญญาณของทางร้านช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับกองกำลังของเมืองหวาเซี่ยได้เป็นอย่างดี ด้วยเหตุนี้ ทันทีที่พวกเขาได้ยินว่ามีคนมาก่อเรื่องที่ร้านร้านยาหมอหัตถ์เทวดา จึงไม่มีตำรวจคนไหนกล้านิ่งดูดาย