บทที่ 195 หุ่นเชิดตัวที่สาม

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

บทที่ 195 หุ่นเชิดตัวที่สาม

เมื่อหลูซ่างเก๋อจากไป ผู้หญิงทั้งสามที่อยู่อยู่ด้านข้าง พวกนางมองหลิงตู้ฉิงด้วยสายตาสงสัย

หลิงตู้ฉิงยิ้มพลางเทแยกเลือดที่ได้มาจากหลูซ่างเก๋อ ออกเป็น 3 ส่วนใส่ขวดหยก และนำมันเก็บเข้าไปในแหวนมิติ

“เดี๋ยวไว้ข้าจะจะกลั่นเลือดพวกนี้ให้เจ้ากิน” หลิงตู้ฉิงพูดกับโจวจื่อซิน “มันจะช่วยให้เจ้าแข็งแกร่งขึ้น และจะช่วยทำให้ในอนาคตเมื่อเจ้าบ่มเพาะไปถึงขอบเขตสวรรค์ สายเลือดของเจ้าจะพัฒนาขึ้นไปอีกระดับได้ง่ายยิ่งขึ้น”

โจวจื่อซินพยักหน้าเข้าใจ ก่อนหน้านี้ที่นางได้ยินที่หลิงตู้ฉิงคุยกับหลูซ่างเก๋อเรื่องกินเลือดนาง นางได้ยอมรับโชคชะตาของนางในใจเรียบร้อยแล้วว่าจุดจบของนางคงใกล้มาถึง

“สามี นี่ท่านจะตกลงแลกเปลี่ยนกับตาเฒ่านั่นจริง ๆ งั้นเหรอ?” เหลียงเฟ่ยเอ๋อพูดด้วยน้ำเสียงกังวล

หลิงตู้ฉิงยิ้มและตอบกลับ “ก็ถ้าหากเขาไม่เล่นแง่กับข้า หลังจากสายเลือดของจื่อซินตื่นขึ้นอย่างเต็มตัวกลายเป็นมีสรรพคุณโอสถระดับสวรรค์แล้ว ข้าจะแบ่งเลือดของจื่ซินให้เขาสักหยดสองหยดเพื่อแลกกับเอาเลือดของเขามาให้กับจื่อซินกินต่ออีกสักหน่อยเพื่อให้นางแข็งแกร่งยิ่งขึ้น แบบนี้มันจะไม่คุ้มตรงไหน?”

พูจบหลิงตู้ฉิงหันไปหาโจวจื่อซิน “ซิน เจ้าคงจะไม่ลำบากใจใช่ไหมหากต้องเสียเลือดสักหยดสองหยดเพื่อการแลกเปลี่ยนเช่นนี้?”

โจวจื่อซินมองไปยังหลิงตู้ฉิงด้วยสายตาอ่อนหวานและตอบอย่างแผ่วเบา “ตามบัญชา นายท่าน”

หลิงตู้ฉิงยิ้ม “อันที่จริงเลือดของตาเฒ่านั่นมันวิเศษมากเลยเชียวล่ะ เมื่อไหร่ที่เจ้ากลืนมันเข้าไปเจ้าจะรู้เองว่ามันดียังไง”

“นายท่าน หรือว่าเขาเป็นอสูรปีศาจงั้นเหรอ?” เสี่ยวเยว่เฟิงด้วยสายตาสงสัย

“เขาเป็นสัตว์วิเศษต่างหาก” หลิงตู้ฉิงแก้ความเข้าใจของนาง “เขาคือกวางวิเศษที่จำแลงกายเป็นมนุษย์ได้ แต่สายตาของเขานั้นดีจริง ๆ เขาสามารถมองออกว่าร่างของเฟ่ยเอ๋อคือกายาปฐพี ต่อจากนี้คงขึ้นอยู่กับเขาแล้ว ว่าเขาคิดจะตุกติกกับกับข้าไหม หากเขาฉลาดพอข้าสามารถทำให้เขาทะลวงขอบเขตไปสู่ขอบเขตสวรรค์ได้ภายในเวลาไม่กี่ปี แต่ถ้าเขากล้าหักหลังข้า พวกเจ้าและทุกคนในคฤหาสน์คงจะได้กินเนื้อกวางวิเศษกันทั้งหมดล่ะนะ ข้าบอกได้เลยว่ารสชาติเนื้อของกวางวิเศษนั้นยอดเยี่ยมอย่าบอกใครเลยเชียวล่ะ แถมมันยังสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับทุกคนที่กินเข้าไปอย่างมากทีเดียว”

ดวงตาของเสี่ยวเยว่เฟิงเปล่งประกาย นางเลียริมฝีปากและพูดว่า “กวางวิเศษงั้นเหรอ? ข้าเคยกินมันอยู่ครั้งหนึ่งตอนที่ข้าเป็นเด็ก ข้ายังจำได้เลยว่าในเวลานั้นที่ข้ากินมันเนื้อของมันนั้นอร่อยมาก ๆ เลย”

หลิงตู้ฉิงมองไปยังเสี่ยวเยว่เฟิงและส่ายหัว “เก็บอาการของเจ้าหน่อย หากเจอกันกับเขารอบหน้า เจ้าอย่าได้ไปยืนน้ำลายสอมองหน้าเขาเชียวล่ะ ไม่งั้นเจ้าจะทำให้แผนของข้าเสียหมด เจ้าเข้าใจไหม”

เสี่ยวเยว่เฟิงที่ได้ยินคำเตือนนางก้มหน้าด้วยความอับอาย ส่วนเหลียงเฟ่ยเอ๋อที่ยืนอยู่ด้านข้างนางเองก็ยังรู้สึกเสียดาย นางอยากรู้ว่าเนื้อของกวางวิเศษขอบเขตนภาจะรสชาติเป็นยังไง

หลังจากหลูซ่างเก๋อจากไปโดยไร้รอยขีดข่วน ภาพเช่นนี้มันก็เหมือนเป็นสัญญาณให้ผู้อื่นที่จับตามองคฤหาสน์สราญรมย์เข้าใจว่า พวกเขาเองก็คงจะสามารถเข้าไปต่อรองเรื่องของโจวจื่อซินได้ ผู้เชี่ยวชาญหลายคนจึงเริ่มเดินเข้าไปยังด้านในคฤหาสน์สราญรมย์อย่างต่อเนื่อง

และปฏิกิริยาของหลิงตู้ฉิงก็เป็นดั่งที่พวกเขาหวัง พวกเขาได้รับการอนุญาตจากหลิงตู้ฉิงทุกคน ตราบใดก็ตามที่พวกเขาจ่ายค่าเข้าเป็นวัสดุระดับสูง

แต่ก็ยังมีบ้างบางคนที่ไม่ยอมจ่ายค่าเข้าและพยายามใช้กำลังของตัวเองแหกกฎ

หนึ่งในผู้ที่พยายามแหกกฎนั่นก็คือ ผู้เชี่ยวชาญไร้สังกัดระดับพลังของเขาอยู่ที่ขอบเขตนภาระดับ 12 ด้วยความสิ้นหวังที่อายุขัยของเขาใกล้จะหมดลง และเขายังไม่สามารถหาทางทะลวงขอบเขตไปยังขอบเขตสวรรค์ได้ เมื่อเขาได้ยินข่าวการปรากฏกายของผู้ครองสายเลือดพฤกษาสวรรค์ เขาจึงรู้สึกตื่นเต้นจนแทบคลั่ง

หลังจากเขาเข้ามาด้านในคฤหาสน์ เมื่อเขาเห็นระดับการบ่มเพาะของหลิงตู้ฉิงที่อยู่ในระดับแค่ขอบเขตควบแน่นลมปราณและเห็นว่าโจวจื่อซิน ผู้ซึ่งมีสายเลือดพฤกษาสวรรค์ยืนอยู่ด้านข้าง เขาจึงลงมือทันที

ในห้วงความความคิดของผู้เชี่ยวชาญไร้สังกัดผู้นั้น เขาคิดว่าการตกลงแลกเปลี่ยนของหลิงตู้ฉิงเป็นเพียงกลลวง และถึงว่ามันจะเป็นเรื่องจริงเขาก็ไม่สามารถรอไปได้นานกว่านี้อีกแล้วเนื่องจากอายุขัยของเขาใกล้จะหมดลงเต็มที เขาตั้งใจว่าเขาจะรีบชิงตัวโจวจื่อซินมากินและหวังว่าเขาจะสามารถทะลวงขอบเขตได้ในชั่วพริบตา เพื่อหนีความตายที่กำลังจะใกล้มาถึง

แต่น่าเสียดาย ในช่วงขณะที่เขาเริ่มลงมือ หลิงตู้ฉิง ผู้ซึ่งรู้ทันความคิดเขาอยู่แล้ว ได้ดึงมือแขนเหลียงเฟ่ยเอ๋อและโจวจื่อซินถอยหลบภายในชั่วพริบตา

ซึ่งหลังจากนั้น โม่หยูถังได้เปิดใช้ลูกปัดรวมวิญญาณ และตรงเข้าสังหารผู้เชี่ยวชาญไร้สังกัดผู้นี้ทันที

ด้วยพลังขอบเขตครึ่งสวรรค์บวกกับหอกระดับวิญญาณขั้นสูงสุด โม่หยูถังใช้เวลาเพียงอึดใจเดียวในการปลิดชิวิตผู้เชี่ยวชาญไร้สังกัดผู้นั้นที่ชื่อว่า จู้หลู่

ภาพเหตุการณ์นี้ถูกเห็นโดยบรรดาผู้คนที่รอมาเข้าพบหลิงตู้ฉิงจำนวนมาก

“อาวุธวิเศษระดับวิญญาณขั้นสูงสุดถูกใช้โดยผู้เชี่ยวชาญขอบเขตครึ่งสวรรค์ช่างน่ากลัวจริง ๆ!” บรรดาผู้คนที่เห็นเหตุการณ์ต่างกล่าวเยินยอภาพการต่อสู้ที่พวกเขาพึ่งได้เห็น “ด้วยวิชาจากสำนักเก้าเทพอสูรของพ่อบ้านผู้นั้นบวกกับอาวุธและระดับการบ่มเพาะ ความแข็งแกร่งของเขาน่าจะไม่ต่างอะไรเลยกับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์!”

“อันที่จริง จู้หลู่ก็ไม่ได้ตายอย่างไร้ประโยชน์ อย่างน้อย ๆ เขาก็ทำให้เราได้รู้ถึงความแข็งแกร่งของคฤหาสน์สราญรมย์” เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ บรรดาคนอื่นต่างพยักหน้าเห็นด้วย

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้เราคงทำได้แต่รอดูสถานการณ์ต่อไปก่อน”

แต่ก็มีบ้างบางคนที่พูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “จู้หลู่มันก็แค่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตนภาระดับ 12 เท่านั้น หากข้าต้องการฆ่ามัน ข้าก็สามารถทำได้ในเวลาเพียงชั่วอึดใจเช่นกัน สิ่งที่เราควรจะกังวลมากกว่าก็คือคนในคฤหาสน์สราญรมย์นั่นครอบครองอาวุธวิเศษระดับสวรรค์เอาไว้บ้างรึเปล่าต่างหาก”

ก็เหมือนกับคนอื่น ๆ หมิงเซียนจ้าวและจือหมิงฮ่าวที่มาจากสำนักสวนร้อยพฤกษาเองก็แฝงตัวอยู่ในบรรดาผู้คนที่มาขอเข้าพบหลิงตู้ฉิง

“คนจากสำนักเก้าเทพอสูรแข็งแกร่งสมคำร่ำลือจริง ๆ” หมิงเซียนจ้าวกล่าวด้วยน้ำเสียงกังวล

จือหมิงฮ่าวพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ถึงแม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งก็จริง แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่ข้ารับมือได้อยู่ เอาล่ะ ตอนนี้เราต้องกลับไปเตรียมพร้อมก่อน พรุ่งนี้ข้าจะเข้าไปคุยกับหลิงตู้ฉิงเพื่อดูท่าทีของเขาอีกที”

วันถัดมา เมื่อจือหมิงฮ่าวมาถึงหน้าประตูคฤหาสน์สราญรมย์ เขาก็ต้องแปลกใจเมื่อได้เห็นว่าในวันนี้ที่หน้าประตูคฤหาสน์กลับมี หุ่นเชิด ยืนเฝ้าหน้าประตูอยู่ถึง 3 ตัว

หุ่นเชิดตัวที่ 3 ที่มาใหม่ก็คือ จู้หลู่ ที่เมื่อวานพึ่งถูกสังหาร!

ด้วยสภาพของจู้หลู่ในตอนนี้ ที่มีรูโบ๋ขนาดใหญ่อยู่กลางอกที่เกิดจากหอกของโม่หยูถังเมื่อวาน มันส่งผลให้บรรดาผู้คนที่มาเยือนคฤหาสน์สราญรมย์วันนี้ จึงค่อนข้างรู้สึกหวาดกลัว

แต่ในทางกลับกัน จือหมิงฮ่าวนั่นมองไปยังจู้หลู่ด้วยสายตาสงบนิ่ง เขาเดินอย่างองอาจ เข้ามาหาเหล่าหุ่นเชิดที่ยืนเฝ้าหน้าประตู

“โปรดจ่ายค่าธรรมเนียมผ่านประตูก่อน จากนั้นเจ้าถึงจะเข้าไปได้!” เหล่าหุ่นเชิดที่เห็นว่าจือหมิงฮ่าวเดินใกล้เข้ามาได้พูดขึ้นดักไว้

จือหมิงฮ่าวนำสมุนไพรออกมาจากแหวนมิติ และยื่นให้กับหุ่นเชิดจากนั้นเขาพูดว่า “นี่คือกลีบดอกไม้จันทราอายุ 3,000 ปี มันคือหนึ่งในสมุนไพรที่ดีที่สุดในระดับราชวงศ์ ข้าคิดว่าสมุนไพรนี้คงจะมีค่าพอให้ข้าเข้าไปในคฤหาสน์ใช่ไหม?”

“เจ้าผ่านเข้าไปได้!” หุ่นเชิดตอบกลับ

หลังจากได้รับอนุญาตจากหุ่นเชิด เมื่อจือหมิงฮ่าวก้าวเข้าไปในอาณาเขตคฤหาสน์ เขาสัมผัสได้พลังวิญญาณจำนวนมากที่ที่อยู่ในบริเวณคฤหาสน์ และที่สำคัญไปกว่านั้นคือเขายังสัมผัสได้ถึงภัยคุกคามที่เขาก็ไม่สามารถบอกได้ว่ามันมาจากที่ไหน

เมื่อยืนต่อหน้าหลิงตู้ฉิง จือหมิงฮ่าวอดไม่ได้ที่จะกล่าวชื่นชม “คฤหาสน์ของท่านช่างน่าประทับใจจริง ๆ สมแล้วที่ท่านหลิงเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญอักขระเวทย์”

หลิงตู้ฉิงยิ้มและถามขึ้น “เอาล่ะ ตอนนี้เจ้าพูดมาได้แล้ว ว่าเจ้ามาหาข้าทำไม?”

จือหมิงฮ่าวเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจังทันทีและพูดว่า “ท่านหลิง ข้าอยากจะอธิบายกับท่านก่อนว่าทางสำนักของข้าเป็นผู้เจอผู้ครองสายเลือดพฤกษาสวรรค์เป็นคนแรก และทางเราได้หมดทรัพยากรเพื่อบ่มเพาะนางไปเป็นจำนวนมาก แต่ท่านกลับมาชิงตัวนางไปแบบนี้….”

หลิงตู้ฉิงพูดขัดขึ้น “ข้าว่าเจ้ากำลังเข้าใจอะไรบางอย่างผิดอยู่นะ ข้าไม่ได้ชิงตัวนางไปจากพวกเจ้า ครั้งแรกที่ข้าเจอนาง ข้าแค่เพียงทำการแลกเปลี่ยนกับนาง ให้ความกระจ่างกับนาง และอีกอย่างข้าไม่ได้จงใจชักชวนนางมาอยู่ด้วยสักหน่อย เจ้าเองก็น่าจะรู้ เมื่อหลายเดือนที่แล้ว เป็นนางเองที่มาขอสมัครเข้าร่วมกับศาลาศักดิ์สิทธิ์ของข้าที่สถาบันราชวงศ์ เจ้าเข้าใจความหมายที่ข้าต้องการสื่อใช่ไหม?”

จือหมิงฮ่าวพนักหน้าและพูดว่า “ข้าเข้าใจ แต่ไม่ว่าจะยังไงตอนนี้นางก็ตกไปอยู่ในมือของท่านแล้ว ฉะนั้นข้าจะขอพูดตรง ๆ ข้าอยากจะรู้ว่าข้าต้องจ่ายให้ท่านเท่าไหร่เพื่อให้ท่านคืนตัวนางมาให้ข้า?”

โจวจื่อซินที่นั่งอยู่ด้านข้างหลิงตู้ฉิง เมื่อนางได้ยินคำพูดนี้ของจือหมิงฮ่าว นางเสียวสันหลังวาบขึ้นมาทันที