ตอนที่ 276 สองคนเจอกัน / ตอนที่ 277 เจียงมู่เฉินเกิดเรื่อง

(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์

ตอนที่ 276 สองคนเจอกัน

 

 

           เจียงมู่เฉินได้ยิน ‘ซือเหยี่ยน’ สองคำนี้ สีหน้าก็จมดิ่งในอารมณ์ เขาลุกยืนขึ้นมา “ออกไปเดินเล่นเท่านั้นเอง ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้ ไปกันเถอะประธานซัง”

 

 

           ซังจิ่งยิ้มเดินตามเจียงมู่เฉินไป เดินอยู่เคียงข้างเขา

 

 

           ทั้งสองคนลงลิฟต์จากชั้นห้าลงมา ซังจิ่งกำลังคิดอยากจะพาเจียงมู่เฉินไปชิลที่ไหนดีถึงจะเข้าท่า ก็เห็นเจียงมู่เฉินที่อยู่ข้างกายหยุดชะงักไปกะทันหันพอดี

 

 

           เขามองตามไปข้างหน้า นิ้วมือก็กำแน่นเล็กน้อย

 

 

           เจียงมู่เฉินมองดูซือเหยี่ยนที่อยู่ตรงหน้า เขาผอมลง สีหน้าซีดเซียว ดูอาการแล้วคงจะเพิ่งฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บหนัก

 

 

           เจียงมู่เฉินตัวแข็งทื่อเล็กน้อย ขณะนั้นยังไม่ทันได้มีท่าทีตอบสนองกลับไป ทำได้เพียงยืนอยู่ตรงที่เดิม

 

 

           ซูเตอร์เห็นเจียงมู่เฉินอยู่ฝั่งตรงข้ามก็ยิ้มหัวเราะเล็กน้อย “บังเอิญจริงๆ นี่คุณชายเจียงไม่ใช่เหรอ ไม่รู้เลยว่าเมื่อไหร่นายก็มาอเมริกาด้วย”

 

 

           เวลานี้เจียงมู่เฉินถึงได้เบนสายตามาที่ข้างๆ ซือเหยี่ยน ซูเตอร์แสดงรอยยิ้มเกทับ เพียงพริบตาเดียวเจียงมู่เฉินก็เข้าใจได้ในทันที

 

 

           นี่ไม่ใช่เหตุบังเอิญที่ได้มาเจอซือเหยี่ยน

 

 

           ถ้าเขาเดาไม่ผิด ทั้งหมดนี้เป็นความจงใจของซูเตอร์ รู้ว่าเขาอยู่ที่นี่ ดังนั้นถึงได้พาซือเหยี่ยนมาเกทับตัวเอง

 

 

           เจียงมู่เฉินยกยิ้มมุมปากเบาๆ “ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่กัน ฉันถึงได้กลายเป็นเพื่อนที่ต้องคอยรายงานนายว่าอยู่ไหน”

 

 

           “นาย!” ซูเตอร์อ้ำอึ้งพูดไม่ออกไปพักหนึ่ง

 

 

            เขาเพิ่งจะเตรียมโต้แย้งก็เห็นซือเหยี่ยนที่อยู่ข้างกาย เขาเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “แล้วซือเหยี่ยนล่ะ ก็ไม่จำเป็นต้องรายงานเหรอ”

 

 

           สายตาเจียงมู่เฉินเคลื่อนมาหยุดลงตรงใบหน้าของซือเหยี่ยน นัยน์ตาดอกท้อคู่นี้ทอประกายความเย้ยหยัน

 

 

           “ฉันคิดว่าฉันยิ่งไม่มีเหตุผลที่จะต้องมารายงาน ว่าฉันอยู่ที่ไหนกับคนที่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับฉันเลยด้วยช้ำนะ”

 

 

           “อ้อ คุณชายเจียงตัดเยื่อใยกันขนาดนี้เชียว เลิกกันแล้วก็เป็นเพื่อนกันไม่ได้เลย?”

 

 

           ความเดือดดาลฉายสะท้อนในแววตาเจียงมู่เฉินขึ้นมาวาบหนึ่ง ยิ่งเขาโมโห รอยยิ้มบนใบหน้าก็ยิ่งหนักแน่น เขาเชิดมุมปากมองดูซูเตอร์ “ฉันไม่เหมือนนาย เลิกกันแล้วยังเป็นเพื่อนกันได้อยู่…

 

 

           …สำหรับฉันเจียงมู่เฉิน เลิกกันแล้วก็คือคนแปลกหน้า”

 

 

           เขากวาดสายตามองผ่านซือเหยี่ยนไป ไร้ความรู้สึกความผูกพัน เย็นชาราวกับเพิ่งได้เจอซือเหยี่ยนเป็นครั้งแรกไม่มีผิด

 

 

           สุดท้ายสายตาก็มาหยุดที่ซูเตอร์ “ขอเตือนนายสักคำ ดูคนไว้ให้ดีๆ ด้วย จะได้ไม่มีคนตัดใจไม่ลง แล้วกลับมาหาฉัน ถึงตอนนั้นจะอับอายได้”

 

 

           ซูเตอร์โดนถากถางกันขนาดนี้ ใบหน้าขึ้นสีไปหมดแล้ว กำลังจะเตรียมเอ่ยปาก ก็เห็นเจียงมู่เฉินลากซังจิ่งไป “ไปกันเถอะ อยากออกไปเดินกันไม่ใช่เหรอ”

 

 

           ซังจิ่งพยักหน้าให้สองคน แล้วมาเดินข้างเจียงมู่เฉิน “ผมกำลังคิดว่าจะไปที่ไหนกันดี”

 

 

           เจียงมู่เฉินหัวเราะเบาๆ “แต่ฉันมีอยู่ที่ที่หนึ่ง”

 

 

           “ที่ไหน”

 

 

           “สนามยิงปืน”

 

 

           สามคำไม่ดังไม่ค่อย พอที่จะให้ซือเหยี่ยนได้ยินได้ ในมุมที่ซูเตอร์มองไม่เห็น มือที่ข้างตัวซือเหยี่ยนก็กำแน่นสนิทขึ้นในพริบตา

 

 

           เพราะออกแรงมากเกินไป ข้อต่อกระดูกจึงซีดเผือดขึ้นเล็กน้อย

 

 

           ซือเหยี่ยนที่ยืนหันหลังให้เจียงมู่เฉิน ดวงตาสีดำขลับคู่นี้ฉายสะท้อนความเจ็บปวดอย่างรุนแรงขึ้นมาวาบหนึ่ง

 

 

           คิดไม่ถึงว่าเขาจะพาซังจิ่งไปสนามยิงปืนที่พวกเขาเคยไปด้วยกัน…

 

 

           ……

 

 

           เจียงมู่เฉินออกมาข้างนอกแล้วก็ส่งมือมาทางซังจิ่ง ต้องการกุญแจรถ “เอากุญแจให้ฉัน ฉันจะขับเอง”

 

 

           ซังจิ่งเอียงหัวมองเขา “เอาจริงเหรอ”

 

 

           เจียงมู่เฉินพยักหน้า “วางใจได้ ฝีมือขับรถฉันใช้ได้อยู่”

 

 

           เวลานี้เองซังจิ่งถึงได้ส่งกุญแจให้เจียงมู่เฉิน หลังจากเจียงมู่เฉินขึ้นรถก็สตาร์ทรถเหยียบคันเร่งเต็มแรงออกตัวไปทันที

 

 

           เขาใช้ความเร็วถึงขีดสุดเร่งขับตีวงออกข้างนอกไป

 

 

           ซังจิ่งเห็นท่าทีเขาแบบนี้ก็อดจะเอ่ยปากไม่ได้ “อารมณ์ไม่ดี อยากขับรถแข่ง?”

 

 

           เจียงมู่เฉินเชิดมุมปากขึ้นอย่างทะนงตัว “อะไรกัน อารมณ์ดีแล้วอยากขับรถแข่งไม่ได้เหรอ”

 

 

           

 

 

ตอนที่ 277 เจียงมู่เฉินเกิดเรื่อง

 

 

           ซังจิ่งเห็นท่าทีของเจียงมู่เฉินก็ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “ได้ก็ได้ เพียงแต่ว่าผมไม่เห็นจะดูออกเลยว่าคุณอารมณ์ดีจริงๆ”

 

 

           เจียงมู่เฉินโดนเขาเปิดโปงขนาดนี้ รอยยิ้มที่มุมปากก็ค่อยๆ หุบลง

 

 

           “โอเค ฉันยอมรับ ฉันอารมณ์ไม่ดี” เขามองซังจิ่งด้วยสายตาเย็นชา “ตอนนี้ขับรถเร็วได้หรือยัง”

 

 

           “ผมพาคุณไปที่ที่หนึ่งดีกว่า ที่นั่นจะขับรถแข่งความเร็วใช้ได้ทีเดียว”

 

 

           เจียงมู่เฉินพยักหน้า “ได้ งั้นนายชี้บอกทางแล้วกัน” เขาพูดจบก็เหยียบคันเร่ง รถสปอร์ตคันสีเงินแล่นเร็วปานลมกรดไปตามถนน

 

 

           เจียงมู่เฉินลดกระจกข้างลง ลมแรงพัดโชยเข้ามา พัดพาเรือนผมของเจียงมู่เฉินพลิ้วไหวตามกระแสลมไป

 

 

           ซังจิ่งเอียงหัวมองเจียงมู่เฉิน ความซับซ้อนทอประกายในแววตา

 

 

           ดูเหมือนว่านับวันเขาจะยิ่งทุ่มเทใจให้คุณชายน้อยคนนี้

 

 

           สถานที่ที่ซังจิ่งพาเจียงมู่เฉินไปก็คือสนามแข่งรถแห่งหนึ่ง เจียงมู่เฉินจอดรถเลิกคิ้วมองซังจิ่ง “ที่ที่นายว่าก็คือที่นี่”

 

 

           “อยากเล่นแบบตื่นเต้นเร้าใจ ที่นี่เหมาะที่สุดแล้ว”

 

 

           เจียงมู่เฉินเห็นคนข้างๆ ที่กำลังเล่นอยู่ ก็พยักหน้าอย่างพอใจ “ใช้ได้พอตัวเลย ที่นี่แล้วกัน”

 

 

           ทั้งสองคนลงจากรถ เดินมุ่งหน้าเข้าไปข้างใน เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเข้าไปนั่งในรถ

 

 

           ซังจิ่งเอียงหัวตะโกนเรียกเจียงมู่เฉิน “คุณไหวหรือเปล่า”

 

 

           เจียงมู่เฉินยกมุมปาก “คุณชายน้อยไม่มีอะไรไม่ไหว”

 

 

           การแข่งขันกำลังจะเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ เจียงมู่เฉินสวมหมวกเรียบร้อยก็สตาร์ทรถ รถแข่งคันสีขาวทะยานตัวออกไป รถแข่งคันสีดำคันนั้นของซังจิ่งก็ขับตามไปติดๆ

 

 

           ความเร็วรถของเจียงมู่เฉินเร็วมาก ขณะที่กำลังขับไปอยู่นั้น ยิ่งรู้สึกราบรื่นกว่าที่จินตนาการเอาไว้มาก ยามเข้าโค้งแรก เจียงมู่เฉินเร่งความเร็วเลี้ยวหักศอกตามโค้งไป เร็วกว่าซังจิ่งขึ้นมานิดหนึ่งพอดี

 

 

           เจียงมู่เฉินนั่งอยู่ในรถ เป็นครั้งแรกที่เขามาเล่นรถแข่งแบบนี้ แต่กลับมีความรู้สึกทำนองว่าเขาเคยมาเล่นอยู่หลายครั้งแล้ว

 

 

           เขาแทบจะไม่ต้องคิดเยอะ ยามเข้าโค้งแต่ละโค้ง ร่างกายเหมือนมีความทรงจำอย่างไรอย่างนั้น มีปฏิกิริยาตอบสนองโดยอัตโนมัติ

 

 

           ข้างหน้าก็เป็นอีกทางโค้งหนึ่ง เจียงมู่เฉินเห็นซังจิ่งที่ตามมาติดๆ ก็ดันเปลี่ยนเกียร์เร่งความเร็วดริฟต์รถเข้าโค้งข้างหน้าไป

 

 

           เจียงมู่เฉินมองดูถนนตรงหน้า สมองก็ฉายสะท้อนภาพเป็นฉากๆ ขึ้นมาวาบหนึ่ง เหมือนกับเขาเองเคยนั่งอยู่ในรถแข่งแบบนี้ด้วย

 

 

           “มาสิ มาแข่งกับคุณชาย ดูว่าใครจะชนะได้”

 

 

           “แข่งก็แข่งสิ ใครกลัวใคร”

 

 

           “พูดมาก่อนเลย ว่าแพ้แล้วจะต้องทำยังไง”

 

 

           “แพ้แล้วก็ตามแต่คุณจะลงโทษเลย”

 

 

           เจียงมู่เฉินปวดหัวอย่างรุนแรงขึ้นมากะทันหัน รถทั้งคันลดความเร็วลงในทันที เพราะความชะลอตัวลงของรถกลับทำให้พุ่งตัวออกไป

 

 

           เจียงมู่เฉินกดหัวตัวเองเอาไว้ ราวกับมีคนถือมีดมากรีดให้ฉีกขาดอยู่ข้างในนั้นไม่มีผิด เจ็บจนใกล้จะขาดออกจากกันแล้ว

 

 

           “ใครกำลังพูด ตกลงใครกำลังพูดอยู่…” เจียงมู่เฉินกุมหัวร้องตะโกนเสียงต่ำด้วยความเจ็บปวดทรมาน

 

 

           รถเสียการควบคุมเหวี่ยงออกนอกเส้นทางการแข่งขันกะทันหันไปชนเข้ากับรั้วกั้นด้านข้าง

 

 

           เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ทำให้เจียงมู่เฉินหน้ามืด หมดสติไปทั้งอย่างนั้น

 

 

           ……

 

 

           ซังจิ่งเห็นรถของเจียงมู่เฉินเสียการควบคุม ก็รีบจอดรถพุ่งตัวไปอยู่ข้างกายเจียงมู่เฉิน รีบช่วยชีวิตอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ หามเจียงมู่เฉินออกมาจากรถ อาการคร่าวๆ ไม่ได้รับบาดเจ็บภายนอกมากจนเกินไป เพียงแต่คนไม่ได้สติสลบไปเท่านั้น

 

 

           ซังจิ่งรีบส่งตัวคนไปโรงพยาบาล

 

 

           หลังจากเจียงมู่เฉินถูกส่งตัวถึงที่โรงพยาบาลแล้ว ก็ถูกส่งตัวเข้าไปในห้องฉุกเฉินทันที

 

 

           ……

 

 

           เจียงมู่เฉินรู้สึกว่าตัวเองหมายกำลังฝันอยู่ ในฝันมีคนพูดอยู่ตลอด แต่เขาฟังไม่ชัดเลยสักประโยค

 

 

           เขาพยายามทำให้ตัวเองฟังได้ชัดๆ ว่าคนคนนั้นกำลังพูดอะไรอยู่ แต่ไม่ว่าเขาจะทำอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์เลยสักนิด

 

 

           เจียงมู่เฉินพยายามต่อสู้ดิ้นรน รู้สึกมาเสมอว่าคนคนนั้นให้ความรู้สึกคุ้นเคยกับตัวเองเป็นพิเศษ

 

 

ราวกับพวกเขารู้จักกันมานานมากๆ อย่างไรอย่างนั้น

 

 

           เจียงมู่เฉินกำมือแน่นพยายามไขว่คว้าเขาไว้ แต่ไม่ว่าจะตามไปอย่างไรก็ตามไม่ทัน

 

 

คนคนนั้นยังคงห่างไกลออกไปอยู่ดี

 

 

“อย่าไป…อย่าไป…”