เทพสงครามพิทักษ์โลก บทที่ 447
ไม่ว่าใครก็ล้วนไม่สามารถเข้าใจได้ด้วยการใช้สามัญสำนึกปกติ!

หลันเฟิงถลึงตาใส่หลันจื่อ : “ที่โจวห้าวพูดก็ถูก หม่าตงลงมือ ไม่ต้องไปพูดถึงเขา ต่อให้เป็นพ่อก็ไม่รู้จะไปต่อต้านอย่างไร! แกไปโทษเขา แล้วมันจะได้อะไรขึ้นมา?”

หลังจากโกรธขึ่งในคราแรก

อารมณ์ของหลันเฟิงก็ค่อยๆสงบลง

เขารู้ ว่าเรื่องทั้งหมดนี้หยางเฟิงไตร่ตรองไว้ก่อนแล้ว

ไม่ว่าตระกูลหลันจะพยายามอย่างไร ก็ล้วนไร้ประโยชน์

แทนที่จะมัวแต่โทษโจวห้าว ยังไม่สู้คิดหาวิธี อย่างนี้จะข้ามผ่านวิกฤตนี้ไปได้อย่างไร?

“แต่ว่า…”

หลันซินยังคงไม่ยอม

“เอาล่ะ! ไม่ต้องพูดแล้ว!”

ไม่รอให้หลันจื่อพูดจบ หลันเฟิงก็กล่าวตำหนิ

เขาหันมา ยื่นมือไปตบบ่าของโจวห้าว : “เจ้าลูกเขย! เมื่อกี้ที่หลันจื่อหุนหันพลันแล่นไป ลงไม้ลงมือกับเธอไป นายคงไม่ถือโทษโกรธเธอนะ?”

ได้ยินดังนั้น ในใจของโจวห้าวทุกข์ทรมานราวกับการกินสิ่งปฏิกูล

สองพ่อลูกนี่

เดี๋ยวก็มาไม้อ่อน เดี๋ยวก็มาไม้แข็ง จะทำให้ตนกลายเป็นคนโง่เง่างั้นหรือ?

แต่ว่า ความไม่พอใจอย่างมากมายในใจเขา เขาก็ไม่กล้าที่จะแสดงมันออกมา

โจวห้าวกล่าวด้วยใบหน้ายิ้ม : “พ่อครับ พ่อพูดอะไรกันครับ ผมจะไปถือโทษโกรธหลันจื่อได้อย่างไร? เธอเป็นคนที่ผมรักที่สุดนะครับ!”

เห็นดังนั้น หลันเฟิงพยักหน้าอย่างพอใจ : “พูดดี! ไม่เสียแรงที่เป็นลูกเขยตระกูลหลัน นายลงไปก่อนไป จัดการแผลที่หน้าสักหน่อย คนอื่นเห็นเข้าจะดูเป็นอย่างไร?”

“ครับๆๆ!”

โจวห้าวผละออกไป

เห็นเบื้องหลังของโจวห้าวออกไป

หลันจื่อพูดอย่างไม่พอใจ “พ่อคะ ทำไมพ่อเกรงอกเกรงใจไอ้เศษขยะไร้ค่านั่นขนาดนั้นคะ?”

“เหอะๆ!”

หลันเฟิงหัวเราะเบาๆ ดวงตาเผยบางสิ่ง พูดเสียงเรียบ : “ลูกไม่เข้าใจ ไอ้ไร้ค่านี่มันยังมีประโยชน์ ตอนนี้พวกเรายังต้องเก็บมันไว้”

“เป็นแค่ขยะไร้ค่า เก็บไว้จะมีประโยชน์อะไรคะ?”

หลันจื่อยังคงทำหน้าดูถูกเหยียดหยาม

หลันเฟิงไม่ได้อธิบาย

คิดซะว่าเขาอธิบายไปแล้ว หลันจื่อก็ฟังไม่เข้าใจ

หลันเฟิงพูดพร้อมขมวดคิ้ว : “ตอนนี้ไม่ต้องไปสนใจโจวห้าว พวกเราต้องคิดว่าจะผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้อย่างไร?”

สูญเสียกิจการในพื้นที่สีเทาทั้งหมดไป

ตระกูลหลันมาถึงจุดที่อยู่ระว่างความเป็นความตาย

หากว่ารักษาตำแหน่งตระกูลชั้นหนึ่งในตงไห่เอาไว้ไม่ได้

พวกศัตรูที่เมื่อก่อนตระกูลหลันเคยทำให้ขุ่นเคือง คงแห่กันมาโจมตี

รอเมื่อถึงเวลานั้น ตระกูลหลันก็ไม่ปลอดภัยแล้วจริงๆ!

หลันจื่อก็รู้ความหนักหนาของเรื่องนี้ดี ถามอย่างร้อนรน : “พ่อคะ พ่อมีวิธีอะไรหรือยังคะ?”

หลันเฟิงส่ายศีรษะ : “ตอนนี้ไม่มี พวกเราทำได้แค่ไปหาปู่ของลูก”

“คุณปู่?”

ได้ยินดังนั้น

หลันจื่อเผยสีหน้าแปลกประหลาด

ในขณะเดียวกัน

ณ วิลล่าจวู้เสียน

“พูดมาสิ เรื่องพวกนี้ ตระกูลหลันยุยงส่งเสริมอยู่เบื้องหลังให้แกทำใช่หรือเปล่า?”

หยางเฟิงนอนอยู่บนโซฟา ในปากก็คาบบุหรี่อยู่มวนหนึ่ง ถามเสียงเรียบ

หลันฮ๋าวคุกเข่าลงกับพื้น ก้มหน้างุด พูดเสียงสั่นงึกงัก : “ไม่! ไม่ใช่! ทั้งหมดผมทำคนเดียว!”

“เหอะๆ!”

หยางเฟิงหัวเราะเบาๆ : “หลันฮ๋าว ไม่ใช่ว่าฉันดูถูกแกนะ แต่เรื่องใหญ่ขนาดนั้น ไม่มีตระกูลหลันยุยงส่งเสริมอยู่ข้างหลัง ไอ้โง่ตัวเล็กๆอย่างแกจะกล้าทำหรือ?”

“แกอยากจะแบกความรับความผิดของตระกูลหลัน? แกรู้ไหม ว่ามันคือโทษประหารสถานเดียว!”

ได้ยินดังนั้น หลันฮ๋าวพูดด้วยใบหน้าทรมาน : “ไม่ต้องพูดแล้ว! ทั้งหมดเป็นความผิดของฉัน ฆ่าฉันสิ!”

หลันฮ๋าวในตอนนี้ ขอแค่ได้ตายเร็วๆ

นี้จะสามารถช่วยชีวิตคนทั้งครอบครัวได้!

หยางเฟิงกล่าวเสียงเรียบ : “หลันฮ่าว แกไม่ต้องพูดฉันก็รู้แล้ว คนในครอบครัวแกอยู่ในกำมือของหลันเฟิงใช่ไหม?”

เฮือก…

ประโยคเดียวของหยางเฟิง ก็ทำเอาหลันฮ๋าวตะลึงงันไป

เขาเงยหน้าขึ้น ด้วยจิตที่เหม่อลอยมึนงง :

“รู้ได้อย่างไร?”