ตอนที่ 634 สถานการณ์พลิกผันได้ทุกเมื่อ

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนที่ 634 สถานการณ์พลิกผันได้ทุกเมื่อ โดย ProjectZyphon

ตลาดนัดโจมเมฆาอันรุ่งเรืองยังคงคึกคักเหนือธรรมดาเหมือนเช่นเคย

หลินสวินและชิงอวิ๋นหยางอยู่ท่ามกลางฝูงชนพลุกพล่าน

การเคลื่อนไหวของพวกเขาดูเหมือนเชื่องช้า ในความเป็นจริงกลับกำลังทะยานตัวพุ่งออกเกาะโจมเมฆาด้วยความเร็วอันว่องไวยิ่งยวดอยู่

‘เจ้าพวกนั้นถึงจะอวดภูมิไปหน่อย แต่ก็มิได้เลอะเลือน เกรงว่าอีกไม่นานคงจะคาดเดาตัวตนของข้าออกแล้ว ตอนนี้เจ้ากลัวหรือไม่’

หลินสวินรุดหน้าไปพลาง สื่อจิตถามชิงอวิ๋นหยางไปพลาง ‘หากให้พวกเขารู้ว่าเจ้ากับข้ามีความเกี่ยวข้องกัน เช่นนั้นที่ผลที่ตามมาก็ยากจะคาดเดาแล้ว’

‘ไม่กลัว!’

สีหน้าชิงอวิ๋นหยางเยือกเย็น ‘เผ่าตะพาบเขียวของข้าถึงแม้จะเสื่อมถอย ทว่าก็ไม่ใช่คนที่ใครๆ จะมาข่มเหงได้ ยิ่งกว่านั้นตอนนี้ผู้อาวุโสชิงเลี่ยของเผ่าเราได้หวนกลับมาแล้ว มีผู้อาวุโสอย่างอยู่ทั้งคน ใครคิดจะต่อกรพวกเราคงต้องชั่งใจดูสักหน่อย’

เขาสูดลมหายใจลึกหนึ่งเฮือก นัยน์ตาเปี่ยมด้วยความมุ่งมั่น ‘รอหลังกลับเผ่าคราวนี้ก่อนข้าก็จะปิดด่าน ภายในสิบปี จะต้องกลายเป็นผู้แข็งแกร่งอย่างแท้จริงให้จงได้!’

ชิงอวิ๋นหยางเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ สภาวะจิตใจของเขาต่างไปจากเมื่อก่อนเป็นที่เรียบร้อย มีความเชื่อมั่นอันแน่วแน่และยืนหยัดเพิ่มขึ้นมา

ดังคำกล่าวที่เรียกว่าผู้แข็งแกร่งมุ่งมั่นพัฒนาตนเอง ด้วยเหตุนี้จึงไม่ย่อท้อ

ครอบครองสภาวะจิตใจเช่นนี้แล้ว เชื่อว่าชิงอวิ๋นหยางจะต้องสู้ฟันฝ่าอุปสรรคนานัปการบนมรรคาอันแห่งตนได้อย่างแน่นอน

หลินสวินมองทุกอย่างนี้ในสายตา ลอบพยักหน้าอย่างอดไม่ได้ เวลานี้เพิ่งจะกระจ่างแจ้ง ยังไม่ถือว่าสาย

‘ตัวเจ้าล่ะ ไม่กังวลเลยหรือ’

จู่ๆ ชิงอวิ๋นหยางก็ถามขึ้น ควรรู้ว่าหลินสวินในตอนนี้เป็นบุคคลที่ทุกผู้คนในน่านสมุทรทะเลใต้ต่างตามหา หากถูกรู้ถึงตัวตนเข้า เช่นนั้นผลที่ตามมาจะต้องน่ากลัวจนไม่สามารถจินตนาการได้เป็นแน่

‘ถ้าหากเป็นไปด้วยดี วันนี้ข้าก็จะจากไปแล้ว’ หลินสวินแย้มยิ้มไม่ใส่ใจ

‘เจ้าอยู่ที่เผ่าตะพาบเขียวของข้าก็ได้ เชื่อว่ามีผู้อาวุโสชิงเลี่ยคอยคุ้มครอง อย่างน้อยๆ ก็สามารถทำให้เจ้าหลบเลี่ยงเคราะห์สังหารบางประการไปได้’ ชิงอวิ๋นหยางเสนอ

‘ไม่ต้องหรอก’ หลินสวินส่ายหน้า

ระหว่างสนทนา ทั้งสองได้ออกจากเกาะโจมเมฆาเรียบร้อยแล้ว มาถึงหลังกระดองตะพาบเขียวมหึมาตัวนั้นอันเป็นที่ตั้งของผู้แข็งแกร่งเผ่าตะพาบเขียว

“เจ้าคางคก เป็นอย่างไร”

แวบแรกที่เพิ่งมาถึง หลินสวินก็มองเห็นเจ้าคางคกที่รออยู่ตรงนั้นทันที

เจ้าคางคกในวันนี้ติดตามผู้อาวุโสชิงเลี่ยรุดหน้าไปเข้าร่วมการชุมนุมประมูลสมบัติ พวกเขานัดหมายกันตั้งแต่ต้น รอเมื่อซื้อ ‘ยานขนส่งอวกาศ’ ลำนั้นได้แล้วก็จะออกเดินทางทันที ล่องน่านสมุทรทะเลใต้หวนสู่จักรวรรดิจื่อเย่าในบัดดล

กลับเห็นเจ้าคางคกทอดถอนใจทันที มุ่นคิ้วกล่าว “เกิดเหตุสุดวิสัยขึ้น”

อะไรนะ?

หลินสวินหรี่ตา “เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่”

“มารดามันเถอะ พูดถึงแล้วข้าก็อยากฆ่าคน!”

เจ้าคางคกหน้าหดหู่ ยามพูดถึงเรื่องนี้ก็ยังคงโกรธจนเต้นเร่าๆ แหกปากสาปแช่งอยู่ดี

เดิมทีในการชุมนุมประมูลสมบัตินั้น เจ้าคางคกและชิงเลี่ยมุ่งมั่นว่าต้องได้ยานขนส่งอวกาศ ฝืนเสนอราคาสูงลิ่วออกไป เอาชนะคนใหญ่คนโตอื่นๆ ให้ไม่กล้าแข่งขันกับพวกเขา

ใครเลยจะคาดคิด พริบตาสุดท้ายที่ลั่นค้อน กลับมีคนยื่นมือเข้าแทรกกะทันหัน เพิ่มเป็นสองเท่าจากราคาของพวกเจ้าคางคกทั้งอย่างนั้น ประมูลเอายานขนส่งอวกาศลำนั้นไป

เป็ดที่ย่างสุกลอยหายไปต่อหน้าต่อตา ก็ไม่แปลกที่เจ้าคางคกจะโกรธจนเป็นสภาพเช่นนี้

“เดิมทีข้ากับพี่ใหญ่ชิงเลี่ยต่างโกรธกันมาก คิดจะเปิดฉากคนชิงสมบัติ ไปแย่งเอายานขนส่งอวกาศลำนั้นกลับมาให้รู้แล้วรู้รอด”

เจ้าคางคกตื่นเต้นมากอย่างเห็นได้ชัด “ใครจะไปคิด เมื่อการชุมนุมประมูลสมบัติเสร็จสิ้น เจ้าคนผู้นั้นก็หนีจากไปนานแล้ว เจ้าเล่ห์ยิ่งกว่าสุนัขจิ้งจอกชัดๆ!”

หลินสวินฟังจบก็จนคำพูดไปพักหนึ่ง นี่มันหักมุมสามตลบเลยจริงๆ

“แล้วพี่ใหญ่ชิงเลี่ยเล่า?” หลินสวินถาม

“ถูกพวกคนใหญ่คนโตกลุ่มหนึ่งเรียกตัวไปหารือเรื่องต่างๆ นู่นแล้ว”

เจ้าคางคกตอบอย่างสบายๆ กล่าวถึงตรงนี้เขาพลันหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย ตบเข้าที่หน้าผากหนึ่งฉาด กล่าวว่า “ข้าเกือบลืมเรื่องสำคัญไปเลย!”

“เรื่องสำคัญอะไร” หลินสวินขมวดคิ้ว

“เกี่ยวกับเจ้า”

เจ้าคางคกสีหน้าเคร่งขรึม หว่างคิ้วปรากฏแววกังวลขึ้นมาเสี้ยวหนึ่ง กล่าวว่า “การชุมนุมประมูลสมบัติครั้งนี้ถึงจะยิ่งใหญ่เป็นประวัติการณ์ ดึงดูดบุคคลสำคัญมากมายของแต่ละเผ่าให้เข้าร่วมได้ แต่เจ้ารู้ว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของพวกเขาคืออะไรหรือไม่”

ไม่รอหลินสวินตอบคำถาม เขาก็เอ่ยทันที “เพื่อจัดการเจ้าน่ะสิ!”

หลินสวินใจสั่นไหวอย่างรุนแรง “จัดการข้า?”

“ถูกต้อง ก็ไม่รู้ว่าเจ้าเฒ่าคนไหนสำแดงวิชาลับ คิดคำนวณว่าตอนนี้เจ้ายังไม่ได้ออกไปจากน่านสมุทรทะเลใต้ ดังนั้นบุคคลสำคัญของแต่ละเผ่าล้วนไม่อยู่นิ่ง หลั่งไหลมาเมื่อได้ยินข่าว หมายจะร่วมมือกัน เตรียมพร้อมวางกับดักจับกุมเจ้าไปสังหาร!”

นัยน์ตาดำสนิทของหลินสวินพลุ่งพล่าน จมสู่ความเงียบสงัด

“เจ้าอย่าได้ไม่เชื่อ น่านสมุทรทะเลใต้ในตอนนี้รู้กันเกือบหมดว่าเจ้าชิงศุภโชคอันยิ่งใหญ่ที่สุด รวมถึงมรดกอริยมรรคที่แท้จริงจากแดนลับอสูรมารอริยะไป เจ้าคิดว่าราชันระดับสังสารวัฏพวกนั้นจะหักใจปล่อยเจ้าไปต่อหน้าต่อตารึ”

เห็นหลินสวินไม่เอ่ยคำ เจ้าคางคกกลับเป็นฝ่ายร้อนรนแทน

หลินสวินวางสองมือไพล่หลัง กล่าวทอดถอนใจเบาๆ “ข้าคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ราชันระดับสังสารวัฏผู้ยิ่งใหญ่ ถึงขนาดจะร่วมมือกันเพื่อจัดการผู้ฝึกปราณระดับหยั่งสัจจะแค่คนเดียวอย่างข้า ช่างให้เกียรติข้าจริงๆ”

ก่อนหน้านี้ชนรุ่นเยาว์มากสามารถของแต่ละเผ่าอย่างพวกลั่วหยาก็รวมพลกัน หารือคิดจะต่อกรเขา หลินสวินไม่รู้สึกแปลกใจต่อเรื่องนี้เลย กระทั่งเก็บเอามาใส่ใจด้วยซ้ำ

ทว่าตอนนี้แตกต่างออกไป นี่เป็นถึงการร่วมมือกันของสัตว์ประหลาดเฒ่ากลุ่มหนึ่ง เพ่งเล็งมหาศุภโชคบนตัวเขา ไม่อาจทนปล่อยให้เขารอดชีวิตออกไปจากน่านสมุทรทะเลใต้!

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ แม้จะเป็นหลินสวิน สภาพจิตใจก็หนักอึ้งขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่ได้

สิ่งที่บัดซบที่สุดคือ แม้แต่ยานขนส่งอวกาศก็ถูกคนอื่นชิงตัดหน้าเอาไปก่อน!

‘หรือว่า วางแผนจะบีบให้ข้าข้ามทะเลกลืนวิญญาณไปตรงๆ?’ หลินสวินจมสู่ภวังค์ความคิด

การย้อนกลับนครต้องห้ามจากที่นี่ จำเป็นต้องหกเหินไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ ตลอดทางเต็มไปด้วยเคราะห์ภัยธรรมชาติและอันตรายที่ยากหยั่งถึง

หากปราศจากราชันระดับสังสารวัฏคอยนำทาง ต้องเอาชีวิตไม่รอดแน่นอน

เหมือนอย่างตอนแรกที่หลินสวินมาพร้อมกับพวกจ้าวจิ่งเซวียน ต้องขอบคุณผู้เฒ่าเกาหยางผู้นั้นที่เตรียมการไว้พร้อมพรัก ถึงได้แคล้วคลาดอันตรายตลอดทาง ไปถึงนอกแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์โดยสวัสดิภาพ

ทว่าตอนนี้กลับแตกต่างออกไป เหลือแค่หลินสวินกับเจ้าคางคกเพียงสองคน อาศัยแค่ความแข็งแกร่งในตอนนี้ของพวกเขา คิดจะข้ามผ่านทะเลกลืนวิญญาณ นั่นคงไม่ต่างอะไรกับการรนหาที่ตายชัดๆ

“ต้องโทษไอ้สารเลวที่ฉกเอายานขนส่งอวกาศของพวกเราไป! อย่าให้ข้ารู้เชียวว่ามันเป็นใคร ข้าจะฆ่ามันทิ้งซะ!”

เจ้าคางคกกัดฟันอย่างดุเดือด

“เจ้าบอกจะฆ่าใคร?”

และในยามนี้เอง จู่ๆ ก็มีเสียงกังวานเสนาะหูดุจกระดิ่งลมเสียงหนึ่งดังขึ้น

ที่มาพร้อมเสียงนั้นคือเงาร่างอันอรชรร่างหนึ่งซึ่งเหินข้ามระลอกคลื่นเข้ามาจากที่ห่างไกล แขนเสื้อของนางพลิ้วไสว ท่วงท่าสง่างาม ผมดำสนิทปลิวไสวท่ามกลางลมทะเล ดุจดั่งเซียนที่ก้าวออกมาจากภาพวาดอย่างไรอย่างนั้น

“อสูรมารสาวคนนั้น!”

หลินสวินและเจ้าคางคกต่างจำได้ตั้งแต่แวบแรก ผู้มาคืออาหูนั่นเอง

นางสวมชุดกระโปรงสีเหลืองห่าน เหินข้ามผิวทะเลสีฟ้ามรกต ผิวพรรณพิสุทธิ์ผุดผ่อง นัยน์ตากลมโตมีชีวิตชีวา ทั่วสรรพางค์กายมีความงามอันแสนบริสุทธิ์ใสและเย้ายวนผสมอยู่ด้วยกันอย่างหนึ่ง รูปโฉมงดงามชวนตะลึง

“เป็นนาง!”

ในขณะนี้ชิงอวิ๋นหยางที่อยู่ด้านข้างก็หน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อยเช่นกัน ปรากฏแววซับซ้อน มีความเกลียดชัง และมีความขมขื่นระคนเศร้า

คราวนี้หลินสวินจึงนึกขึ้นได้ ในตอนแรกอูยั่งเคยบอกว่า เพราะอาหูขโมยเอา ‘ธงพันฤกษ์’ สมบัติสำคัญแห่งเผ่าตะพาบเขียวของพวกเขาไป ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงไล่สังหารอาหูตลอดทาง

เพียงแต่หลินสวินกลับคิดไม่ถึงว่า อาหูถึงกับมาปรากฏตัวที่นี่ ซ้ำยังเป็นฝ่ายมายังอาณาเขตของผู้แข็งแกร่งเผ่าตะพาบเขียวเสียด้วย!

สาวน้อยคนนี้ช่างอาจหาญได้ที่จริงๆ

หลินสวินเหลือบมองชิงอวิ๋นหยางปราดหนึ่ง กลับต้องพบอย่างผิดคาด เวลานี้อีกฝ่ายสงบลงแล้ว และไม่ได้กระทำการผลีผลามเกินไปเลย

เพียงแต่ผู้แข็งแกร่งเผ่าตะพาบเขียวที่อยู่ใกล้เคียงต่างบันดาลโทสะขึ้นมา ไอสังหารพวยพุ่ง สายตาจับจ้องไปที่ร่างอาหูตามๆ กัน

บางทีขอเพียงชิงอวิ๋นหยางสั่งการเพียงคำเดียว พวกเขาคงลงมือโดยไม่ลังเลสักนิดเป็นแน่!

ทว่าชิงอวิ๋นหยางกลับไม่ได้ทำดังนี้ ตรงข้ามกลับถอนหายใจหนึ่งเฮือก โบกมือกล่าวว่า “ไม่ต้องขยับ ปล่อยให้นางเข้ามา”

สิ่งนี้ทำให้ผู้แข็งแกร่งเผ่าตะพาบเขียวเหล่านั้นต่างสมองตื้อ คลางแคลงไม่แน่ใจ

“คุณชายอวิ๋นหยาง พวกเราพบกันอีกแล้ว”

อาหูแย้มยิ้มพิมพ์ใจ นัยน์ตางามสุกปลั่งว่ายเวียนด้วยคลื่นใส พลิ้วตัวอย่างเบาหวิวดุจดั่งเซียนมาเยือนโลกมนุษย์ ดึงดูดสายตาทุกผู้คน

“เจ้ามาทำอะไร เอาธงพันฤกษ์ไปยังไม่สาแก่ใจ ยังคิดจะมาทำร้ายเผ่าตะพาบเขียวของข้าอีกรึ!”

ชิงอวิ๋นหยางเอ่ยปากเสียงเข้ม

อาหูมุ่นคิ้วประณีตเล็กน้อย จากนั้นจึงกล่าวกลั้วหัวเราะ “เดิมทีข้าก็คิดจะออกไปจากที่นี่ เพียงแต่จนปัญญา ด้วยยังมีอีกหนึ่งเรื่องที่ไม่ทำไม่ได้”

“เรื่องอะไร”

ชิงอวิ๋นหยางมุ่นคิ้ว

อาหูยิ้มน้อยๆ นัยน์ตามองไปทางเจ้าคางคกแล้วกล่าวเสียงกังวาน “นี่ เมื่อครู่เป็นเจ้าหรือที่บอกจะฆ่าข้า”

เจ้าคางคกนิ่งงัน จากนั้นจึงเข้าใจขึ้นมา กล่าวด้วยความเดือดดาล “ที่แท้เป็นนางอสูรมารอย่างเจ้านี่เองที่ชิงเอายานขนส่งอวกาศของพวกเราไป!”

อาหูหัวเราะร่วน “อะไรที่เรียกว่าเป็นของพวกเจ้า ของสิ่งนี้เป็นสมบัติที่ข้าประมูลมาได้ เดิมทีก็เป็นของข้าอยู่แล้ว เจ้าอย่ามาอ้างเหตุผลข้างๆ คูๆ เชียว”

เวลานี้หลินสวินเอ่ยปากแล้ว นัยน์ตาดำสนิทจับจ้องไปที่หญิงสาวผู้มีที่มาเร้นลับ การกระทำก็เป็นปริศนาเช่นเดียวกันคนนี้ กล่าวว่า “แม่นางอาหู เจ้าคงไม่ได้มาเพื่อหาพวกเราเป็นการเฉพาะหรอกกระมัง”

แววตาของชิงอวิ๋นหยางเคร่งขรึม นาง…มาที่นี่เพื่อหลินสวิน?

ดังคาด ก็เห็นอาหูดีดนิ้วเปาะหนึ่งที ยิ้มจนดวงตาโค้ง เหมือนกับจิ้งจอกน้อยพราวเสน่ห์งดงามตัวหนึ่ง กล่าวว่า “ฉลาด! ถูกเจ้าเดาออกจนได้ เก่งกาจจริงๆ เชียว”

“ถึงแม้ข้าจะไม่รู้ชัดถึงเจตนาของแม่นาง แต่ว่าตอนนี้ข้าไม่ได้มีเวลาว่างมาคลุกคลีตีโมงกับเจ้า ไม่สู้พวกเราพูดเข้าประเด็นกันเลยดีกว่า ว่าอย่างไร”

หลินสวินเองก็แย้มยิ้ม นัยน์ตาดำสนิทลุ่มลึก

“อย่างนี้ก็เสียเวลามากเกินไป พวกเจ้าตามข้ามาเสียเลย ระหว่างทางข้าย่อมจะพูดคุยกับพวกเจ้าดีๆ”

อาหูยิ้มอย่างสดใสมากขึ้นเรื่อยๆ ผิวพรรณของนางกระจ่างใส เรียวฟันขาวราวหิมะ เรือนร่างอรชรอยู่ภายใต้แสงแดดที่สาดประกายแวววาวดุจภาพฝัน งดงามเสียจนมิอาจเปรียบเปรย

“ไปกับเจ้า? เจ้าคิดจริงๆ หรือว่ามีรูปโฉมงดงามแล้วข้าจะหลงเสน่ห์เนื้อหนังมังสาของเจ้าจนตามืดบอด ตามเจ้าไปอย่างคนโง่งม?”

เจ้าคางคกทำหน้าเหยียดหยาม

อาหูเก็บรอยยิ้ม นัยน์ตาสุกใสวาววับกล่าวอย่างจริงจัง “ยานขนส่งอวกาศอยู่ในมือข้า ส่วนพวกเจ้าอีกเดี๋ยวก็คงเผชิญมหันตภัย หากไม่ตามข้ามา พวกเจ้ายังมีทางเลือกอื่นอยู่อีกหรือ”

ครั้นประโยคนี้เอ่ยออกมา หลินสวินและเจ้าคางคกหรี่ต่างนัยน์ตาหดรัด ตระหนักถึงปัญหาหนึ่ง หญิงสาวลึกลับนามว่าอาหูผู้นี้ ดูเหมือนจะรู้สถานการณ์ของพวกเขาเป็นอย่างดี!

นางเป็นใครกันแน่?

อาหูเม้มปากกล่าว “หากพวกเจ้ายังไม่ไปอีก เช่นนั้นข้าก็จะไปแล้ว”

“เช่นนั้นก็ต้องขอบคุณแม่นางยิ่งแล้ว!”

หลินสวินแทบไม่คิด พลันตอบตกลงอย่างชื่นมื่นทันใด

เจ้าคางคกกลับโกรธจนตะโกนลั่น “ระยำ เจ้าหนูเจ้าคงไม่ได้หลงใหลนางเข้าแล้วกระมัง หากนางเป็นศัตรูจะทำอย่างไร”

“เจ้ากลัว?” หลินสวินถาม

“ตลก ไยข้าต้องกลัวเด็กสาวตัวกะเปี๊ยกคนเดียวด้วย” เจ้าคางคกเหยียดหยาม

“ถ้าอย่างนั้นก็ไปกับนาง ยังมีอะไรต้องกลัวอีก” หลินสวินถามต่อ

ในที่สุดเจ้าคางคกก็ตระหนักได้ หลินสวินหาได้พูดล้อเล่น แต่จริงจังยิ่ง!

และในเวลานี้เอง ชิงอวิ๋นหยางที่ไม่เคยเปล่งเสียงเรื่อยมาพลันเอ่ยปากพูดว่า “ทั้งสองท่าน ถ้าหากพวกท่านเชื่อใจข้ามากพอ ข้าอยากแนะนำว่าพวกท่านไปกับนางได้เลย”

หลินสวินและเจ้าคางคกต่างอึ้งไปสักพัก คิดไม่ถึงเลยสักนิดว่าชิงอวิ๋นหยางจะถึงกับเอ่ยปากแทนอาหู

ก็แม้แต่อาหูเองยังค่อนข้างประหลาดใจ มองชิงอวิ๋นหยางอย่างลึกซึ้งปราดหนึ่ง ท้ายที่สุดก็กล่าวยิ้มๆ “คุณชายอวิ๋นหยาง ข้ามองท่านไม่ผิดจริงๆ ด้วย”

“ข้าไม่จำเป็นต้องให้เจ้ามามองข้าว่าถูกหรือผิด หวังเพียงแต่ว่าชั่วชีวิตนี้ของเจ้าอย่าได้ปรากฏตัวต่อหน้าข้าอีก!” สีหน้าของชิงอวิ๋นหยางไร้ซึ่งอารมณ์

อาหูยิ้มน้อยๆ ไม่ได้พูดมากความอีก

ท้ายที่สุดหลินสวินกับเจ้าคางคกก็พลิ้วลอยไปพร้อมกับอาหู

ก่อนจะจากไป หลินสวินได้ทิ้งถุงเก็บของใบหนึ่งเอาไว้ มอบให้ชิงอวิ๋นหยางพร้อมกับเอ่ยหนึ่งประโยค “สิ่งของด้านในนี้ หลังจากอ่านเสร็จแล้วก็ทำลายทิ้งเสีย หวังว่าจะพอช่วยเจ้าได้”

——