ตอนที่ 227 ฉันแค่คาดหวังให้ลูกประสบความสำเร็จ + ตอนที่ 228 ขยะแขยงพวกคุณจะตาย

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 227 ฉันแค่คาดหวังให้ลูกประสบความสำเร็จ + ตอนที่ 228 ขยะแขยงพวกคุณจะตาย โดย Ink Stone_Romance

ตอนที่ 227 ฉันแค่คาดหวังให้ลูกประสบความสำเร็จ

จ้าวอิงหนานพูดติดๆ กันไม่หยุด พูดจนอู่เจิ้งซือโงหัวไม่ขึ้น ละอายใจเป็นอย่างยิ่ง แต่เธอก็ไม่ได้โมโหน้อยลงเลยแม้แต่นิด จะมองอู่เจิ้งซือยังไงก็ขัดตา เพียงแต่เสียดายที่เหอปี้อวิ๋นเอาแต่หลบไม่ยอมออกมา ไม่อย่างนั้นเธออยากจะสั่งสอนผู้หญิงคนนี้สักตั้ง

คนอื่นๆ ก็ฟังแล้วคล้อยตาม พวกเขาไม่สนใจว่าเป็นเรื่องของผู้ชายหรือผู้หญิง พวกเขาแค่คล้อยตามจ้าวอิงหนาน เหตุผลมีสองข้อ ข้อหนึ่งคือพวกเขาเห็นใจอู่เหมยจริงๆ ข้อสองคือประจบเอาใจจ้างอิงหนาน อีกทั้งยังอยากจะเหยียบย่ำอู่เจิ้งซือ ใครให้อู่เจิ้งซือได้ตำแหน่งอาจารย์ตัวอย่างทุกๆ ปีกันล่ะ!

อู่เจิ้งซือหัวเราะหน้าเหยเก ในใจรู้สึกไม่ดีเป็นอย่างมาก ยิ่งไม่พอใจเหอปี้อวิ๋นถึงขีดสุด อู่เหมยเห็นอู่เจิ้งซือเสียหน้าก็เก็บความพอใจไว้ เพียงแต่ว่าตอนนี้เป้าหมายที่สำคัญก็คือเหอปี้อวิ๋น อู่เจิ้งซือนั้นให้อยู่นิ่งๆ ก่อน ต้องนำกำลังและจิตใจทั้งหมดมาลงที่เหอปี้อวิ๋นก่อนถึงจะถูก

“ไม่เกี่ยวกับพ่อ พ่อเคยพูดกับแม่แล้ว แต่แม่ไม่ฟัง มักจะแอบตีหนูลับหลังพ่อ แถมยังห้ามหนูบอกพ่อ ฮือ!” อู่เหมยก้มหัวลง พูดเสียงเบาเพื่อร้องทุกข์ให้อู่เจิ้งซือ ถึงแม้ว่าในใจจะมีความไม่เต็มใจเป็นอย่างมาก

อู่เจิ้งซือแอบผ่อนลมหายใจ รู้สึกดีกับอู่เหมยมากขึ้น ลูกสาวคนเล็กยังรู้จักคิด อยู่ข้างนอกก็รู้จักรักษาหน้าให้เขา จุดนี้แหละที่ยอดเยี่ยมกว่าเหอปี้อวิ๋น

จ้างอิงหนานแตะปลอบอู่เหมยที่อยู่ในอ้อมกอดเธอ อยู่ดีๆ ก็หัวเราะออกมาแล้วเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “เป็นฉันเข้าใจผิดอาจารย์อู่ซะแล้ว ปกติแล้วอาจารย์อู่ก็งานยุ่งมาก ขนาดเวลากินข้าวยังไม่มี จะมีเวลาที่ไหนเฝ้าดูอยู่บ้านกันล่ะ? ไม่รู้ว่าเหมยเหมยได้รับความโหดร้ายทารุณจากเหอปี้อวิ๋นก็พอจะให้อภัยได้ เมื่อกี้ฉันด่วนสรุปไปหน่อย อาจารย์อู่ก็อย่าโกรธเลยนะ!”

“ไม่เลย เป็นเพราะฉันยังไม่รอบคอบพอต่างหาก อาจารย์จ้าวพูดถูก แต่ว่าปี้อวิ๋นของเรามีนิสัยค่อนข้างใจร้อนไปหน่อย ใจของเธอก็รักใคร่ทะนุถนอมเหมยเหมยไม่น้อย ยังไงก็ไม่ถึงกับโหดร้ายทารุณเหมยเหมยหรอก”

อู่เจิ้งซือยังอยากพูดให้เหอปี้อวิ๋นสักสองสามประโยค เพราะพวกเขาเป็นคู่สามีภรรยา เหอปี้อวิ๋นชื่อเสียงไม่ดี เขาก็เสียหน้า เหอปี้อวิ๋นลำเอียงได้ มากที่สุดก็เป็นเรื่องของจิตใจ แต่ก็ไม่สามารถให้เป็นเรื่องโหดร้ายทารุณได้ เพราะมันเกี่ยวเนื่องกับบุคลิกลักษณะประจำตัวแล้ว

จ้าวอิงหนานหลุบนัยน์ตาด้วยความเหยียดหยาม แต่กลับหัวเราะอย่างเบิกบาน พูดว่า “ใช่ๆๆ ฉันใช้คำผิดอีกแล้ว อาจารย์อู่ควรที่จะเป็นตัวอย่าง การแต่งประโยคคำพูดไม่ธรรมดา อาจารย์เหอเองก็ไม่ใช่แม่เลี้ยง จะไปทารุณเหมยเหมยได้อย่างไร!”

อู่เจิ้งซือหัวเราะอย่างเก้อเขิน รู้อยู่แก่ใจว่าที่จ้าวอิงหนานพูดนั้นความหมายมันกลับกัน แต่เขาก็ไม่มีอะไรจะโต้แย้ง หลายปีที่ผ่านมานี้ทุกสิ่งที่เหอปี้อวิ๋นทำก็สู้แม่เลี้ยงไม่ได้เลยจริงๆ!

เหอปี้อวิ๋นเดินมาถึงหน้าประตูได้ยินคำพูดพวกนี้อย่างชัดเจน โมโหจนหน้าบิดเบี้ยว เธอสั่งสอนลูกสาวที่ตัวเองคลอดออกมาเอง เกี่ยวอะไรกับคนพวกนี้ด้วยล่ะ โดยเฉพาะคนแซ่จ้าว ไม่ใช่เรื่องของตัวเองก็แส่อยู่ได้!

เหอปี้อวิ๋นสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หลายต่อหลายครั้ง เพื่อปรับอารมณ์ให้ดีขึ้น เธอเป็นภรรยาที่นุ่มนวลอ่อนหวานมีความรู้ของคุณอู่ จำเป็นต้องนำเอาด้านที่สวยงามที่สุดดึงออกมา ต่อหน้าจ้าวอิงหนานห้ามอ่อนแอเสียเปรียบ

“อาจารย์จ้าวคุณพูดเรื่องพวกนี้ค่อนข้างที่จะทำให้ฉันปวดใจไปหน่อย เหมยเหมยเป็นลูกที่ฉันอุ้มท้องมาอย่างยากลำบากแสนเข็ญกว่าจะคลอดออกมา จะไปทำร้ายทารุณเธอได้ยังไง? ฉันก็แค่รักมากห่วงมากแค่นั้นเอง สงสัยนิสัยฉันคงจะรีบร้อนไปหน่อย แต่ที่ฉันทำก็ไม่ใช่เพื่อเธอหรือยังไง!”

เหอปี้อวิ๋นเดินออกมา ดวงตามีน้ำตาคลอ เหมือนกล้ำกลืนความเป็นธรรมพูดออกมาไม่ได้ มีบางคนผงกหัวเห็นด้วย แน่นอนว่าต้องเป็นเพราะเหตุผลนี้ มีแม่แท้ๆ คนไหนจะไม่ถนอมรักลูกสาวของตัวเองกัน?

ตีเพราะห่วง ด่าเพราะรัก เหอปี้อวิ๋นยังไงก็คงไม่ถึงกับปฎิบัติต่ออู่เหมยอย่างโหดร้ายหรอก คงเป็นเพราะคาดหวังให้ลูกๆ ประสบความสำเร็จ กลายเป็นคาดหวังจนเกินไป ทำให้ใจร้อนไปหน่อยเอง!

…………………………………………………………..

ตอนที่ 228 ขยะแขยงพวกคุณจะตาย

อู่เหมยกัดปากอย่างโกรธแค้นจนมีเลือดไหลออกมา

เธอรู้อยู่แล้วว่ายุคนี้เป็นยุคที่ส่งเสริมแนวคิดเกี่ยวกับความกตัญญู อยากจะหลุดพ้นจากสภาพเลวร้ายนั้นยากมากมายขนาดไหน แค่คำพูดประโยคเดียวว่า ‘รักมาก ห่วงมาก คาดหวังมาก’ ก็ทำให้ทุกเรื่องเบาบางลงไปได้

แต่ก็ยังอยากลองดู วันนี้เป็นโอกาสสุดท้ายของเธอ ถ้าหากครั้งนี้เธอไม่สามารถทำให้มันจบได้ เหอปี้อวิ๋นจะยิ่งรุนแรงมากขึ้นแน่นอน อีกทั้งชีวิตความเป็นอยู่ของเธอคงจะยิ่งเป็นทุกข์ขึ้นเรื่อยๆ

“แม่ ทุกๆ คำก็พูดว่าเพื่อตัวฉัน แต่ว่าทำไมจะต้องให้หนูทำงานบ้านตลอด ไม่เรียกให้พี่ทำบ้าง? ทำไมต้องให้หนูเก็บเสื้อผ้าเก่า รองเท้าเก่า ของเล่นเก่าที่พี่ไม่เอาแล้วมาใช้? ตอนกลางวันพี่สาวก็ได้กินอาหารร้อนๆ แต่หนูได้กินซาลาเปาเย็นชืด แม้กระทั่งชุดชั้นในที่สกปรกๆ ของพี่พวกนั้นก็ให้ฉันซักทั้งหมด วันที่หิมะตกก็ไม่ได้อนุญาตให้หนูใช้น้ำร้อน ฮือ! หนูก็เป็นแค่คนใช้ในบ้าน กินไม่อิ่ม เสื้อผ้าใส่ไม่อุ่นแล้วก็งานบ้านที่ทำเท่าไรก็ทำไม่เสร็จ!”

อู่เหมยนำเอาเรื่องที่ตนเองกล้ำกลืนฝืนทนในหลายปีมานี้ตะโกนเล่าออกมาทั้งหมด น้ำตาไหลพราก ร้องไห้ให้ตัวเองในชาติที่แล้ว และร้องไห้ให้ตัวเองเมื่อสิบสองก่อนปีก่อน ความเสียใจทั้งหมดแสดงออกมาผ่านคำพูดของเธอ ทุกๆ คนต่างก็สามารถรับรู้ได้ถึงความโศกเศร้าที่ออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจของเธอ สีหน้าแสดงความรู้สึกออกมาหลากหลาย

ถ้าหากเป็นแค่เรื่องลำเอียงธรรมดา ทำไมสาวน้อยถึงสามารถเสียใจได้มากขนาดนี้ล่ะ!

อีกทั้งเด็กคงไม่พูดโกหกหรอก ฟังอู่เหมยพูดแบบนี้ สงสัยว่าความลำเอียงของเหอปี้อวิ๋นคงเอียงกว่าหอเอนปิซ่าอีก

ยังมีอู่เยวี่ย ปกติก็เห็นเป็นเด็กสาวตัวน้อยๆ ที่ดี นึกไม่ถึงเลยว่าลับหลังจะช่วยคนเลวก่อกรรมทำชั่ว จะเรียกใช้น้องสาวแท้ๆ ของตัวเองเหมือนเป็นคนรับใช้ แม้กระทั่งชุดชั้นในมีคราบประจำเดือนเปื้อนสกปรกก็ให้น้องสาวซักทั้งหมด โห! แท้จริงแล้วก็เป็นคนที่รู้หน้าไม่รู้ใจ!

อู่เยวี่ยที่อยู่ในห้องฟังจนโมโหจนเกือบจะขาดใจ อับอายขายขี้หน้าแล้วก็เคียดแค้นนังโง่สารเลวนั้นถึงที่สุด!

กับเหอปี้อวิ๋นเองเธอก็เริ่มจะไม่พอใจแล้ว ทำไมถึงยังไม่เอานังโง่นี่ดึงเข้ามาในห้องอีก ปล่อยให้นังสารเลวนี่อยู่ข้างนอกทำลายชื่อเสียงเธออยู่ได้!

แน่นอนว่าเหอปี้อวิ๋นอยากจะจัดการนำอู่เหมยเข้าห้องไป แต่คนเยอะแยะกำลังมองอยู่ เธอไม่สามารถดันทุรังดึงอู่เหมยกลับมาได้หรอก

“ยัยเด็กคนนี้กำลังพูดสุ่มสี่สุ่มห้าอะไร ไม่ใช่ว่าแค่ตีเธอไปครั้งเดียวเองนะ ทำไมถึงได้ดึงเอาพี่แกมาพูดละ? พี่แกยังดีกับแกไม่พออีกเหรอ?”

เหอปี้อวิ๋นจ้องมองไปที่อู่เหมยอย่างกล่าวเตือน เพื่อบอกใบ้ไม่ให้เธอพูดสุ่มสี่สุ่มห้า สายตาแบบนี้ถ้าเป็นอู่เหมยเมื่อก่อนเป็นธรรมดาที่จะใช้ได้ผล แต่ว่าอู่เหมยในตอนนี้ไม่กลัวอีกต่อไปแล้ว

“ดีกับหนูแล้วทำไมให้หนูซักชุดชั้นในสกปรกของพี่ล่ะ? ยังมีแม่อีก แม่ก็ใช้ให้ซักเสื้อผ้าเปื้อนไปด้วยเลือดตั้งมากมาย ทุกครั้งที่หนูซักต้องทนสะอิดสะเอียน กินข้าวก็กินไม่ลง”

มีอาจารย์ผู้ชายบางคนเอียงหน้าหลบด้วยความเขินอาย ผู้หญิงด้วยกันก็รู้สึกเหยียดหยามเหอปี้อวิ๋น แม้กระทั่งชุดชั้นในสกปรกช่วงที่ตัวเองเป็นประจำเดือนยังให้ลูกสาวซักให้ ยัยแม่คนนี้ขี้เกียจอย่างกับอะไร!

เหอปี้อวิ๋นฉับพลันก็หน้าดำหน้าแดงขึ้นมา รู้สึกเหมือนโดนคนถอดเสื้อผ้าออกจนหมด เปลือยหมดเปลือกให้คนพวกนี้คอยจับผิด อู่เหมยแอบลำพองใจ เธออยากจะให้เหอปี้อวิ๋นอับอายจนตาย ยังไงตอนนี้เธอก็เป็นแค่เด็กคนนึงที่ประจำเดือนยังไม่มา ไม่รู้เรื่องอะไรก็เป็นปกติของเด็ก!

“เหมยเหมยเธอพูดไร้สาระอะไร? ยังไม่รีบเข้าห้องอีก!” เหอปี้อวิ๋นตะโกนด้วยความโมโห

“หนูไม่ได้พูดมั่วๆ ถ้าหนูพูดโกหก ก็ขอให้หนูออกจากบ้านโดนรถชนตาย กินข้าวสำลักตาย ดื่มน้ำก็สำลักตาย!” อู่เหมยตะโกนเสียงดัง

“ถุย ถุย ถุย คำพูดพล่อยๆ ของเด็กๆ เด็กคนนี้นี่ พูดสาบานแรงๆ แบบนี้ทำไม? รีบๆ ถอนคำพูดเร็ว!” จ้าวอิงหนานร้องไห้ก็ไม่ได้ขำก็ไม่ออก

อู่เหมยเงยหน้าขึ้นมาน้ำตานอง ร้องไห้สะอึกสะอื้นพูดว่า “ป้าจ้าว หนูไม่ได้พูดมั่วๆ ที่หนูพูดทั้งหมดเป็นเรื่องจริง หนูรู้ว่าคนรุ่นหลังไม่ควรพูดไม่ดีหยาบคายต่อผู้อาวุโสกว่า แต่หนูเจ็บ วันๆ แม่เอาแต่ตีหนู หนูไม่อยากมีชีวิตแบบนี้อีกแล้ว ป้าจ้าวช่วยติดต่อสถานสงเคราะห์ให้หนูได้ไหม? หนูอยากไปใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น”

…………………………………………………………..