อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 461 ค่ายกลเปลี่ยนไปอีก
“อ๋อ ถูกแล้ว เหมือนว่าพ่อของจะทิ้งไว้ประโยคหนึ่ง”

จิตใจของกู้ชูหน่วนตึงเครียดทันที

“คำว่าอะไร?”

“ตอนนั้น ข้ายังเล็ก จำไม่ได้”

กู้ชูหน่วนอยากจะต่อยเขาสักยก

เรื่องที่สำคัญขนาดนี้ยังจะลืมได้อีก

“ท่านคิดให้ละเอียดอีกที”

“ผ่านไปห้าสิบกว่าปีแล้ว จะนึกออกได้อีกที่ไหน”

“โอ๊ย ท่านปู่ ท่านปู่คนดีของข้า ท่านก็คิดให้ดีๆสักหน่อยสิ ข้าชอบฟังเรื่องราวเช่นนี้มากเชียวล่ะ”

ผู้เฒ่าฮัวสูญเสียท่านพ่อท่านแม่และภรรยาไปเร็ว สุดท้ายแม้แต่หลานสาวก็ตายจากไปเร็วเหมือนกัน

ในใจของเขาปรารถนาที่จะได้รับความเป็นครอบครัวกว่าผู้ใด

ตอนนี้กู้ชูหน่วนดึงมือของเขาออดอ้อนไม่หยุด และราวกับว่าเขาได้เห็นลูกสาวและหลานสาวดึงมือเขาแล้วออดอ้อนไม่หยุดเช่นนี้ในขณะที่ยังเป็นเด็ก

จิตใจของผู้เฒ่าฮัวแทบละลายแล้ว จะขัดความต้องการของนางได้ลงคอได้อย่างไรกัน

“ได้ได้ได้ ปู่จะคิดให้ดีๆ เหมือนท่านพ่อข้าจะพูดว่าหุบเขา ภูเขาอะไร……ค่ายกลอะไร”

“หุบเขาตันหุย?”

“ใช่ใช่ใช่ ก็คือหุบเขาตันหุย เจ้ารู้ได้อย่างไร?”

“เมื่อไม่นานมานี้ออกไปกับท่านอ๋อง ได้พบคนของหุบเขาตันหุยสองสามคน เจ้าบอกว่าหุบเขาอะไร ในสมองของข้าปรากฏคำว่าหุบเขาตันหุยสามคำนี้ขึ้นมาโดยตรง”

“ที่ผ่านมาหุบเขาตันหุยหลบซ่อนจากเรื่องทางโลก ทำไมถึงได้จะออกมาโดยกะทันหันได้”

“อันนี้ข้าก็ไม่รู้ ท่านปู่ ท่านคุ้นเคยต่อหุบเขาตันหุยหรือ?”

“ไม่คุ้นเคย ไม่เคยไป”

ใช่หรือ?

เช่นนั้นก็น่าเสียดายจริงๆ

นางยังคิดว่าตาเฒ่าจะมีความรู้เรื่องหุบเขาตันหุยเล็กน้อยน่ะ

“นางค่อยคิดอีกทีว่าเป็นภูเขาอะไร ค่ายกลอะไร?”

“เวลาเนิ่นนานเกินไป จำไม่ได้จริงๆ แต่ข้าเคยเห็นท่านพ่อพึมพำกับตัวเองว่า จะต้องไปหาของชิ้นหนึ่ง ของชิ้นหนึ่งที่สำคัญมาก ข้าถามเขาว่าเป็นของอะไร เขาพูดเพียง เป็นสิ่งของที่ผู้เฒ่าฮัวของพวกเราต้องสืบหาทุกรุ่นทุกสมัย”

เอ่อ……

เป็นของอะไรกันแน่ เขาก็ยังบอกไม่ชัดเจน

ผู้เฒ่าฮัวชี้ไปที่ดาบไม้ในมือของนาง “หากข้าเดาไม่ผิด สิ่งของที่ทุกยุคทุกสมัยที่ผู้เฒ่าฮัวของพวกเราต้องการหา น่าจะเกี่ยวข้องกับดาบไม้เล่มนี้”

คำพูดนี้เป็นเรื่องที่แน่นอน

กู้ชูหน่วนก็รู้ ดาบไม้เล่มเล็กๆนี่ ไม่ได้ธรรมดาเหมือนภายนอกเท่านั้น

ผู้เฒ่าอีกคนบ่นพึมพำ “ข้าว่าพวกเจ้าปู่และหลานทั้งสองพูดพร่ำอยู่เป็นครึ่งวันแล้ว พูดจบแล้วหรือยัง”

“เฮ้ เจ้าอิจฉาที่ข้ารับหลานสาวไว้คนหนึ่งสินะ”

“ ใช่ใช่ใช่ ข้าอิจฉา เจ้ารับนางเป็นหลานสาว ท่านอ๋องก็ไม่ได้กลายเป็นหลานชายเจ้าแล้วหรือ เจ้าก็ไม่กลัวว่าท่านอ๋องจะด่าเจ้ารึไง”

“เหอะ ข้ามีอะไรให้กลัว หรือว่าข้ายังเป็นปู่ของท่านอ๋องไม่ได้อีกงั้นหรือ ข้าก็ไม่ได้เป็นลูกน้องของท่านอ๋องสักหน่อย อยู่ที่นี่ก็เพื่อตอบแทนบุญคุณเท่านั้น”

“ตอบแทนบุญคุณ?” กู้ชูหน่วนเอ่ยถาม

ดูเหมือนผู้เฒ่าฮัวจะไม่อยากพูดมาก เพียงแค่พูดนอกเรื่องเท่านั้น “เจ้ามีครรภ์อยู่กับตัว ที่นี่ลมแรง ข้าพาเจ้ากลับไปพักที่ห้องก่อน”

เพิ่งจะสิ้นสุดคำพูด ค่ายกลโหลฉางที่เดิมทีได้หายไปแล้วไม่รู้ว่าทำไม ถึงได้เริ่มทำงานอีกครั้ง

ผู้เฒ่าสองคนที่กำลังคุยหยอกล้อกับผู้เฒ่าฮัวอยู่ ไม่ทันได้ระวัง ถูกบดเป็นเนื้อโคลนไปตรงนั้นทันที

“เจ้าหก เจ้าแปด……”

ทุกคนทั้งโกรธทั้งปวดใจ ทำได้เพียงมองดูพวกเขาถูกบดเป็นเนื้อโคลนอยู่เฉยๆ

ในขณะที่ค่ายกลโหลฉางกำลังเริ่มทำงาน กู้ชูหน่วนก็ตระหนักได้ว่าแย่แล้ว นางผลักผู้เฒ่าฮัวที่อยู่ข้างกายนางออกไปนอกค่ายกลในเวลาแรก ขณะเดียวกันก็ตะโกนขึ้นว่า “ค่ายกลโหลฉางมีการเปลี่ยนแปลง แม้ว่าจะใช้ความอ่อนสยบความแข็งก็ไร้ประโยชน์ ทุกคนระวัง”

นางพูดพลาง รีบเปลี่ยนตำแหน่งด้วยความรวดเร็วไปพลาง หลบการโจมตีอย่างต่อเนื่องระลอกแล้วระลอกเล่า

ในค่ายกล ยังมีองครักษ์อีกไม่กี่คน ความเร็วของพวกเขาช้าไปเล็กน้อย ก็ถูกบดจนเป็นเนื้อโคลนแล้ว

ผู้เฒ่าฮัวจะบอกว่าไม่ซาบซึ้งก็ปลอม

ในช่วงเวลาอันตราย อย่างแรกหลานสาวของเขาไม่ได้จะหนีออกมาเอง แต่ช่วยเขาออกมา

นางเห็นเขาสำคัญยิ่งกว่าชีวิตของตัวเองซะอีก

ค่ายกลเปลี่ยนไปครั้งแล้วครั้งเล่า

ไม่ต้องเอ่ยถึงกู้ชูหน่วน แม้แต่ผู้เฒ่าไม่กี่คนก็ทนไม่ไหวแล้ว แค่ผู้เฒ่าหนึ่งคนในนั้นไม่ทันได้ระวัง ก็ถูกเหล็กดัดอ่อนที่ยากจะเห็นได้อย่างชัดเจนด้วยตาเปล่าทำร้าย แขนข้างหนึ่งกลายเป็นฝนเลือดและร่างกายแยกออกจากกันในพริบตา