กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 813
ท่านผู้เฒ่าหนิงรู้ดีว่าพวกเขาก็ต้องการครอบครองวงแหวนอวกาศ

โดยปกติแล้ว ผู้ที่ได้รับการประมูลจะเป็นผู้ที่ประมูลในราคาสูง เพียงแต่ไม่เคยมีใครเพิ่มราคามากเช่นนั้นมาก่อนเลย

หรือว่า……

เหล่าตระกูลใหญ่เหล่านั้นต่างรู้ถึงความล้มเหลวในกิจการของตระกูลหนิงและต้องการจะเยาะเย้ยพวกเขา?

ใครๆ ก็ต้องการเกียรติและหน้าตา

เพื่อสิ่งนี้ พวกเขาจึงต้องการประมูลวงแหวนอวกาศให้ได้

ขณะที่ท่านผู้เฒ่าหนิงอ้าปากกำลังจะตะโกนสามล้านหนึ่งหมื่นตำลึง ตระกูลซั่งกวนก็กล่าวขึ้น “สามล้านห้าหมื่นตำลึง”

ไป๋หลี่อวิ๋นเย่ว์ “สามล้านแปดแสนตำลึง”

ไป๋หลี่เจิ้น “สี่ล้านตำลึง”

ราชวงศ์จักรพรรดิที่อยู่ในห้องรับรองก็เปล่งเสียงดังไพเราะน่าฟังออกมา “ห้าล้านตำลึง”

เยี่ยจิ่งหาน “หกล้านตำลึง”

ซั่งกวนชิงกัดฟันแน่น “เจ็ดล้านตำลึง”

ไป๋หลี่เจิ้น “แปดล้านตำลึง”

เยี่ยจิ่งหาน “สิบล้านตำลึง”

สีหน้าของท่านผู้เฒ่าหนิงแย่ลงทุกขณะ

ทุกครั้งที่เขาอยากจะเอ่ยปาก ล้วนถูกคนอื่นแย่งไป

ครั้งนี้เขากัดฟันตะโกนออกไปโดยไม่คิดแม้แต่นิดเดียว “สิบล้านหนึ่งหมื่นตำลึง”

เมื่อพูดจบ

ท่านผู้เฒ่าหนิงสำลัก

เพราะตระกูลหนิงไม่มีทางหาเงินจำนวนสิบล้านหนึ่งหมื่นตำลึงมาได้

ต่อให้ต้องขายตระกูลหนิงไป เกรงว่าก็ยากที่จะรวบรวมได้ครบสิบล้านหนึ่งหมื่นตำลึง

แต่เมื่อตะโกนออกไปแล้ว เขาเป็นถึงผู้นำของตระกูลหนิง เช่นนั้นก็ไม่ควรกลับคำ

หนิงเทียนโย่วกลืนน้ำลาย

“ท่านปู่ เพียงแค่แหวนวงเดียว ประมูลถึงสิบล้านหนึ่งหมื่นตำลึงจะแพงเกินไปหรือไม่ขอรับ?”

หัวใจของท่านผู้เฒ่าหนิงเต้นแรงมาก

เขาก็ไม่รู้หรอกว่าคุ้มค่าหรือไม่

แต่……

ความเป็นจริงไม่ได้ให้เวลาเขามากนักในการไตร่ตรอง

ตระกูลซั่งกวนยังคงตะโกนประมูลราคา “สิบสองล้านตำลึง”

ไป๋หลี่เจิ้น “สิบสามล้านตำลึง”

ราชวงศ์จักรพรรดิ “สิบสี่ล้านตำลึง”

เยี่ยจิ่งหาน “ยี่สิบล้านตำลึง”

ท่านผู้เฒ่าหนิงได้ตกตะลึงตาค้างไปแล้ว

เงินทองของคนเหล่านี้ตกมาจากฟากฟ้าสวรรค์หรืออย่างไรกัน?

ต่อให้ตกมาจากสวรรค์ เช่นนั้นก็ไม่ง่ายที่จะเก็บมาได้หรอก

เขาสงสัยอย่างมากว่าคนเหล่านี้มาจงใจมางานประมูลเพื่อจับผิด

แต่ผู้ที่อยู่เบื้องหลังของงานประมูลนี้คือราชวงศ์จักรพรรดิ

ใรจะกล้ามาหาเรื่อง

หนิงเทียวโย่วกล่าว “ห้องรับรองหมายเลขสามคือใครกัน? ถึงกล้าเพิ่มราคาไปถึงยี่สิบล้านตำลึง ดูเหมือนจะไม่ใช่สี่ตระกูลใหญ่”

“เป็นผู้อาวุโสแขกผู้มีเกียรติจากต่างรัฐที่ตระกูลไป๋หลี่เชิญมา ว่ากันว่าความแข็งแกร่งของเขาไปถึงระดับหก”

“ที่แท้ก็เป็นเขา……เขาเป็นถึงผู้อาวุโสผู้มีเกียรติจากต่างรัฐของตระกูลไป๋หลี่ แต่เหตุใดตระกูลไป๋หลี่ยังคงแย่งชิงการประมูลกับเขา หรือว่าตระกูลไป๋หลี่ไม่กลัวที่จะมีเรื่องบาดหมางกับผู้แข็งแกร่งยอดฝีมือระดับหกคนนั้น?”

ท่านผู้เฒ่าหนิงสะบัดแขนเสื้อ

ช่างร้ายกาจเสียจริง

แหวนธรรมดาวงหนึ่งกลับประมูลด้วยราคาที่สูงลิบลิ่วเช่นนี้

ยี่สิบล้านตำลึง สูงถึงยี่สิบล้านตำลึง เขาจะประมูลต่ออย่างไร?

หรือว่าต้องขายตัวเขาเองเสียแล้ว?

“ท่านปู่ ราคาไปไกลถึงยี่สิบห้าล้านตำลึงแล้ว เรายังจะเพิ่มราคาอีกหรือขอรับ?”

“เจ้าออกเงินหรือ?” ท่านผู้เฒ่าหนิงกล่าวอย่างขุ่นเคือง

หนิงเทียนโย่วเบะปาก

เพราะท่านปู่ต้องการแหวนวงนี้ ไม่ใช่เขาอยากได้เสียหน่อย ตัวเองไม่สามารถประมูลได้จะโกรธเคืองเขาเพื่ออะไร

กู้ชูหน่วนก็ไม่กล้าตะโกนออกไป

ราคานี้ห่างไกลจากที่นางคาดคิดเอาไว้เหลือเกิน

ตระกูลซั่งกวน ราชวงศ์จักรพรรดิ รวมไปถึงห้องรับรองส่วนตัวหมายเลขสามกำลังแข่งขันกันอย่างดุเดือด ก็เป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายของนางเช่นกัน

ไม่รู้ว่าเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์จะทำให้คนของตระกูลไป๋หลี่ประมูลได้สำเร็จหรือไม่

หากประมูลไม่ได้ เรื่องนี้ก็จะยุ่งยากมาก

ราชวงศ์จักรพรรดิกล่าว “สามสิบล้านตำลึง”

น้ำเสียงของซั่งกวนสั่นคลอนเล็กน้อย “สามสิบห้าล้านตำลึง”

จู่ๆ เขาก็เพิ่มราคาขึ้นเป็นห้าสิบล้านตำลึง

คาดว่าคงไม่มีใครกล้าแย่งไปจากเขาแล้วกระมัง

ราคานี้นับว่าสูงลิบลิ่วแล้ว เชื่อว่าไม่มีใครกล้าเพิ่มราคาอีกแล้ว

ไป๋หลี่อวิ๋นเย่ว์ไม่กล้าตะโกนออกมาแล้ว เขาไม่มีเงินทองมากมายเช่นนั้น ทำได้เพียงยอมรับความพ่ายแพ้

แต่ไป๋หลี่เจิ้นกลับไม่ยอม เขาตะโกนออกไป “สามสิบหกล้านตำลึง”

น้ำเสียงของห้องรับรองหมายเลขสามเปล่งออกมาอย่างเรียบเฉย “ห้าสิบล้านตำลึง”

อะไร……

อะไรนะ……

ห้าสิบล้านตำลึง……

ห้องรับรองหมายเลขสามกล้าประมูลในราคาห้าสิบล้านตำลึง?

เขาบอกเลขผิดหรือไม่นะ?

นั่นเป็นราคาถึงห้าสิบล้านตำลึงเชียวนะ แม้แต่ตระกูลใหญ่ทั้งสี่ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ชวนกระอักเลือดเอาได้

ใครคือคนที่อยู่ในห้องรับรองหมายเลขสามกันนะ ตอนที่เขาตะโกนออกมาว่าห้าสิบตำลึง เขายังกลับ……กลับมาน้ำเสียงที่เรียบเฉยเช่นนี้……

แม้แต่ผู้ดำเนินการบนเวทีก็ตกตะลึง

เป็นเวลานานกว่าจะดึงสติกลับมาและหัวเราะ “ห้องรับรองหมายเลขสามประมูลในราคาห้าสิบล้านตำลึง ยังมีใครประมูลสูงกว่านี้อีกหรือไม่……”

ห้องรับรองของราชวงศ์จักรพรรดิเปล่งเสียงที่ไพเพราะเสนาะหูออกมา “ทุกท่านช่างกล้าหาญอย่างมาก ราชวงศ์จักรพรรดิของเราขอถอยออกมาและไม่ขอแย่งชิงวงแหวนอวกาศวงนี้กับทุกท่านแล้ว”

ไป๋หลี่เจิ้นและซั่งกวนชิงปาดเหงื่อ

ยังดี……

ในที่สุดราชวงศ์จักรพรรดิก็ยอมแพ้ไป

แต่……

ห้าสิบล้านตำลึง……

นี่……

หากยังเพิ่มราคาไปอีก เช่นนั้นแล้วต้องจ่ายในราคาที่สูงอย่างมาก

ไป๋หลี่อวิ๋นเย่ว์กล่าว “เช่นนั้นเราพอเถอะ ค่อยหาโอกาสในวันข้างหน้าว่าจะมีโอกาสทำสัญญากับราชางูเหลือมหรือไม่”

ปรมาจารย์ควบคุมสัตว์ร้ายกล่าวว่า “ราชางูเหลือมกล่าวว่า หากไม่สามารถประมูลวงแหวนอวกาศนี้ได้ เช่นนั้นชาตินี้จะไม่มีทางทำสัญญากับตระกูลไป๋หลี่ไปตลอดชีวิต”

สีหน้าของไป๋หลี่เจิ้นซีดขาวและหัวใจของเขาก็เต้นแรง

เป็นเวลานานก่อนจะกัดฟันกล่าวออกมา “ผู้นำตระกูลพูดแล้วไม่ใช่หรือว่าไม่ว่าจะต้องจ่ายมากเพียงใดก็ต้องได้วงแหวนอวกาศมาครอบครองให้ได้ ข้า……ข้าเพียงแค่ทำตามคำสั่งของผู้นำตระกูลเท่านั้น”

ทำตามคำสั่งของผู้นำตระกูล?

ใครจะเชื่อล่ะ

ไม่ใช่เพราะอยากทำสัญญาหรอกหรือ

นั่นเป็นเงินถึงห้าสิบล้านตำลึงเชียวนะ

ไป๋หลี่อวิ๋นเย่ว์และคนอื่นต่างไม่รู้ว่าหลายปีมานี้ไป๋หลี่เจิ้นแอบเก็บซ่อนทรัพย์สมบัติไปมากเพียงใด จึงทำให้เขามีทรัพย์สินกว่าห้าสิบล้านตำลึง

หากไม่ได้ยินด้วยหูของตัวเอง พวกเขาไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด

ภายในห้องรับรองของตระกูลซั่งกวน

มือที่จับถ้วยน้ำชาของซั่งกวนชิงสั่นไหวเล็กน้อย

“คุณชายเซี่ยว ท่านดูสิ……วงแหวนอวกาศราคาสูงถึงห้าสิบล้านตำลึงไปแล้ว ห้าสิบล้านตำลึงช่างมากมายเสียเหลือเกิน ประมูลมาได้ก็ไม่คุ้มราคา ไม่เช่นนั้น……เรารอสมบัติชิ้นอื่นเถอะ อาจจะมีของที่ท่านชอบก็เป็นได้”

เซี่ยวอวี่เซวียนยังคงจ้องมองวงแหวนอวกาศโดยไม่ละสายตา “ข้าต้องการเพียงแค่วงแหวนอวกาศวงนั้น”

วงแหวนอวกาศวงนี้อาจเป็นมรดกของนางเพียงชิ้นเดียวที่หลงเหลือไว้บนโลกนี้

ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องได้มาครอบครองให้ได้

“เอ่อ……”

“หากผู้อาวุโสซั่งกวนไม่ยอม เช่นนั้นข้าก็ไม่ฝืนบังคับ ข้าจะไปตามหาคนที่ยอมประมูลสิ่งนี้เพื่อข้าเอง”

“อย่าๆๆ……อย่าประมูล ไม่ว่าตระกูลซั่งกวนต้องการจ่ายด้วยเงินที่สูงมากเพียงใดก็จะประมูลมาให้ได้”

ล้อเล่น

เขาเป็นถึงปรมาจารย์นักปรุงกลั่นยาระดับสูง

วิชาการปรุงกลั่นยานั้นเป็นเลิศกว่าผู้อาวุโสสูงสุดไท่ซั่งของตระกูลพวกเขาหลายเท่า

หากเขาไปอยู่กับตระกูลอื่น อาณาจักรรัฐปิงแห่งนี้จะยังมีที่ยืนของตระกูลซั่งกวนของพวกเขาอยู่อีกหรือไม่?

ซั่งกวนชิงมองไปยังคนใช้และกวักมือ “เจ้าไปรายงานสถานการณ์ของที่นี่ให้กับผู้นำตระกูลและบอกว่าผู้นำตระกูลเตรียมเงินตำลึงเอาไว้”

“ขอรับ”

ไป๋หลี่เจิ้นกล่าว “ห้าสิบเอ็ดล้านตำลึง”

ซั่งกวนชิงยังคงฝืนประมูล “ห้าสิบสองล้านตำลึง”

เยี่ยจิ่งหาน “หกสิบล้านตำลึง”

ไป๋หลี่เจิ้น “หกสิบเอ็ดล้านตำลึง”

ซั่งกวนชิง “หกสิบสองล้านตำลึง”

เยี่ยจิ่งหาน “เจ็ดสิบล้านตำลึง”

ซู่ว……

ทุกคนในงานต่างพากันสูดลมหายใจเข้า

เจ็ดสิบล้านตำลึง……

คนในห้องรับรองหมายเลขสามมีเงินตำลึงมากเกินไปหรือ?

เขาเพิ่มเงินอย่างดุเดือดทุกครั้ง?

ท่านผู้เฒ่าหนิงกำหมัดแน่นและตื่นเต้นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

เขาถอนหายใจออกมา “หากตระกูลหนิงของเขามีสมบัติที่สามารถประมูลด้วยราคาที่สูงมากเช่นนี้ ตระกูลหนิงของเราคงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้หรอก? ทั้งหมดนี้เป็นเพราะไม่มีเงิน”