ตอนที่ 1603

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 1,603 : ต้วนหลิงเทียน แขกกิตติมศักดิ์ตระกูลซือถู?

 

คนของนิกายหยินหมิงทั้ง 2 ที่มีหน้าที่รับผิดชอบควบคุมการทำงานของเหล่าทาส กล่าวสนทนากันไปเรื่อยเปื่อยราวกับไม่มีผู้ใดอยู่แถวนั้น

 

อย่างไรก็ตามบทสนทนาเรื่อยเปื่อยของพวกมัน พอแว่วดังเข้าหูพวกเฟิ่งหวู่เต้าก็พาลให้ทั้งหมดอดไม่ได้ที่จะตะลึง!

 

ต้วนหลิงเทียน?

 

อัจฉริยะหนุ่ม?

 

แขกกิตติมศักดิ์ตระกูลซือถู?

 

จังหวะนี้เฟิ่งหวู่เต้าและคนอื่นๆอดไม่ได้ที่จะหันมองสบตากัน “พวกเจ้าว่า…นั่นจะใช้เจ้าหนูหลิงเทียนหรือไม่?”

 

เป็นเฟิ่งหวู่เต้าที่กล่าวถามออกมา

 

“อาจเป็นได้!”

 

ซื่อหม่าฉางฟงพยักหน้า

 

“สมควรเป็นนายน้อย…อย่างไรก็ตามนายน้อยไปเป็นแขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถูได้อย่างไรกัน?”

 

ฉงเฉวียนเผยสีหน้าอื้ออึง

 

“อาจจะแค่เป็นคนที่มีชื่อเหมือนกัน…”

 

เฉินเฉ่าช่วยกล่าวออก ท่าทางมันไม่ค่อยมองโลกในแง่ดีสักเท่าไหร่

 

เพราะแม้ต้วนหลิงเทียนจะมีความสามารถแข็งแกร่งย่างที่มันไม่อาจเทียบได้ แต่คิดจะเป็นแขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถูมันเป็นเรื่องที่ง่ายดายนักหรือ?

 

ตระกูลซือถูในเมืองหลวงนั้นก็เป็นขุมพลังชั้น 7 เช่นกัน และยังเป็นขุมพลังชั้น 7 ที่เหนือกว่านิกายหยินหมิงอย่างที่นิกายหยินหมิงไม่อาจเทียบได้

 

ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยที่จะกลายเป็นแขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถู!

 

“อาจจะเป็นผู้ที่มีนามคล้ายกันจริงๆ…”

 

หนานกงยี่พยักหน้ากล่าว มันเองก็คิดเช่นเดียวกับเฉินเฉ่าช่วย

 

“อัจฉริยะหนุ่ม…ต้วนหลิงเทียน สมควรเป็นเจ้าต้วน”

 

หนานกงเฉินที่ยากจะพูดกล่าวออก

 

“เฮ่ย! นั่นพวกเจ้าทำบ้าอะไรกันอยู่ คิดอู้งานรึ!?”

 

และในขณะที่เฟิ่งหวู่เต้ากับคนอื่นๆหยุดมือเพื่อสนทนากันนั้น 1 ใน 2 ผู้คุมพลันเหลือบมาเห็นพอดี มันกล่าวออกด้วยวาจาดุร้ายก่อนที่จะเดินเข้ามาเร็วรี่ ยังยกมือขึ้นพร้อมสะบัดแส้ออกไปฟาดหน้าเฉินเฉ่าช่วยทันที

 

เพี๊ยะ!

 

ทันใดนั้นปรากฏรอยแผลลากยาวปานตะขาบช้ำเลือด พลันปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเฉินเฉ่าช่วย!

 

แส้ที่หวดมายังรุนแรงไม่น้อยถึงกับทำให้เฉินเฉ่าช่วยเซไปจนล้ม!

 

ความเจ็บปวดร้อนลวกบนใบหน้า ดึงสติเฉินเฉ่าช่วยให้กลับมาเข้าร่องเข้ารอย มันเร่งหันมองไปยังผู้คุมที่หวดหน้ามาด้วยสายตาเอาเรื่อง

 

ตั้งแต่ทวีปเมฆาล่องจวบจนดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า มันเคยพบพานความอัปยศเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด?

 

“อะไร? มองหน้าหาเรื่องหรือ เจ้าจะทำไม? จะสู้กับข้า?”

 

เมื่อเห็นสายตาเปี่ยมโทสะของเฉินเฉ๋าช่วยที่มองมา ผู้คุมพลันแสยะยิ้มอำมหิต เริ่มม้วนแส้เล่น เตรียมฟาดเฉินเฉ่าช่วยให้ตาย!

 

เฉินเฉ่าช่วยเห็นดังนั้นก็หน้ามืดดำลงทันใด แววตาเผยจิตต่อสู้ มือจี้ออกด้วย 2 นิ้วควบรวมกระบี่พลังมีสภาพ

 

จังหวะนี้มันจะสู้ตายกับอีกฝ่าย ถึงรู้ว่าจะสู้ไม่ได้ก็ตามที

 

แม้พลังฝึกปรือมันไม่อาจเทียบอีกฝ่ายได้ แต่ไม่ใช่ว่ามันเป็นชนชั้นขลาดเขลาไร้ศักดิ์ศรี!

 

อย่างไรก็ตามก่อนที่เฉินเฉ่าช่วยจะลงมือ เฟิ่งหวู่เต้าและคนอื่นๆพลันก้าวเดินออกมายืนเคียงข้างเฉินเฉ่าช่วยทั้งจ้องมองไปยังผู้คุมที่เตรียมลงมือด้วยสายตาเย็นชา

 

“อะไร พวกเจ้าก็อยากลงนรกพร้อมกันกับมันงั้นเหรอ?”

 

นับว่าเป็นครั้งแรกเลยจริงๆ ที่ผู้คุมแลเห็นทาสที่กล้าแข็งข้อต่อต้านกับมันแบบนี้ เจตนาฆ่าฟันเริ่มเผยออกมาตลบในบรรยากาศเมื่อเห็นเฟิ่งหวู่เต้ากับพวกคิดต่อสู้!

 

“เฮ่ยๆๆ เจ้าใจเย็นก่อน…พวกมันสนิทกับปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 3 ดาวคนใหม่ของนิกาย ท่านรองประมุขก็กำชับพวกเรามาแล้ว ว่าอย่าได้ลงมือรุนแรงกับพวกมันหรือฆ่าพวกมันเด็ดขาด”

 

ศิษย์นิกายหยินหมิงอีกคนที่เป็นผู้คุมทาส เร่งจับบ่าสหายแล้วกล่าวเตือนออกมาพร้อมส่ายหน้า

 

“หืม? พวกมันเองน่ะเหรอ ที่เป็นสหายของปรมาจารย์จารึกเซียน 3 ดาวคนนั้น?”

 

หลังได้ยินคำกล่าวของสหาย ผู้คุมที่เตรียมลงแส้ฆ่าคนอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว

 

มันเองก็เคยได้ยินมาบ้างว่าในบรรดาแรงงานทาสชุดใหม่ มีกลุ่มคนที่ไม่อาจแตะต้องได้อยู่ การลงทัณฑ์เบาๆนั้นสามารถกระทำได้ แต่ห้ามไม่ให้ลงมือรุนแรงถึงขั้นพิกลลพิการหรือฆ่าฟันอีกฝ่ายอย่างเด็ดขาด

 

แต่มันไม่คิดไม่ฝันเลยว่าไอพวกข้าทาสชุดใหม่ที่ว่านั่น จะหาญกล้ามองหน้าท้าทายมันแบบนี้!

 

แม้มันสามารถลงมือทุบตีสั่งสอนอีกฝ่ายให้พอหอมปากหอมคอได้ แต่ดูจากจิตต่อสู้ของอีกฝ่าย น่ากลัวว่าเกิดลงมือลงไม้ไป เรื่องราวสมควรบานปลายแน่แท้…

 

พอคิดถึงเรื่องนี้ มันก็ล้มเลิกความคิดสั่งสอนอีกฝ่ายเสีย

 

เพราะหากพวกมันฮึดสู้ขึ้นมาจริงๆ สุดท้ายมันอาจจะพลั้งมือฆ่าอีกฝ่ายด้วยโทสะ…คราวนี้ได้ฉิบหายแน่!

 

มันไม่ได้แยแสชีวิตของทาสกลุ่มนี้แม้แต่น้อย

 

แต่คำสั่งของรองประมุขมันไม่กล้าขัดขืน เพราะมันรู้ดีว่าผลของการขัดคำสั่งคืออะไร และเพียงคิดถึงเรื่องนั้นขึ้นมา ร่างมันก็สั่นสะท้านไปด้วยความกลัว ไม่คิดจะลองดีอะไร

 

“เหอะ!”

 

แค่นเสียงสบทออกมาเย็นเยียบครั้งหนึ่งผู้คุมดังกล่าวก็เก็บแส้ หันไปมองถลึงตาใส่เฉินเฉ่าช่วยอย่างดุร้าย ก่อนที่จะเดินจากไปพร้อมสหาย

 

ขณะเดียวกันทาสคนอื่นๆ ก็ได้แต่มองพวกเฟิ่งหวู่เต้าด้วยความอิจฉา

 

ถึงแม้ว่าพวกเฟิ่งหวู่เต้าจะเป็นแรงงานทาสเหมือนกันกับพวกมัน แต่ท่าทีปฏิบัติของผู้คุมทั้งหลายก็ผิดกับพวกมันนัก อีกฝ่ายไม่มีทางตกตายที่นี่แน่นอน และพวกมันเองก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรคนของนิกายหยินหมิงถึงไม่ฆ่าอีกฝ่าย

 

พอเห็นผู้คุมทั้ง 2 ของนิกายหยินหมิงจากไปแล้ว พวกเฟิ่งหวู่เต้าก็หันมาสนทนากันอีกครั้ง

 

“มิว่าคนผู้นั้นจะเป็นเจ้าต้วนจริงหรือไม่ พวกเราก็ต้องหาทางยืนยันเรื่องนี้ก่อน…หากเป็นเจ้าต้วนจริงๆ ด้วยอิทธิพลของตระกูลซือถู ย่อมไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลยที่จะช่วยพวกเราให้หลุดพ้นจากสถานที่ผีสางที่ข้าไม่อยากจะอยู่ต่อแม้แต่วินาทีเดียวนี่!”

 

หนานกงยี่กล่าว

 

ถึงแม้พวกมันจะสามารถรอดชีวิตได้เพราะบารมีของป๋ายลี่หง

 

อย่างไรก็ตามพวกมันไม่อาจทานทนรับความอัปยศเช่นนี้ได้!

 

ความเห็นของหนานกงยี่เองก็ทำให้ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย

 

“สำหรับพวกเรา ตอนนี้ปัญหาใหญ่ที่สุดคือมิอาจติดต่อกับโลกภายนอกได้ นับประสาอะไรกับติดต่อต้วนหลิงเทียนที่กลายเป็นแขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถูแห่งเมืองหลวง…พวกเราเป็นเพียงข้าทาสของนิกายหยินหมิง ไหนเลยจะออกไปจากที่นี่ได้”

 

ซื่อหม่าฉางฟงกล่าว

 

“เรื่องนี้นับเป็นปัญหาสำคัญจริงๆ”

 

โฉดคลุมทองพยักหน้าเห็นด้วย ค่อยกล่าวเสริม “ถึงแม้เจ้านายจะอยู่ในตระกูลซือถูจริงๆ…แต่ถ้าพวกเราออกไปแจ้งข่าวมิได้ คงยากที่เจ้านายจะรู้ว่าพวกเราอยู่ที่นี่”

 

“พวกเจ้าดูเหมือนจะมองข้ามเรื่องหนึ่งไป…”

 

ตอนนี้เองเฟิ่งหวู่เต้าพลันกล่าวออกมา ในแววตายังทอประกายสว่างมากด้วยปัญญา คล้ายจะกระจ่างแจ้งในเรื่องราว

 

วาจานี้ยังดึงดูดความสนใจของซื่อหม่าฉางฟงและคนอื่นๆได้สำเร็จ

 

ภายใต้สายตาที่จับจ้องมองมาของทุกคน เฟิ่งหวู่เต้าพลันกล่าวออก “ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องต้วนหลิงเทียนแขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถูแห่งเมืองหลวงเป็นเจ้าหนูหลิงเทียนของพวกเราหรือไม่…ตอนนี้ชื่อเสียงเขาสามารถแพร่กระจายมาถึงที่นี่ได้ เช่นนั้นสมควรขจรขจายไปนับพันลี้ ด้วยสติปัญญาของอาวุโสป๋ายลี่หากเรื่องนี้ถึงหูท่านเมื่อใด ไหนเลยยังจะไม่มีวิธียืนยันว่าต้วนหลิงเทียนแห่งตระกูลซือถูใช่เจ้าหนูหลิงเทียนของพวกเรา?”

 

“หากคนผู้นั้นเป็นเจ้าหนูหลิงเทียนจริง ด้วยฐานะแขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถู เพียงขอความช่วยเหลือจากตระกูลซือถูเล็กน้อย คิดจะช่วยพวกเรากับอาวุโสป๋ายลี่ให้ไปจากที่นี่ยังง่ายดายเหมือนทอดแหจับปลาในบ่อ!”

 

เฟิ่งหวู่เต้ากล่าวออกมารวดเดียวจบ

 

เสียงของเฟิ่งหวู่เต้าพอดังจบคำ สายตาทุกคนก็ทอประกายวูบวาบขึ้นมาทันที

 

“ไฉนข้าคิดไม่ถึงเรื่องนี้นะ”

 

หนานกงยี่อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาเจื่อนๆ

 

“นี่เรียกว่า ใจสับสนหูตาฝ้าฟาง ข้าเองก็พึ่งฉุดคิดเรื่องนี้ได้…ในเมื่อขนาดพวกเรายังได้ยินเรื่องของต้วนหลิงเทียนแขกกิตติมสักดิ์ตระกูลซือถู อาวุโสป๋ายลี่ย่อมต้องได้ยินเรื่องนี้แล้วเช่นกัน!”

 

เฟิ่งหวู่เต้ากล่าวออกมาอีกครั้ง

 

และเป็นดั่งที่เฟิ่งหวู่เต้าว่าไว้ไม่มีผิด ตอนนี้ป๋ายลี่หงเองก็ได้รับทราบเรื่อง ต้วนหลิงเทียแขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถูแห่งเมืองหลวงแล้วเช่นกัน

 

ในฐานะปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 3 ดาว ถึงแม้จะถูกนิกายหยินหมิงควบคุมตัวและบังคับให้จารึกอาคมเซียน หากแต่ป๋ายลี่หงก็มีความเป็นอยู่ดีกว่าพวกเฟิ่งหวู่เต้าและคนอื่นๆมาก

 

แน่นอนว่าด้วยพลังฝีมือของมัน เว้นเสียแต่จะมีขอบเขตเซียนเฝ้าจับตาดูอยู่..

 

หาไม่แล้วมันสามารถหลบหนีไปได้ตลอดเวลา!