“หึ นี่นางกำลังชมหรือว่ากำลังด่ากันแน่นะ ” เหล่าพระสนมที่ฟังอยู่ด้านนอกเรือนต่างไม่ค่อยสบายใจเท่าใด
เพียงแค่งดงามก็สามารถทำได้ทุกอย่างหรือ?
ทั้งๆ ที่สิ่งที่นางทำลงไปนั้นเป็นเรื่องที่ชั่วช้าเลวร้ายขนาดนั้น!
ตู๋กูซิงหลันลูบไล้ปอยปมที่ข้างหู นางมองดูซุนหมัวมัวทีหนึ่ง ก็หันไปดูองค์หญิงใหญ่อีกทีหนึ่ง
ดาบในมือขององค์หญิงใหญ่มิได้คลายลง ดวงเนตรของนางมีเพลิงโทสะลุกโหม นางพยายามระงับความหุนหันพลันแล่นของตนเองที่คิดจะพุ่งเข้าเข่นฆ่าผู้อื่นอย่างเต็มที่ นางตรัสกับตู๋กูซิงหลันว่า “เจ้ายังมีวาจาใดจะพูดอีกหรือไม่? “
“องค์หญิงใหญ่พะยะคะ เรื่องราวกระจ่างอยู่เบื้องหน้าแล้ว พระองค์ใยต้องทรงให้โอกาสนางปีศาจ หรือเจรจากับนางอีกพะยะคะ? “
ประตูห้องส่วนตัวของตู๋กูซิงหลันยังถูกเปิดค้างไว้ บรรยากาศภายในห้องด้านในเป็นเช่นไร เหล่าผู้ที่อยู่ภายนอกต่างก็สามารถเห็นได้เพียงเจ็กแปดส่วน
มุมที่เป็นปัญหาก็คือ พวกเราไม่ทันมองเห็นฮ่องเต้ที่ประทับอยู่บนเก้าอี้กุ้ยเฟย
ท่านรองมหาเสนาฯ สมองแล่นขึ้นมาในทันที เขาหันไปถวายคำนับองค์หญิงใหญ่ “ท่านหญิงน้อยอยู่ภายใต้การดูแลของซุนหมัวมัวมาตั้งแต่เล็กๆ เรื่องสำคัญเช่นนี้นางไหนเลยจะมองผิดไปได้ ไหนเลยจะกล้ากล่าวเท็จ! เรื่องสำคัญคือควรรีบเสาะหาตัวท่านหญิงน้อยต่างหาก”
ทูลจบแล้ว ท่านรองมหาเสนาฯ ก็หันไปหาฝูงชนพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มจะเอ่อล้นออกมา “นางมารผู้นี้จิตใจชั่วช้าเลวทราม ฝีมือก็โหดเ**้ยมอำมหิต บุตรสาวที่จิตใจดีมีเมตตาของกระหม่อมจะต้องถูกนางใส่ร้ายเป็นแน่ จึงได้ถูกส่งไปยังตำหนักเย็น”
นับตั้งแต่หนิงเอ๋อร์เกิดเรื่องขึ้น เขาก็พยายามคิดหาหนทางจะเข้าไปทูลขอร้องฝ่าบาท แต่ว่าน่าเสียดายที่ฝ่าบาททรงไม่ยินยอมให้เขาเข้าเฝ้า แต่ว่าสถานการณ์ในวันนี้ ตู๋กูซิงหลันจำต้องแสดงความรับผิดชอบต่อหน้าผู้คน นี่ย่อมเป็นโอกาสอันดีที่จะพลิกคดีให้หนิงเอ๋อร์
ขอเพียงสามารถยืนยันได้ว่านางเป็นฆาตกรฆ่าคนดื่มโลหิต เป็นนางปีศาจที่ล่อลวงฮ่องเต้ เท่านี้หนิงเอ๋อร์ก็จะพ้นผิดได้แล้ว
“นี่ต้องเป็นเพราะนางริษยาที่หนิงเอ๋องของข้าได้รับความโปรดปรานมานาน ถึงได้พยายามสร้างละครตบตาขึ้นมา ทั้งยังโยนความผิดให้หนิงเอ๋อร์ของข้า โชคยังดีที่หนิงเอ๋อร์ถึงจะอยู่ในตำหนักเย็นก็ยังรักษาชีวิตเอาไว้ได้ แต่ว่าท่านหญิงน้อยที่น่าสงสาร ….หากว่า หากว่าเกิด….”
ท่านรองมหาเสนาฯ ยิ่งกล่าวก็ยิ่งอารมณ์พุ่งพล่านขึ้นมา เขาอายุมากถึงเพียงนี้แล้ว แต่น้ำตากลับรินไหลได้เป็นสายคล้ายไม่ต้องจ่ายเงินแม้แต่น้อย
หากเขามิได้กล่าวถึงท่านหญิงน้อยก็นับว่ายังดี แต่พอพูดถึงขึ้นมา สีพระพักตร์ขององค์หญิงใหญ่ก็ยิ่งซีดเผือกแล้ว ยามปกตินางเป็นผู้ที่ใจเย็นมีสติ แต่ว่าเมื่ออยู่ในฐานะมารดาแล้ว เมืที่ต้องเผชิญกับเรื่องของบุตรธิดาตนเอง ต่อให้เป็นผู้ที่เคยเยือกเย็นมีเหตุผลมากเพียงใดทั้งหมดก็สามารถการเป็นหมอกควันสายหนึ่งได้
สำหรับกับตัวตู๋กูซิงหลันแล้ว นางไม่นับว่าชื่นชม แต่ก็มิได้เกลียดชัง ที่ผ่านมาต่างฝ่ายต่างเป็นน้ำบ่อไม่ยุ่งน้ำคลอง แต่ว่าคราวนี้นางเล่นงานใครไม่เล่น กลับลงมือต่อธิดารักของนาง!
ตู๋กูซิงหลันมองดูจีฉุนที่อยากจะบุกเข้ามาฆ่าตนเองอยู่รอมร่อ ก็กล่าวว่า “ท่านหญิงน้อยผู้ที่ฟ้าดินคุ้มครอง คนดีย่อมมีผู้ช่วยเหลือ องค์หญิงอย่าได้กังวลใจไป”
ดาบขององค์หญิงใหญ่มิได้ยกขึ้นมาอีก แต่ดวงเนตรของนางยังคงจดจ้องตู๋กูซิงหลันอยู่ไม่คลาย “ข้าเชื่อว่าซุนหมัวมัวไม่มีทางให้ร้ายเจ้า มีพยานยืนยันหนักแน่นเช่นนี้เจ้ายังจะดิ้นหลุดได้อีกหรือ? เจ้าคืนตัวซุ่นเอ๋อร์มา ของเพียงนางไม่เป็นอะไร ที่ผ่านมาข้าจะไม่เอาเรื่อง! “
จีฉุนพึ่งตรัสจบ ก็ได้ยินเสียนไท่เฟยเอ่ยปากว่า ” องค์หญิง ข้ามีความเห็นว่า ไทเฮาไม่ทรงมีทางกระทำเรื่องชั่วช้าเลวร้ายเช่นนั้นได้ เรื่องนี้อาจจะมีความเข้าใจผิดอยู่บ้าง”
เสียนไท่เฟยยืนอยู่ที่ปากประตูด้วยท่าทีมีเมตตา
” ไท่เฟยพะยะคะ จนถึงขนาดนี้แล้ว ท่านยังจะปกป้องนังปีศาจตนนี้อยู่ได้อย่างไร! ” ท่านรองมหาเสนาฯ ระเบิดโทสะออกมา “เพราะนางมารผู้นี้ แม้แต่อี้อ๋องยังทรงถูกทำร้ายไปด้วย ก่อนที่นางจะเข้าวัง ท่านเคยดูแลนางมามากมายขนาดไหน ประหนึ่งเป็นมารดาแท้ๆ ก็ไม่ปาน แต่ว่านางละ? กลับตอบแทนบุญคุณด้วยความแค้น! นางปีศาจเช่นนี้ไม่สมควรที่ท่านจะต้องปกป้องคุ้มครองอีก!
คราวนี้แม้แต่พระสนมหลายคนต่างก็เห็นพ้องขึ้นมา “ใช่เพคะไท่เฟย เพื่อท่านหญิงน้อย เพื่อแคว้นต้าโจว จะอย่างไรก็สมควรประหารญาติเพื่อส่วนรวม “
เสียนไท่เฟยส่ายศีรษะ ถอดถอนใจเนิ่นนาน สองเนตรของนางเปี่ยมไปด้วยความผิดหวัง
“เรื่องนี้ยังไม่ได้สืบสวนให้แน่ชัดเลย พวกเจ้าจะรีบร้อนสรุปกันได้อย่างไร? ” หยวนเฟยเดินออกมาด้วยสีหน้าไม่เห็นด้วย นางลูบไล้งูเขียวบนข้อมือ “พักก่อนยังพึ่งจะรีบร้อนส่งของขวัญไปให้ วันนี้กลับคิดจะเหยียบคนให้จมดิน ช่างทำให้ข้าได้เปิดหูเปิดตานัก”
ถึงแม้ตัวนางจะเกลียดชังตู๋กูซิงหลัน แต่ในใจก็ยังมีคุณธรรมอยู่ ย่อมไม่อาจทนเห็นพวกที่ลมเพลมพัดเช่นนี้ได้
เหล่าพระสนมต่างพากันสาดสายตาเย็นชาใส่นาง หยวนเฟยผู้นี้มีที่ถือดีอะไรนัดหนา?
ก็แค่สตรีจากแดนทุรกันดาร ที่ถือว่าบิดามีบุญคุณเคยช่วยชีวิตฝ่าบาทไว้ ก็กล้ามาสั่งสอนพวกนางหรือ?
ดูจากท่าทางที่นางรีบร้อนออกมาปกป้องตู๋กูซิงหลัน คาดว่าทั้งสองคงจะเคยร่วมมือกันมาก่อนละสิ
พวกนางปีศาจโฉมงาม ต่างก็ไม่ใช่ตัวดีหรอก!
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับปฎิกิริยาของผู้คนทั้งหลาย ตู๋กูซิงหลันเพียงยืนนิ่งอยู่ด้านข้างขององค์หญิงใหญ่ ท่าทางของนางนั้นราวกับถูกตอกหน้าเสียจนมีปากก็ไร้วาจาจะกล่าวเสียแล้ว ถึงแม้จะมีหยวนเฟยมากล่าวแทนนางอยู่บ้าง แต่ตัวนางเองกลับไม่กล้าเถียงอะไรออกไปสักคำ
จีเฉวียนอดทนต่อความเจ็บปวด กวาดเก็บภาพของนางเอาไว้ในสายตา
สตรีผู้นี้กลับสงบปากสงบคำ กัดลิ้นไว้ไม่โต้เถียง ท่าทางพยายามอดกลั้นเอาไว้อย่างที่สุด
ฝ่ามือใต้แขนเสื้อถูกกำไว้แน่น ราวกับว่าได้รับความอยุติธรรมอย่างยิ่งยวด
จีเฉวียนหรี่พระเนตรพิจารณาดู ก็ประทับบนเก้าอี้กุ้ยเฟยอย่างวางใจต่อไป
“ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ยังเชื่อมั่นในไทเฮา ” ที่บริเวณด้านนอกประตู เสียนไท่เฟยยังคงยืนยันต่อไป “ข้าเห็นไทเฮามาตั้งแต่เล็ก ไม่มีทางที่จะกลายเป็นพวกควักหัวใจสูบโลหิตไปได้เด็ดขาด ที่นำตัวท่านหญิงน้อยไป คิดว่าเพียงเพราะแค่ถูกใจนางมากเกินไปเท่านั้น”
หากว่านางไม่กล่าวถึงเรื่องควักหัวใจนี้ก็แล้วไป พอพูดถึงขึ้นมาผู้คนก็พากันหน้าเปลี่ยนสี
เสียนไท่เฟยยังคงเน้นย้ำต่อไป ” จวนตระกูลตู๋กูรึก็ใหญ่เพียงแค่นี้ ไม่แน่ว่าท่านหญิงน้อยอาจจะวิ่งเล่นไปถึงไหนแล้ว ขอแค่ทุกคนช่วยกันตามหาดูให้ดีสักหน่อย เพียงอย่าให้กระทบถึงพิธีการแต่งตั้งของท่านหญิงน้อยก็พอแล้ว “
ว่าแล้ว นางก็ไม่ลืมหันไปกล่าวกับองค์หญิงใหญ่ว่า “องค์หญิงอย่าพึ่งทรงร้อนรนไป ซุ่นเอ๋อร์เป็นคนมีชีวิต ย่อมไม่มีทางหายไปอย่างไร้ร่อยรอยได้”
หัวใจขององค์หญิงใหญ่ราวกับถูกบีบแตกดังโพล๊ะ คนมีชีวิต……..ซุ่นเอ๋อร์ของนางจะยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?
ตู๋กูซิงหลันมองดูเสียนไท่เฟยอย่างละเอียดละออ ฝีมือของสตรีผู้นี้ยังสูงล้ำกว่าเต๋อเฟยหลายขั้น
ทางหนึ่งบอกว่าเชื่อมั่นในตัวนาง อีกทางก็ชี้ชัดว่านางเป็นคนที่หาตัวท่านหญิงน้อยไป
เปลือกนอกทำตัวดั่งเป็นคนดี ภายในกลับดำคล้ำยิ่งนัก
“ไท่เฟยทรงตรัสถูกแล้ว ” ท่านรองมหาเสนาฯ รีบสนับสนุน “ทุกคนรีบไปตามหา อย่าว่าแต่ต้องพลิกตลบจวนตระกูตู๋กูลงสักรอบหนึ่งก็ต้องหาท่านหญิงน้อยให้พบ! “
พวกเขามาถึงจวนนี้ตั้งนานแล้ว กลับไปพบเห็นตู๋กูจุน ก็คาดคะเนว่าเจ้าคนกล้ามโตนั้นคงจะไม่ได้อยู่ในจวน
ไม่อยู่ก็พอดีเลย อีกสักครู่เมื่อหาตัวท่านหญิงพบ ดูสิว่าจะยังมีใครสามารถปกป้องนางปีศาจตู๋กูซิงหลันนี้ได้อีก!
ตู๋กูซิงหลันได้ยินแล้ว ก็รีบวิ่งออกมา รูปร่างที่เล็กบางของนางขวางอยู่เบื้องหน้าผู้คนทั้งหลาย “วันนี้ผู้ใดกล้าแตะต้องจวนตระกูลตูกูของข้าแม้แต่ต้นไม้ใบหญ้า? “
“ทำไม ตอนนี้ละมีใจหวาดขึ้นมาแล้วรึ? ” ท่านรองมหาเสนาฯ จ้องมองนางด้วยสายตาเย็นชา กล่าวต่อไปว่า “ไทเฮาพะยะคะ ดูพระพักตร์ที่แดงสดใสของท่าน นี่คงไม่ใช่ว่าเป็นเพราะพึ่งจะกินหัวใจ ดื่มเลือดมาใช่หรือไม่? ก็ว่าอยู่ คนปกติทั่วไปมีหรือจะสามารถงดงามได้ขนาดท่านเช่นนี้”
ตู๋กูซิงหลันหัวเราะเสียงเย็น “เฒ่าฟู่เอ๋ย เจ้าอย่ามาทำเป็นชื่นชมเรา เราเป็นคนหน้าบาง ไม่กล้ารับไว้ “
พอได้ยินนางเรียกขานตัวเอง หัวใจท่านรองมหาเสนาฯ ก็ยิ่งเต้นแรงตึกตัก ราวกับว่ากำลังจะมีเรื่องไม่ดีบางอย่างเกิดขึ้น
เขาเป่าหนวดถลึงตาโต แอ่นเอวตั้งตรง ทั้งยังกวาดตามองไปในสวนของนางรอบหนึ่ง จากนั้นก็ได้ยินเขากล่าวว่า “ต้นเหมยต้นนี้ถูกกระทบมาก่อน! “