“ฟ่อฟ่อ……”

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์สะบัดหางไปทางวงแหวนอวกาศ จากนั้นก็แลบลิ้นไปทางห้องอันโอ่อ่าวิจิตรของตระกูลไป๋หลี่

เยี่ยจิ่งหานกล่าวลองใจว่า “เจ้าบอกว่าเจ้าเป็นคนของตระกูลไป๋หลี่ที่ประมูลวงแหวนอวกาศหรือ?”

“ฟ่อฟ่อ……”

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์พยักหน้าอย่างแรงและยังคงแสร้งทำท่าทางน่ารักน่าเอ็นดูไปทางเยี่ยจิ่งหานพร้อมส่งเสียงฟ่อๆในปากไม่หยุด

“เจ้าอยากได้วงแหวนอวกาศก็เลยให้ไม่ต้องการให้ข้าร่วมประมูล?”

“ฟ่อฟ่อ……”

ใช่แล้วใช่แล้ว ชายที่เข้าตานายท่านช่างเป็นคนเฉลียวฉลาดนัก

“ข้ารู้ว่าเจ้าต้องการวงแหวนอวกาศเนื่องจากแหวนวงนั้นเป็นของอาหน่วน แต่เจ้าเป็นงูตัวหนึ่งแม้ว่าเจ้าจะได้วงแหวนอวกาศไปแล้วเจ้าจะเก็บรักษาอย่างไร? ให้ข้าเก็บรักษาจะเป็นการดีกว่า รอให้อาหน่วนฟื้นขึ้นมาค่อยมอบให้อาหน่วน”

“ฟ่อฟ่อฟ่อ……”

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์กัดแขนเสื้อของเยี่ยจิ่งหานและแยกเขี้ยวประท้วงไปทางเขา

ชิงเฟิงกล่าวแทรกขึ้นประโยคหนึ่ง “นายท่าน เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์มีจิตสมผัสเสมอมา มันตั้งใจแน่วแน่ที่จะอยากได้วงแหวนอวกาศจะมีเหตุผลอื่นหรือเปล่า?”

เยี่ยจิ่งหานขมวดคิ้ว

ไม่รู้ว่าเจี้ยงเสวี่ยกลับมาจากด้านนอกเมื่อใดพร้อมนำข่าวคราวหนึ่งกลับมา

“นายท่าน ไป๋หลี่เจิ้นแน่วแน่ที่จะทำสัญญาข้อตกลงกับเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์รับปากกับเขาว่าเพียงแค่ช่วยเขาประมูลวงแหวนอวกาศมาให้ได้ก็จะทำสัญญาข้อตกลงกับเขา ดังนั้นไป๋หลี่เจิ้นและคนอื่นๆถึงได้เสนอราคาขึ้นเรื่อยๆ”

ชิงเฟิงอดหัวเราะไม่อยู่ “เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์จะตกลงทำสัญญาข้อตกลงกับเขา? ช่างเป็นเรื่องน่าขัน เขาคิดเอาไว้ซะสวยงามเชียว”

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ชี้หางขึ้นอย่างยะโสพร้อมชื่มชมยกนิ้วไปทางชิงเฟิง

เจี้ยงเสวี่ยอดหัวเราะไม่ได้ “เรื่องราวโกลาหลวุ่นวายก่อนหน้านี้ที่หอเจินเป่า ไม่ได้เกินความคาดหมายน่าจะเป็นเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ที่กำกับและแสดงเอง”

เพียงแค่ไม่รู้ว่าเขากำกับและแสดงเองการกำกับโดยที่หลอกเอาสมบัติมากมายของตระกูลไป๋หลี่ไปทำสิ่งใด?

และก็ไม่รู้ว่าเหตุใดมันถึงทำให้ไป๋หลี่กับซั่งกวนสองตระกูลเกิดความขัดแย้งกัน

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์กัดแขนเสื้อของเยี่ยจิ่งหานพร้อมส่งเสียงขู่ฟ่อๆๆและชี้หางขึ้นเป็นครั้งคราวรวมทั้งโผล่หัวหลายหัวขึ้นมาเป็นครั้งคราวด้วย

ชิงเฟิงเจี้ยงเสวี่ยไม่รู้ว่ามันกำลังพูดสิ่งใดอยู่กันแน่

เยี่ยจิ่งหานกลับฟังเข้าใจ

“เจ้าอยากให้ข้าประมูลด้วยราคาที่สูงมากๆจากนั้นก็หลีกให้ตระกูลไป๋หลี่ ให้ตระกูลไป๋หลี่เป็นผู้ชำระแล้วท้ายที่สุดก็มอบให้เจ้า?”

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ยิ้มจนตาหรี่เลย

มันอ้วนขึ้นกว่าแต่ก่อนมากมายนัก และก็ไม่รู้ว่าชีวิตความเป็นอยู่ในทุกวันนี้ยอดเยี่ยมเพียงใด

อยู่นอกเหนือจินตนาการของเยี่ยจิ่งหานโดยสิ้นเชิง

ทุกคนมองไปยังตระกูลซั่งกวนแล้วมองไปยังห้องส่วนตัวหมายเลขสามโดยที่ตกใจมากมายจนหาทิศทางไม่พบเลยสักทิศ

เซี่ยวอวี่เซวียนยกป้ายขึ้นอีกครั้งและซั่งกวนฉิงก็รีบขวางเขาเอาไว้

“คุณชายเซี่ยว ไม่ใช่ว่าเราไม่ยอมช่วยท่านประมูลวงแหวนอวกาศวงนี้ แต่ว่า……แต่ว่าราคาสูงถึงหนึ่งร้อยแปดสิบล้านตำลึงแล้วซึ่งเกินกำลังที่ตระกูลของเราจะรับไหว หากเสนอต่ออีกพวกเรา……พวกเราตระกูลฉิงก็เอาออกมาไม่ได้”

เซี่ยวอวี่เซวียนเพิกเฉยเอ่ยขึ้นว่า “สองร้อยล้าน”

ซั่งกวนชิงใจอยากจะตายเลย

สองร้อยล้าน……

เงินนี้ใช้กระดาษทำขึ้นหรือ?

ถึงจะเป็นกระดาษไม่มีเวลาหนึ่งหรือสองเดือนก็ไม่สามารถทำเสร็จได้หรอกนะ

ล้างผลาญ

ช่างล้างผลาญเกินไปแล้ว

แม้ว่านายท่านหนิงจะเป็นผู้รอบรู้พบเห็นสิ่งต่างๆมามากมายก็ยังตะลึงงันไปเลย

กู้ชูหน่วนสัมผัสคางด้วยความวิตกกังวล

“เกิดสิ่งใดขึ้นกับตระกูลซั่ง? จงใจดึงราคาหรือ? ก็แค่แหวนวงเดียวจำต้องดุเดือดเช่นนี้เลยหรือ? เรียกถึงสองร้อยล้านตำลึง”

เยี่ยจิ่งหานหรี่ตาเป็นลงเผยเป็นเส้นลอดผ่านแล้วมองไปยังตระกูลซั่งกวนอย่างละเอียดถี่ถ้วน

เสียงแหบแห้งนั้น……

หรือว่าจะเป็นเซี่ยวอวี่เซวียน?

“นายท่าน เป็นเซี่ยวอวี่เซวียน หนึ่งเดือนกว่าที่ผ่านมาเขาฉีกแยกพื้นที่มาถึงแผ่นดินใหญ่รัฐปิง ทั้งเดือนที่ผ่านมานี้เขาได้ตามหาดวงจิตของพระชายาโดยตลอด”

“ตอนนี้เขาอาศัยอยู่ในตระกูลซั่งกวนเป็นการชั่วคราว เขาก็คือนักกลั่นยาลึกลับที่ตระกูลซั่งกวนเชิญมา”

“นายท่าน พวกเราจะยังแย่งชิงกับเขาหรือไม่?”

“ชิงสิ เหตุใดถึงจะไม่ชิง สองร้อยห้าสิบล้านตำลึง”

ไป๋หลี่เจิ้นปาดเหงื่ออันเย็นเฉียบ

เสนอราคาสูงเช่นนี้

ช่างวิปริตนัก

ยังดีที่เขาได้หยุดลงแล้ว

ไม่เช่นนั้นยังคงเสนอต่อไปเขาก็ไม่มีเงินจ่าย

“สามร้อยล้าน”

“สามร้อยห้าสิบล้านตำลึง”

เซี่ยวอวี่เซวียนยกป้ายเสรอราคาขึ้นอีก

ซั่งกวนชิงเกือบจะคุกเข่าลงไปเลย

เขาร้องขอว่า “คุณชายเซี่ยว ขอร้องท่านหล่ะ ตระกูลซั่งกวนของเรามีทรัพย์สินจำกัดซึ่งประมูลไม่ไหวจริงๆ ข้าขอร้องท่านแทนตระกูลซั่งกวนดีไหม? ไม่ว่าของที่ประมูลชิ้นต่อไปจะเป็นสิ่งใดขอเพียงท่านต้องการพวกเราจะพยายามประมูลให้ท่านอย่างเต็มที่ แต่ว่าของสิ่งนี้……พวกเรามีใจแต่กำลังไม่เพียงพอ และท่านเจ้าตระกูลก็ได้ส่งข่าวมาว่าให้ยก……ยกเลิกการประมูลในครั้งนี้”

เซี่ยวอวี่เซวียนไม่ยอม

แต่เขาไม่มีเงิน

จึงทำได้เพียงยอมแพ้อย่างโมโห แล้วค่อยพยายามคิดหาวิธีชิงวงแหวนอวกาศจากมือของคู่ต่อสู้มา

ผู้ดูแลการประมูลตกใจจนไร้ซึ่งการกล่าวเป็นเวลานานในที่นั้น ในขณะนี้เขาตื่นตระหนกแล้วกล่าวต่อไปว่า “ตระกูลซั่งกวนไม่ได้เสนอราคาขึ้นอีกในที่นี้ยังมีผู้ใดเสนอราคามากขึ้นอีกหรือไม่? หากว่าไม่มีงั้นวงแหวนอวกาศก็จะเป็นของแขกผู้มีเกียรติห้องส่วนตัวหมายเลขสามแล้ว”

“สามร้อยห้าสิบล้านครั้งที่หนึ่ง สามร้อยห้าสิบล้านครั้งที่สอง สามร้อยห้าสิบล้านครั้งที่สาม……การประมูลสิ้นสุด ผู้ที่ได้วงแหวนอวกาศไปคือห้องส่วนตัวหมายเลขสาม ยินดีกับห้องส่วนตัวหมายเลขสามด้วย”

ผู้คนอดอิจฉาไม่ได้

และอดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าในห้องส่วนตัวหมายเลขสามเป็นแขกลึกลับใดกันแน่

อย่างไรก็ตามในขณะจ่ายเงินเยี่ยจิ่งหานกลับกล่าวว่า “ข้าเพียงแค่ช่วยตระกูลไป๋หลี่ประมูลเท่านั้น บัญชีในครั้งนี้มีตระกูลไป๋หลี่เป็นผู้ชำระ”

ฟ่อ……

ทุกคนต่างตกตะลึงกันหมด

โดยเฉพาะตระกูลไป๋หลี่

พวกเขาจ่าย?

เงินมากมายเช่นนี้ พวกเขาจะชำระได้อย่างไร?

หอเจินเป่าของพวกเขาเพิ่งจะถูกลักขโมยนะ