ตอนที่ 614 ล้มป่วย
มู่จวินฮานมีงานต้องทำต่อ ดังนั้นจึงมิได้อยู่เป็นเพื่อนอันหลิงเกอ นางเองก็กลับไปที่เรือนฝูหลิง ส่วนทัวป๋าถิงฟางก็ยอมจากไปแต่โดยดี
เพราะไปตามหาซูเอ๋อมาครึ่งค่อนวันจึงทำให้อันหลิงเกอรู้สึกอ่อนเพลียเป็นอย่างมาก นางจึงสั่งให้ปี้จูเตรียมเสื้อผ้าเพราะจักไปแช่บ่อน้ำร้อน
การแช่น้ำร้อนทำให้รู้สึกสงบได้ดีโดยเฉพาะเมื่ออันหลิงเกอผ่านความเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน น้ำอุ่น ๆ ที่ไหลผ่านรอบกายทำให้นางรู้สึกสบายทั้งกายและใจ
นางหันไปสั่งด้านนอก “ปี้จู เจ้าวางเสื้อผ้าของข้าไว้ตรงนั้นเถิด ข้าอยากแช่น้ำคนเดียวอีกสักพัก”
“เจ้าค่ะ” ปี้จูวางเสื้อผ้าไว้ข้าง ๆ อย่างระมัดระวังแล้วออกไปเฝ้าจากด้านนอกประตูแทน
เวลาค่อย ๆ ผ่านไป ปี้จูที่เฝ้าอยู่ด้านนอกประตูก็รอมาพักใหญ่แต่ก็ยังมิได้ยินเสียงอันหลิงเกอเรียกเข้าไป
นางจึงถือวิสาสะเข้าไปดูด้านใน ก่อนร้องออกมาอย่างตกใจ “พระชายาเจ้าคะ” ตอนนี้อันหลิงเกอกำลังลอยอยู่ในบ่อน้ำร้อนโดยไร้การเคลื่อนไหวใด
ปี้จูตื่นตระหนกจนทำอันใดมิถูก เมื่อพบว่าอันหลิงเกอหมดสติไป นางจึงพยายามอุ้มขึ้นมาบนขอบบ่อแต่ก็อุ้มมิไหว
“พระชายาตื่นสิเจ้าคะ พระชายา ! ” ปี้จูร้อนรนมาก นางตบที่ข้างแกมของอันหลิงเกอเบา ๆ หวังว่าจะปลุกให้ตื่นขึ้นมาได้ แต่มิว่าตะโกนอย่างไรอันหลิงเกอก็ยังมิได้สติอยู่เช่นนั้น
นางพยายามอยู่หลายครั้งก็ยังมิสามารถอุ้มอันหลิงเกอขึ้นมาได้
นางจึงลองทดสอบก็เห็นว่าอันหลิงเกอยังมีลมหายใจอยู่แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าต้องไปตามท่านอ๋องมาช่วย !
เมื่อคิดได้ดังนั้นนางจึงรีบวิ่งออกไปทันที เพียงมินานก็มาถึงเรือนที่มู่จวินฮานอยู่
ตอนนี้มู่จวินฮานกำลังตรวจเอกสารอยู่ในห้องหนังสือ จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงเอะอะที่ด้านนอกดังขึ้นมา มินานเขาก็เห็นปี้จูเข้ามาด้วยท่าทีรีบร้อน เมื่อนางมาถึงก็คุกเข่าลงพื้น “ท่านอ๋องรีบไปช่วยพระชายาเถิดเจ้าค่ะ ! ”
มู่จวินฮานตกใจจนหน้าซีด “นางอยู่ที่ใด ? ”
“พระชายาแช่บ่อน้ำร้อนแล้วหมดสติอยู่ในบ่อเจ้าค่ะ บ่าวทำเช่นไรก็…” ปี้จูยังกล่าวมิทันจบ มู่จวินฮานก็รีบวิ่งออกไปทันที
นางเองก็รีบวิ่งตามไปด้วยพร้อมปาดน้ำตาทิ้งอย่างไม่ใส่ใจ
ตอนที่มู่จวินฮานไปถึง อันหลิงเกอยังหมดสติอยู่ในบ่อน้ำร้อน
เมื่อเห็นนางกำลังจะจมลงไป มู่จวินฮานก็รีบกระโดดลงน้ำ ก่อนอุ้มร่างของอันหลิงเกอขึ้นมาและรีบดึงเสื้อที่อยู่ด้านข้างมาห่อตัวนางเอาไว้
พร้อมยื่นมือไปตบที่แก้มของอันหลิงเกอเบา ๆ แต่ก็มิได้มีประโยชน์ เมื่อไม่รู้จะทำเช่นไรเขาจึงหยิกที่แขนของนางแทน
“หืม ? ท่านมาได้อย่างไรเจ้าคะ ? ” อันหลิงเกอกำลังงงงวยกับการปรากฏตัวของมู่จวินฮาน
ดวงตาของเขาเข้มขึ้นทันที “เจ้ามิรู้ว่าเมื่อครู่ตนหมดสติไปหรือ ! ”
อันหลิงเกอนิ่งแล้วตกตะลึงไปเล็กน้อย ก่อนตอบกลับ “เป็นไปได้อย่างไร ? ข้าแค่ง่วงจึงหลับไปเท่านั้นเจ้าค่ะ” กล่าวจบ อันหลิงเกอก็ได้แต่ยกมือปิดปากด้วยความเสียใจ
เป็นไปตามคาดคือสีหน้าของมู่จวินฮานเข้มขึ้นมาทันทีและเอ่ยตำหนิออกมา
อันหลิงเกอรีบมุดเข้าไปซุกที่อกของเขา ก่อนจะกล่าวออกมาอย่างออดอ้อน “ท่านหยุดตำหนิข้าเถิด ข้ามิได้ตั้งใจเสียหน่อย แต่เพราะวันนี้ไปตามหาซูเอ๋อก็เลยเหนื่อยกว่าปกติและเผลอหลับไป ข้าสัญญาว่าจะไม่มีครั้งต่อไปแน่นอนเจ้าค่ะ” นางกล่าวไปพลางก็เอาศีรษะถูกับอกของมู่จวินฮานไปด้วย
การกระทำเช่นนี้ทำให้มู่จวินฮานใจอ่อนได้จริง หัวใจของเขาอ่อนยวบทันที ใบหน้าก็อ่อนโยนตามไปด้วย
นางมักเป็นเช่นนี้อยู่เสมอ สามารถเอาชนะความโกรธของเขาได้อย่างง่ายดาย แต่อย่างไรครั้งนี้ก็ต้องตักเตือนให้รู้เรื่อง “หากวันหน้าเจ้ายังเป็นเช่นนี้อีก จักมาโทษว่าข้าทำเกินไปมิได้”
ท่าทางข่มขู่ที่ดูเคร่งขรึมนี้ไม่ทำให้อันหลิงเกอรู้สึกกลัว ขอเพียงรอดตัวจากคำตำหนิในครั้งนี้ได้ วันหน้าก็เป็นเรื่องของวันหน้า นางซุกหน้าลงแล้วลอบยิ้มกับแผงอกของมู่จวินฮาน
มู่จวินฮานอ่อนใจยิ่งนักและนึกขบขันอยู่มิน้อย
ส่วนภายในวังหลวงตอนนี้กำลังเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น ฮ่องเต้เพิ่งพาเฉินเจียอวี๋กลับมาจากการขอพรได้มินาน นางก็เกิดอาการปวดท้องขึ้น
หมอหลวงและหมอตำแยต่างก็เตรียมพร้อมอยู่แล้ว ส่วนเฉินเจียอวี๋เมื่อมีอาการคล้ายจะคลอดบุตร ทุกคนต่างก็รีบประคองนางเข้าไปด้านใน
เด็กคนนี้ ฮ่องเต้ก็มิทรงคาดคิดว่าจักประสูตรเร็วเช่นนี้
เฉินเจียอวี๋เป็นที่โปรดปรานได้เพียง 9 เดือนก็ให้ประสูติเสียแล้ว
ฮ่องเต้ให้ความสำคัญต่อทารกในครรภ์ของเฉินเจียอวี๋มิน้อย ดังนั้นจึงได้วางราชกิจทั้งหมดลงเพื่อไปเฝ้าที่หน้าห้องด้วยพระองค์เอง
เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้ทานของบำรุงอย่างดี รวมทั้งมีหมอหลวงคอยดูแลเป็นพิเศษจึงทำให้ร่างกายของเฉินเจียอวี๋แข็งแรงมาก ตอนคลอดจึงไร้อุปสรรคใด อีกทั้งยังเป็นไปตามที่เฉินเจียอวี๋คาดเอาไว้คือนางได้ให้กำเนิดลูกแฝด
“อุแว้ ! ” ฝ่าบาทที่รออยู่ด้านนอกมานาน เมื่อได้ยินเสียงเด็กร้องก็ดีพระทัยอย่างมาก จากนั้นก็ได้ยินหมอตำแยที่อยู่ด้านในตะโกนออกมา “ใจเย็น ! ยังมีอีกคนหนึ่ง ตายแล้ว เป็นเด็กผู้หญิง ! ” เสียงรีบร้อนดังออกมาจากด้านใน จากนั้นมินานประตูก็ถูกเปิดออก
ฝ่าบาทรีบเสด็จเข้าไปทันที หมอตำแยเมื่อเห็นฝ่าบาทก็รีบคุกเข่าลง “ยินดีด้วยเพคะฝ่าบาท ! พระนางปลอดภัยดี อีกทั้งยังได้ประสูติแฝดชายหญิงด้วยเพคะ ! ”
ใบหน้าของนางแฝงไว้ด้วยความดีใจ เรื่องมงคลเช่นนี้ฝ่าบาทต้องตกรางวัลให้อย่างงามแน่
เป็นไปตามคาด เมื่อฝ่าบาทได้ยินก็แย้มพระสรวลออกมาทันที “ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ดี ! ตกรางวัลให้นางด้วย ! ” กล่าวจบก็มิได้สนใจเหล่าหมอตำแยที่คุกเข่าตรงนั้นอีกและรีบเสด็จเข้าไปด้านในทันที
“ยินดีด้วยเพคะฝ่าบาท ! ”
ขณะที่เสด็จเข้าไปก็มีเหล่านางกำนัลทูลยินดีกับพระองค์ไปตลอดทาง เมื่อฮ่องเต้ทรงปลื้มปีติเช่นนี้ คนในตำหนักของเฉินเจียอวี๋ทั้งหมดจึงล้วนได้รับการตกรางวัลถ้วนหน้า
จนเมื่อพระองค์เข้าไปข้างเตียงของเฉินเจียอวี๋ก็มีแม่นมสองคนเดินเข้ามา พวกนางอุ้มห่อผ้าเอาไว้ทั้งคู่ ภายในมีเด็กทารกอยู่ห่อละคน มีเพียงแค่ศีรษะเล็ก ๆ เท่านั้นที่โผล่ออกมาให้เห็น
ทารกทั้งสองดูตัวเล็กนุ่มนิ่มไปหมด ฝ่าบาทยื่นพระหัตถ์ออกไป แม่นมคนหนึ่งเห็นดังนั้นจึงรีบส่งทารกน้อยให้ฝ่าบาททันที “นี่คือองค์ชายน้อยเพคะ” จากนั้นนางก็เห็นพระองค์อุ้มทารกไว้อย่างระมัดระวังราวกับพระบิดาที่มีเมตตา
เฉินเจียอวี๋เห็นทุกการกระทำจึงเอ่ยออกมาพร้อมรอยยิ้ม “ฝ่าบาทดูลูกของเราสิเพคะ น่ารักเสียจริง…”
เฉินเจียอวี๋ที่เพิ่งคลอดบุตรเสร็จร่างกายจึงยังอ่อนแออยู่ แต่นางก็ยังฝืนยิ้มออกมา เมื่อเห็นว่าฝ่าบาททรงโปรดบุตรทั้งสองของตนก็รู้สึกภูมิใจอยู่มิน้อย
เมื่อนึกถึงหลี่กุ้ยเฟยที่เพิ่งกลับมาจากการปลีกวิเวกที่วัด นางก็มิได้ใส่ใจเท่าไรแล้ว
ฝ่าบาทหันกลับมาทอดพระเนตรเฉินเจียอวี๋พร้อมตรัสปลอบโยนว่า “เจ้าวางใจ เจ้าให้กำเนิดโอรสและธิดาแก่ข้า นี่ถือเป็นคุณงามความดีครั้งใหญ่ ข้าจักปูนบำเหน็จให้เจ้าอย่างงาม ! ” พระพักตร์ของฮ่องเต้จึงเต็มไปด้วยความสุข
“หม่อมฉันขอขอบพระทัยฝ่าบาทเพคะ…” เฉินเจียอวี๋กำลังจะลุกขึ้นขอบพระทัยแต่ถูกฮ่องเต้ห้ามเอาไว้เสียก่อน
“เจ้าลำบากมามากแล้ว พักผ่อนเถิด” พระองค์ตรัสขณะเล่นกับทารกน้อยไปด้วย
มินานหลังจากนั้นทั่วทั้งวังหลวงก็ทราบข่าวที่เฉินเจียอวี๋ให้ประสูติแฝดชายหญิง ฝ่าบาททรงยินดีเช่นนี้ย่อมต้องมีการปูนบำเหน็จให้อย่างงาม
หลี่กุ้ยเฟยก็ได้ทราบข่าวนี้เช่นกัน แม้ภายในใจรู้สึกโกรธแค้นแต่ก็ยังส่งคนไปแสดงความยินดี อีกทั้งยังประทานของมีค่าให้แก่เฉินเจียอวี๋ด้วย