ความจริงแล้ว เย่เทียนไม่คิดจะทำอะไรกับ ฮั่วยั่นจือตั้งแต่แรกแล้ว
ถึงแม้ทรวดทรงของฮั่วยั่นจือจะใช้ได้ แต่เรื่องแบบนี้เย่เทียนก็ไม่เคยบังคับใจของหญิงสาวอยู่แล้ว
ไม่อย่างนั้น เมื่อคืนเขาก็คงกินซูเหมยไปแล้ว
เย่เทียนรู้ดีแก่ใจ ว่าการที่ฮั่วยั่นจือถูกยกย่องให้เป็นสาวมหัศจรรย์ของวงการธุรกิจแห่งจ๊กกลางนั้น เธอก็ต้องมีความสามารถอยู่ไม่น้อยแน่นอน
และในทางเดียวกัน คนที่มีความสามารถ ก็มักจะมีความหยิ่งยโสอยู่เสมอ การจะกู้คืนคนแบบนี้นั้น มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
วิธีที่ง่ายและแม่นยำที่สุดก็คือการทำลายความมั่นใจของอีกฝ่ายให้สิ้นซาก ทำให้อีกฝ่ายปล่อยตัวลงไปอย่างสมบูรณ์
แต่เย่เทียนนั้นนึกไม่ถึงจริงๆ ว่า ฮั่วยั่นจือจะดื้อรั้นขนาดนี้ เรื่องถึงขั้นนี้แล้วยังเข้มแข็งได้อีก ยังไม่ยอมปล่อยวางความภาคภูมิใจที่ไม่มีตัวตน
ทันใดนั้น เย่เทียนก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ จะให้เขาใช้วิธีที่ต่ำทรามจริงๆได้นะเหรอ??
ถึงตอนนั้น ฮั่วยั่นจือไม่เพียงไม่ยอมรับใช้เขาอย่างเต็มใจ เธอยังอาจจะเกลียดเขาเข้าไส้เลยก็ได้!
พอคิดได้แบบนั้น หางตาของเย่เทียนก็เหลือบไปเห็นยาบำรุงบนพื้นที่ตอนแรกฮั่วยั่นจือเอามาข่มขู่เขาอย่างไม่ตั้งใจ แล้วเกิดแสงสว่างขึ้นมาในหัว
“จี๊ดจี๊ด ผมชอบผู้หญิงที่หยิ่งยโสอย่างคุณจริงๆ”
เย่เทียนจงใจเผยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายออกมา และพูดอย่างน่ารังเกียจว่า “ในเมื่อคุณรู้เรื่องนักบู๊ งั้นก็แสดงว่าคุณต้องรู้ถึงการมีอยู่ของสิ่งที่เรียกว่าพิษกู่ด้วย”
“ผมอยากปล่อยหนอนกู่เข้าไปในตัวคุณ ทำให้คุณต้องกลายเป็นผู้หญิงของผมตลอดไป!”
“ไม่สิ ถ้าจะพูดให้ถูก ต้องเรียกว่าทาส!”
ฮั่วยั่นจือที่ได้ยินแบบนั้น ร่างกายก็สะดุ้ง น้ำตาที่เอ่อล้นอยู่ตรงดวงตาที่สวยงามก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป มันได้ทะลักออกมาทันที น้ำตาที่เงางามไหลรินออกมาเป็นการใหญ่
สำหรับเธอแล้ว ความตายมันไม่ได้น่ากลัว ต่อให้เป็นการทรมานมันก็แค่แปบเดียว
แต่ถ้าต้องถูกปล่อยหนอนกู่เข้าไปในตัวจริง นั่นมันก็หมายถึงอิสรภาพที่ต้องเสียไปตลอดกาล และต้องกลายเป็นทาสของคนๆนั้นอย่างสมบูรณ์!
สำหรับคนที่มีความหยิ่งยโสในตัวอย่างฮั่วยั่นจือนั้น มันก็ถือเป็นฝันร้ายที่น่ากลัวที่สุดเลย!
เมื่อน้ำตาของสาวงามไหลริน เย่เทียนก็แอบถอนหายใจออกมายาวๆ
แน่นอนว่าเขาต้องไม่มีหนอนกู่อยู่แล้ว ไม่ใช่ว่าเขาไร้ความสามารถ แต่การจะเลี้ยงหนอนกู่ออกมาให้ได้สักตัวอย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาตั้งสามถึงห้าปี เขาไม่มีความอดทนมากขนาดนั้นหรอก
ข่มขู่เหรอ ใครจะทำไม่เป็น!
ระหว่างที่คิดแบบนั้น เย่เทียนก็จับฮั่วยั่นจือให้หมุนกลับมา แล้วเอายาลูกกลอนเม็ดหนึ่งยัดเข้าไปในปากของฮั่วยั่นจืออย่างรวดเร็ว
ฮั่วยั่นจือที่กำลังสะอื้นอยู่ก็ถึงกับตกใจ อยากที่จะคายมันออกมา
แต่เย่เทียนจะยอมให้เธอทำสำเร็จได้ยังไง มือขวาได้บีบเข้าไปที่คางของฮั่วยั่นจืออย่างแรงราวกับคีมเหล็ก พอเห็นว่าเธอกลืนยาลงคอไปแล้วถึงยอมปล่อยมือออก
“แคร่กแคร่ก นะ นี่แกให้ฉันกินอะไรเข้าไป?”
ทันทีที่เย่เทียนปล่อยมา ฮั่วยั่นจือโค้งตัวแล้วล้วงคอ อยากที่จะคายของที่เพิ่งกลืนลงคอให้ออกมา
“ไม่ต้องทำให้เสียแรงเปล่าหรอกครับ สิ่งที่ผมเพิ่งให้คุณกลืนลงไปนั้นเป็นหนอนกู่ที่ผมเลี้ยงออกมาโดยเฉพาะ ต่อให้คุณอ้วกจนน้ำเหลืองออก ก็ไม่มีทางเอามันออกมาได้หรอก”
เย่เทียนส่ายหัวด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย และพูดอย่างใจเย็นว่า “ถ้าคุณไม่เชื่อ ก็ลองสัมผัสดูเอง ว่ามันแอบมีความรู้สึกเจ็บๆ อยู่ตรงหน้าอกใช่มั้ย”
ครั้งนี้ สีหน้าที่งดงามของฮั่วยั่นจือก็ซีดไปทันที ยอมแพ้ที่จะล้วงคอ แล้วทำตัวสิ้นหวังขึ้นมาทันที
พอเย่เทียนได้เห็นอย่างนั้น เขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาที่มุมปาก
ในชั่วพริบตานั้น เย่เทียนได้สะกัดจุดบนร่างกายของฮั่วยั่นจือ ทำให้รู้สึกแน่นนอกขึ้นมาชั่วขณะ
ส่วนสิ่งที่ป้อนให้เธอกินเมื่อกี้ มันก็เป็นแค่ยาถอนพิษที่ทำออกมาเพื่อรับมือกับคุณยายกระดาษไหว้เจ้าก่อนหน้านี้ก็เท่านั้น
พรึ่บพรับ!
พอข่มขู่ฮั่วยั่นจือได้สำเร็จ เย่เทียนก็ดึงเก้าอี้ตัวหนึ่งมานั่งอย่างสบายใจ
“มันก็เหมือนกับยาพิษที่คุณเอาให้ผมกินเมื่อกี้ หนอนกู่ตัวนี้ของผมมันจะฝังเข้าไปในตัวคุณ นอกซะจากว่าคุณจะได้รับยาถอนพิษที่มีผลต่อมันในทุกๆ เดือน ไม่อย่างนั้นในเวลาเพียงครึ่งชั่วโมง มันก็จะลามเข้าหัวใจจนตาย!”
ฮั่วยั่นจือพยักหน้าด้วยสีหน้าที่มืดมน ความยโสในใจได้ถูกทำลายไปอย่างสมบูรณ์แล้ว ภายใต้ความคิดที่วุ่นวายเธอก็ไม่ได้สงสัยในคำพูดของเย่เทียนแม้แต่นิดเดียว แค่คิดว่าตัวเองได้ถูกปล่อยหนอนกู่เข้าไปในร่างกายแล้วเท่านั้น
อีกอย่าง ความรู้สึกเจ็บที่แล่นมาจากอกเมื่อกี้มันก็เป็นการพิสูจน์ได้เป็นอย่างดีแล้วไม่ใช่เหรอ?
จากการที่ต้องการควบคุมเย่เทียน แล้วใช้ประโยชน์จากตรงนี้ในการยึดครองตระกูลซู แต่ไม่นึกเลยว่าตนจะถูกเย่เทียนควบคุมซะเอง ช่างเป็นการประชดที่แรงซะจริง!
“ตอนนี้ผมจะถามสถานการณ์บางอย่างจากคุณ หวังว่าคุณจะตอบผมตามความจริงนะครับ”
เย่เทียนจ้องมองฮั่วยั่นจือด้วยความลึกซึ้ง และพูดเตือนไปว่า “คุณเป็นคนที่ฉลาด ถ้าให้ผมรู้ว่าคุณโกหก คุณก็น่าจะรู้ว่าจะมีบทสรุปยังไงนะ!”
“อืม” ฮั่วยั่นจือพยักหน้าด้วยความขมขื่น
แม้แต่สิ่งเล็กๆ มดมันก็ยังรักชีวิต ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนเลย ถ้าไม่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่จนตรอกจริงๆ ก็ไม่มีใครยอมออกจากชีวิตที่สวยงามนี้ไปหรอก แล้วยังต้องพูดถึงฮั่วยั่นจืออีกเหรอ?
เหตุการณ์ต่อจากนั้นมันก็ง่ายขึ้นเยอะ ฮั่วยั่นจือที่คิดว่าตัวเองถูกเย่เทียนควบคุมด้วยกู่นั้น ต่อให้ในใจจะไม่ยินยอมแค่ไหน ก็ต้องยอมตอบคำถามของเย่เทียนไปตามตรง
แน่นอนว่า เย่เทียนก็ไม่ได้ยอมเชื่อฮั่วยั่นจือง่ายขนาดนั้น คำถามแบบเดียวกันได้ถามย้ำไปหลายครั้ง พอได้คำตอบที่เหมือนกันถึงได้ยอมเชื่อ
“ไม่นึกเลยว่าคุณจะมีโอกาสและวาสนาขนาดนี้ ถึงว่าทำไมคุณถึงได้ยโสแบบนี้”
เมื่อเข้าใจทุกอย่างแล้ว สายตาที่เย่เทียนมองฮั่วยั่นจือก็เปลี่ยนเป็นความชื่นชมขึ้นมา
ในที่สุดเขาก็ได้เข้าใจว่าทำไมฮั่วยั่นจือถึงได้หยิ่งยโสถึงขนาดนี้ ทำไมนักบู๊ระดับเหลืองสี่คนนั้นถึงยอมเชื่อฟังคำสั่งของเธออย่างเต็มใจ
ไม่ใช่ใดอื่น แต่เป็นเพราะฮั่วยั่นจือเป็นคนที่เรียนปรุงยานั่นเอง!
ถ้าว่าตามคำพูดของฮั่วยั่นจือ เมื่อหลายปีก่อนเธอเคยช่วยปรมาจารย์ปรุงยาที่บาดเจ็บสาหัสไว้คนหนึ่ง ถึงแม้สุดท้ายปรมาจารย์ปรุงยาคนนั้นจะไม่รอด แต่เขาก็ได้ทิ้งเคล็ดลับของการฝึกตนกับการปรุงยาไว้เล่มหนึ่ง!
ไม่เสียแรงที่ฮั่วยั่นจือเป็นถึงสาวมหัศจรรย์ ต่อให้ไม่มีใครคอยชี้แนะ ลำพังแค่การศึกษาด้วยตนเองก็สามารถก้าวสู่โลกของระดับเหลืองได้!
ไม่เพียงเท่านั้น เธอยังทดลองทักษะการปรุงยาไปได้!
แต่ว่า ลำพังแค่หนังสือเพียงเล่มเดียว จะไปเข้าใจทักษะการปรุงยาอย่างแท้จริงได้ยังไง?
ถึงแม้ว่าเธอจะสามารถปรุงยาออกมาได้สำเร็จ แต่ระดับมันก็ยังต่างกันมาก และไม่รู้ว่าระหว่างนั้นได้ล้มเหลวไปตั้งเท่าไหร่ ตอนนี้ก็ยังพอหยวนๆ ว่าเป็นคนที่ฝึกปรุงยาเท่านั้น
เพียงแต่ ด้วยสภาพของยุทธภพในตอนนี้ ปรมาจารย์ปรุงยาก็เป็นดั่งหมีแพนด้าที่เป็นสมบัติล้ำค่าของประเทศ ต่อให้เธอจะเป็นได้แค่คนที่ฝึกปรุงยา แต่ก็สามารถทำให้นักบู๊สี่คนยอมมารับใช้ได้!
“กินยาเม็ดนี้ลงไปซะ!”
เย่เทียนคลำไปที่ตัว ล้วงยาสีดำเขียวที่หอมฟุ้งไปด้วยกลิ่นยาออกมาเม็ดหนึ่ง แล้วโยนมันออกไป
ฮั่วยั่นจือรับยานั้นไว้ด้วยความอึ้ง สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างซับซ้อน และไม่ยอมกินมันลงไป
“คุณไม่ต้องห่วง มันคือยาเพิ่มพลัง นอกจากจะทำให้ความเร็วในการฝึกฝนของคุณเพิ่มขึ้นแล้ว มันยังส่งผลดีต่อการสร้างกล้ามเนื้อขึ้นมาใหม่ กระดูกเสริมสร้างขึ้นมาอีกครั้ง จนแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม!”
ทำไมเย่เทียนจะไม่รู้ว่าฮั่วยั่นจือกำลังคิดอะไรอยู่ จึงไปตอบไปด้วยรอยยิ้ม
การข่มขู่ก่อนหน้านี้คือไม้กระบอง ส่วนยาเพิ่งพลังในตอนนี้ก็คือแครอท การผสมผสานของบุญคุณและการข่มขู่สิที่เป็นหนทางที่มีประสิทธิภาพ!