ราชันเร้นลับ 451 : ผู้ไร้หน้า โดย Ink Stone_Fantasy
อาคารหมายเลข 15 ถนนมินส์ ภายในห้องครัวอับชื้นและค่อนข้างหนาว
ไคลน์พยายามรื้อหาหม้อต้มใบใหญ่ซึ่งตนเพิ่งซื้อมาได้ไม่นาน เมื่อหาพบ มันเปิดน้ำสะอาดใส่พร้อมกับใช้มือขัดถูทุกซอกมุม
จากนั้น ชายหนุ่มโยนก้านไม้ขีดไฟลงไปพร้อมกับดีดนิ้ว
เพลิงสีแดงอมส้มพลันลุกโชน แผดเผาหยดน้ำตกค้างทั้งหมด จนระเหยไปในอากาศโดยไม่เหลือไว้แม้แต่หยดเดียว
เนื่องจากในคราวนี้ สูตรโอสถไม่มีน้ำสะอาดเป็นส่วนผสม จึงต้องตั้งใจมากกว่าสองครั้งก่อนอย่างมาก ไคลน์ต้องการให้ทุกสิ่งออกมาสมบูรณ์ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความล้มเหลวตามมา
แม้จะทำนายยืนยันแล้วว่า การปรุงโอสถครั้งนี้จะไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะออกมาสำเร็จลุล่วงเช่นกัน
เทคนิคการสกัดวัตถุดิบหลักออกจากโอสถคงไม่ง่ายรัก อาจต้องใช้วิธีพิเศษ หรือพิธีกรรมบางชนิด คล้ายกับการดึงจิตกัดกร่อนออกจากดวงตาดำล้วนของโรซาโก้ และถ้าดึงออกไม่สำเร็จ ไคลน์ก็จะไม่มีเงินพอสำหรับซื้อวัตถุโอสถชุดใหม่มาปรุงชดเชย
หลังจากเตรียมการพื้นฐานเรียบร้อย มันสูดลมหายใจยาวสุดปอด สายตาชำเลืองยังกล่องวัตถุดิบซึ่งถูกจัดเรียงไว้ตามขั้นตอน
สมองเค้นนึกสูตรโอสถในความทรงจำ :
ลำดับ 6 ผู้ไร้หน้า :
วัตถุดิบหลัก :
– ต่อมใต้สมองกลายพันธุ์ของนักล่าพันหน้า
– ตะกอนพลังของเงามืดหนังมนุษย์
วัตถุดิบรอง :
– โลหิตนักล่าพันหน้าแปดสิบมิลลิลิตร
– ยางต้นลำโพงดำห้าหยด
– ผงหญ้าเขี้ยวมังกรสิบกรัม
– เส้นผมของนากาทะเลลึกสามเส้น
ก่อนอื่น ไคลน์หยิบกล่องกระดาษแข็งซึ่งซื้อมาจากแวมไพร์เอ็มลิน ด้านในมีกองสำลีรองก้น และมีหลอดแก้วบรรจุโลหิตนักล่าพันหน้าจำนวนหนึ่งร้อยมิลลิลิตร
สายตาเพ่งมองมาตรวัดข้างขวด ปลายนิ้วออกแรงบิดเปิดฝา ตามด้วยการบรรจงเทลงหม้อด้วยข้อมือไม่สั่นคลอน ของเหลวดังกล่าวจะเปลี่ยนสีตลอดเวลาตามแต่มุมของแสงตกกระทบ
ในฐานะวัตถุดิบเสริม ไคลน์มองว่าแค่กะเกณฑ์ด้วยสายตาก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องเทในปริมาณแม่นยำมากนัก อย่างให้ถึงขั้นต้องพึ่งพาอุปกรณ์หยดทางวิทยาศาสตร์
โลหิตนักล่าพันหน้าไหลลงก้นหม้อในลักษณะเหนียวหนืดคล้ายน้ำผึ้งเจือจาง เพียงไม่นานก็เริ่มเต็มก้นหม้อ ผ่านไปสักพัก ไคลน์ยกขวดตั้งตรงและหมุนเกลียวปิดฝากลับคืน
ยังเหลืออีกยี่สิบมิลลิลิตร สัมผัสวิญญาณของเราแม่นยำทีเดียว…
ไคลน์เบือนสายตาออกจากก้นขวดแก้ว นิ้วบิดหมุนฝาปิดจนแน่นหนา
โลหิตนักล่าพันหน้าอีกยี่สิบมิลลิลิตรยังนับว่ามีมูลค่าสูง สามารถนำไปสร้างสมบัติวิเศษ อาวุธวิเศษ ม้วนคาถาเวทมนตร์ หรือใช้วาดเป็นสัญลักษณ์ในพิธีกรรมเฉพาะ ซึ่งต้องการพลังวิญญาณก็ยังได้
หลังจากนำขวดแก้วเก็บคืนกล่องกระดาษแข็งซึ่งรองด้วยสำลี ไคลน์ไล่ตามขั้นตอนในสูตรโอสถอย่างละเอียด เริ่มจากการเทยางต้นลำโพงดำและผงหญ้าเขี้ยวมังกรลงไปตามลำดับ และไม่ต้องรอนาน การเปลี่ยนแปลงแรกเริ่มขึ้นทันที ของเหลวในหม้อเหล็กกำลังผุดฟองอากาศเป็นระยะ
โดยไม่รีรอ ไคลน์ใช้มือขวาซึ่งสวมถุงมือหนังสีดำ หยิบเส้นผมนากาทะเลลึกสีน้ำเงินเข้มคล้ายงูตัวเล็กจำนวนสามเส้น และบรรจงวางลงไปบนผิวของกลุ่มก้อนของเหลว
ฉ่า!
หมอกควันเจือจางพลันคละคลุ้งลอยขึ้นเหนือปากหม้อเหล็ก เหลวด้านในเริ่มกลายเป็นสีน้ำเงินเข้มกรมท่า
ยังไม่ทันใส่วัตถุดิบหลักก็เกิดการเปลี่ยนแปลงแล้ว? สมกับเป็นโอสถลำดับ 6…
ไคลน์เหยียดแขนขวาออกไปเพื่อหยิบกล่องดีบุก สิ่งนี้ก็ซื้อมาจากเอ็มลิน·ไวท์เช่นกัน
แกร่ก! มันเปิดผาสำเร็จ และพบวัตถุลักษณะคล้ายลูกท้ออยู่ด้านใน
ชายหนุ่มไม่ใช้มือสัมผัสโดยตรง ทำเพียงเหยียดแขนขวาไปกลางหม้อ และบิดข้อมือคว่ำกล่องดีบุกลง
ด้วยอำนาจแรงโน้มถ่วง วัตถุสีเหลืองอมน้ำตาลซึ่งเต็มไปด้วยร่องลึกและริ้วรอยจำนวนมาก มองผิวเผินคล้ายสมอง หล่นลงไปบนของเหลวสีน้ำเงินเข้มกรมท่าก้นหม้อ
เรื่องน่าประหลาดก็คือ ของเหลวในหม้อมิได้กระเซ็นจากแรงปะทะ จนกระทั่งผ่านไปสักพัก ต่อมใต้สมองของนักล่าพันหน้าเริ่มละลายรวมกับของเหลวอย่างเงียบงัน
สีเทา น้ำตาล และเหลือง เริ่มผสานเข้าเป็นเนื้อเดียวกับของเหลวสีกรมท่า ฟองอากาศในหม้อเริ่มขยายขนาดขึ้นจากเดิม
มาถึงจุดนี้ ไคลน์ค่อนข้างประหวั่น แต่มันฝืนสะกดอารมณ์ตัวเอง แขนเอื้อมหยิบกล่องสุดท้ายซึ่งบรรจุเพชรเม็ดเท่าฝ่ามือ มีใบหน้ามนุษย์จำนวนมากซ้อนทับด้านใน
มันใช้มือเทลงไปในหม้อต้มทั้งอย่างนั้น
โดยไม่ต้องรอนาน กลุ่มหมอกซีดจางเหนือปากหม้อเริ่มทวีความเข้มข้น ในเวลาเดียวกัน คล้ายกับแสงตะเกียงถูกหมอกเหล่านั้นขโมยความสว่างไป บรรยากาศภายในห้องเริ่มสลัวเมื่อเทียบกับช่วงแรก
จนกระทั่งทุกสิ่งกลับสู่สภาพเดิม ไคลน์ยืนจ้องผลผลิตสุดท้ายของโอสถอย่างตื่นเต้น
ของเหลวเนื้อเดียวสีเขียวอมดำ ผุดฟองอากาศขนาดเท่าดวงตาตลอดเวลา และยังส่งเสียง ‘เรอ’ เป็นระยะราวกับมีชีวิต
เมื่อฟองอากาศลอยขึ้นถึงผิวน้ำ พวกมันจะระเบิดแตกตัวพร้อมกับสร้างสีสันฉูดฉาดจำนวนมาก
สีสันนานับชนิดรวมตัวกันเป็นเค้าโครงใบหน้ามนุษย์แบบสุ่มไม่ซ้ำเดิม
ไคลน์ใช้มือข้างหนึ่งยกด้ามจับหม้อต้ม ส่วนอีกข้างจับขวดแก้ว ซึ่งเตรียมไว้ล่วงหน้าสำหรับบรรจุโอสถ ชายหนุ่มบรรจงเทอย่างระมัดระวัง และด้วยความพิเศษของโอสถ ของเหลวทุกหยดจึงติดกันเป็นเนื้อเดียว ไม่หลงเหลือสิ่งตกค้างไว้ก้นหม้อ
เมื่อลองใช้พลังทำนายซักถาม ผลลัพธ์ระบุชัดเจนว่า มีอันตรายเล็กน้อย แต่อยู่ในขอบเขตรับได้ สิ่งนี้ช่วยยืนยันว่า โอสถในขวดไม่ใช่ผลผลิตล้มเหลว
ไคลน์หยิบขวดแก้วบรรจุโอสถผู้ไร้หน้าและเดินขึ้นไปยังชั้นสองของตัวบ้านอย่างระมัดระวัง ผ้าม่านถูกปิดมิดชิด
เมื่อลงกลอนประตูห้องเสร็จ ชายหนุ่มเดินไปนั่งบนขอบเตียง มันอาศัยการเข้าฌานจนอาการกระวนกระวายและวิตกเริ่มบรรเทา
หลังจากนั่งทำใจราวสิบวินาที ไคลน์ตัดสินใจหนักแน่น มือขวาชูขวดแก้วโอสถ มือซ้ายบิดเปิดฝาและกระดกเข้าปากรวดเดียวหมด
ความรู้สึกซาบซ่านพลันแล่นผ่านช่องปากและหลอดอาหาร ถัดมา ความซาบซ่านได้ทวีความรุนแรงจนกลายเป็นอาการเหน็บชา ร่างกายไคลน์เริ่มสูญเสียประสาทสัมผัสไปทีละอย่างสองอย่าง
จิตของชายหนุ่มถูกกระชากออกจากร่างอย่างกะทันหัน มันกลายเป็น ‘ผู้ชม’ ซึ่งมองเห็นดวงตา ใบหู ริมฝีปาก และจมูกของตัวเองจากมุมมองของบุคคลภายนอก
อวัยวะทั้งหมดกำลังละลาย
ใบหน้าของไคลน์กำลังละลาย!
ภายในระยะเวลาเพียงสองสามวินาที ใบหน้าไคลน์กลายเป็นวัตถุสภาพกึ่งของเหลว คล้ายขี้ผึ้งสีขาวถูกความร้อนหลอมละลาย เป็นเช่นนี้กับทุกส่วนของร่างกาย พวกมันมีลักษณะเหลวข้นราวกับถูกเลือดในตัวแผดเผา
ปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้…!
ไคลน์พลันตระหนักว่า หากตนไม่ควบคุมสถานการณ์ อีกไม่นานคงได้เกิดอาการคลุ้มคลั่งเป็นแน่
ในภาวะ ‘ผู้ชม’ มันพยายามดึงจิตของตัวเองกลับเข้าร่างอย่างสุดฝีมือ ขณะเดียวกันก็ต้องแบ่งสมาธิเพื่อสร้างลูกบอลแสงสำหรับเข้าฌาน
หลังจากพยายามยื้อยุดอยู่หลายยก ไคลน์ดึงจิตกลับเข้าไปในร่างสำเร็จเป็นครั้งแรก การควบคุมเริ่มกลับคืนมาเล็กน้อย มันรู้สึกว่าตัวเองกลับเป็นเจ้าของร่างอีกครั้ง
แต่การต่อสู้ยังคงดำเนินไปอีกหลายยก ชายหนุ่มถูกกระชากจิตออกจากร่าง และต้องดิ้นรนกลับเข้าไปใหม่ ใบหน้าหลอมละลายราวกับเทียนไขไหม้ พยายามก่อตัวกลับเป็นรูปทรงเดิมอย่างยากลำบาก
แต่จนแล้วจนรอด การต่อสู้ก็ต้องมีผู้ชนะ ไคลน์ได้รับสิทธิ์ปกครองร่างกลับคืนมาอย่างสมบูรณ์ ประสาทสัมผัสเริ่มคืนค่าทีละนิด
ในวินาทีนี้ ชายหนุ่มสัมผัสได้อย่างแจ่มชัดว่า ตนสามารถทะลวงด่านพลังขึ้นมาถึงลำดับ 6 บนเส้นทางเรียบร้อยแล้ว
ผู้ไร้หน้า!
หน้าผากไม่ผุดเหงื่อสักเม็ด แต่จิตใจกำลังอ่อนเพลียสุดขีด มันฝืนพยุงตัวลุกยืน ลากสังขารมาหยุดหน้ากระจกเต็มบาน หวังยลโฉมปัจจุบันของตนให้หายเหนื่อย
ท่ามกลางแสงสลัวจากตะเกียงแก๊ส ชายพลันหนุ่มโซเซถอยหลังสองก้าว พร้อมกับล้มก้นจ้ำเบ้าเสียงดังโครม
ภาพในกระจกสยดสยองเหนือคำบรรยาย!
ผิวหนังและใบหน้าทั้งหมดของไคลน์ กำลังถูกปกคลุมด้วยตุ่มเนื้อสีซีดเม็ดเล็ก เบียดเสียดกันเป็นจำนวนมหาศาล!
ไม่ว่าสิ่งมีชีวิตประเภทใด หากได้เห็นรูปลักษณ์ปัจจุบันของไคลน์เข้า เกือบทั้งหมดคงเกิดอาการสะอิดสะเอียนเจียนตาย ยิ่งถ้าเป็นสิ่งมีชีวิตประเภทอ่อนแอ อาจถึงขั้นหมดสติกลางอากาศเลยทีเดียว
แม้ว่าเราจะทราบเทคนิคสวมบทบาทและ ‘กฎ’ อย่างแจ่มชัด แม้จะย่อยโอสถนักมายากลจนสมบูรณ์แบบ แต่การเลื่อนเป็นลำดับ 6 กลับยากลำบากและอันตรายผิดคาด ห่างจากอาการคลุ้มคลั่งเพียงไม่กี่ก้าว…ได้แต่นึกสงสัยว่า ผู้วิเศษปรกติซึ่งไม่ทราบเทคนิคสวมบทบาท อาศัยการเลื่อนลำดับเมื่อครบกำหนดเวลา จะต้องเผชิญอันตรายเพียงใดในการเสี่ยงเลื่อนลำดับ 6 โอกาสคลุ้มคลั่งต้องสูงกว่าเราหลายเท่าแน่…ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ทำไมโบสถ์ถึงมีสมาชิกลำดับ 7 อยู่มากมาย ถึงขั้นได้เป็นหัวหน้าทีมและบิชอปตามมุขมณฑลในเมืองห่างไกล แต่ในทางกลับกัน ลำดับ 6 ขึ้นไปกลับมีเพียงหยิบมือเดียว…
ไคลน์ฝืนพยุงตัวเดินไปนั่งบนเก้าอี้
ด้วยความช่วยเหลือจากภาวะเข้าฌาน มันสามารถระงับพลังวิญญาณส่วนเกิน ซึ่งกำลังพรั่งพรูออกนอกร่างกาย ให้ไม่รั่วไหลออกไปจนสำเร็จ อาการเหน็ดเหนื่อยเริ่มบรรเทาลงหลายส่วน
ผ่านไปราวสิบนาที ตุ่มเนื้อทั่วร่างเริ่มผสานเป็นหนึ่งเดียวกับผิวหนังอย่างสมบูรณ์
ฟู่ว! ไคลน์ถอนหายใจยาว สองเท้าก้าวไปหากระจกเงาเต็มบาน สายตาเพ่งมองรูปลักษณ์ตัวเองในสภาพหนวดเคราดกดำ
ทันใดนั้น ใบหน้าชายหนุ่มเริ่มยุบพองอย่างน่าขยะแขยง ลักษณะคล้ายกับขี้ผึ้งละลาย ก่อนจะแข็งตัวฉับพลันในเวลาถัดมา
เพียงสองวินาที ไคลน์เปลี่ยนตัวเองกลับไปเป็นรูปลักษณ์เก่า ผมดำขลับ ดวงตาสีน้ำตาลเข้ม ใบหน้าเกลี้ยงเกลาแต่ไม่โดดเด่น โครงหน้าคมชัด ร่างกายผอมบาง กลิ่นอายนักวิชาการเต็มเปี่ยม
ไคลน์·โมเร็ตติ
หลังจากจ้องหน้าเก่าสักพัก ชายหนุ่มใช้ฝ่ามือขวากดลงบนใบหน้าอย่างอ่อนโยน
โครงหน้าเริ่มเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง สันจมูกสูงโด่งเด่นชัด ริมฝีปากบางเฉียบ แผ่กลิ่นอายความสง่างามและทระนงตนอย่างเต็มร้อย ไม่ใช่ใครนอกจากแวมไพร์หนุ่ม เอ็มลิน·ไวท์
เตี้ยไปหน่อยแฮะ…มันขำตัวเอง
ทันใดนั้น เสียงกระดูกพลันลั่นโครมคราม เส้นเอ็นเกิดการยืดหด และไม่ต้องรอนาน ส่วนสูงของไคลน์เพิ่มขึ้นจากเดิมเล็กน้อยอย่างน่าอัศจรรย์
ขณะเดียวกัน เรายังสามารถจดจำรูปโฉมและบุคลิกท่าทางของคนรู้จักได้อย่างละเอียด รวมไปถึง ‘กลิ่น’ พิเศษของพวกเขาด้วย…
ไคลน์ทดสอบขยับรูขุมขน ส่งผลให้กลิ่นกายเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย
สายตามองกลับไปทางกระจกเงาเต็มบานอีกครั้ง เส้นผมบนศีรษะเริ่มเถิกล้านทีละนิด ตาดำเปลี่ยนเป็นสีเทาเข้มลุ่มลึก
ดันน์·สมิธกลับมาปรากฏตัวบนโลกอีกครั้งโดยไม่ให้สุ้มเสียง ดวงตาของหัวหน้าหน่วยเหยี่ยวราตรีแห่งทิงเก็น จ้องมองมายังลูกน้องอย่างเป็นมิตรพลางรอฟังรายงานประจำวันเหมือนทุกที
ชายหนุ่มถอนหายใจหดหู่ มือขวาลูบหน้าเพื่อเปลี่ยนกลับเป็นนักสืบเชอร์ล็อก แต่มุมปากยังคงยกโค้งอย่างมีเลศนัย
มันนึกเรื่องน่าสนุกขึ้นได้
ไคลน์ถอยหลังสองก้าวเพื่อกลับไปมองปกนิตยสารสตรี ‘สุนทรียศาสตร์แห่งหญิงสาว’ ซึ่งซื้อมาเพื่อเชยชมความงามของกุลสตรีในยุคปัจจุบัน มันเพ่งมองและพยายามจดจำใบหน้าของนางแบบบนหน้าปกสักพัก
จากนั้นก็เดินกลับมายังหน้ากระจกเงาและใช้มือขวาลูบหน้าแผ่วเบา
เมื่อมองอีกครั้ง ไคลน์ได้พบหญิงสาวหน้าตางดงามเลอโฉม ผมดำขลับสั้นประบ่า
ได้ผลแฮะ… ไคลน์ก้มมองหน้าอกตัวเองตามสัญชาตญาณ แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อพบว่าไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง
แต่มันก็มีทางแก้ ชายหนุ่มเคลื่อนย้ายไขมันและเนื้อบางส่วนมาถมอกจนได้คัพ A
อย่างไรก็ตาม สำหรับช่วงล่าง มันจนปัญญาจะปลอมแปลง
สรุปได้ว่า ผู้ไร้หน้าเปลี่ยนได้แค่เปลือกนอก ไม่เกี่ยวข้องกับภายใน…เราสามารถยืดหรือหดความสูงได้ไม่เกินสิบเซนติเมตร ถ้ามากกว่านี้คงลำบากสักหน่อย…เราไม่สามารถหดหรือขยายศีรษะได้มากนัก อย่างน้อยก็มิอาจเลียนแบบศีรษะของหลวงพ่อยูทรอฟสกี้เจ้าของส่วนสูง 2.2 เมตรได้…เราสามารถจดจำรูปกายภายนอกของคนแปลกหน้าได้ทันทีเมื่อแรกเห็น ต่อให้ไม่รู้จักกันเลยก็ตาม แต่ข้อเสียคือ หากไม่เลียนแบบบุคลิกให้ดี จะมีโอกาสถูก ‘ผู้ชม’ ตรวจพบความผิดปรกติได้ในง่ายมาก เหมือนกับกรณีของคีลิงเกอร์… ชักน่าสนใจแล้วสิ ลำดับ 8 ตัวตลกมีพลังชนะทาง ‘ผู้ชม’ แต่ลำดับ 6 ผู้ไร้หน้า กลับมีพลังแพ้ทางพอสมควร…
คิดมาถึงจุดนี้ ไคลน์หยุดแปลงร่างเล่นและเปลี่ยนกลับไปเป็นนักสืบเชอร์ล็อก
พลังทำนาย สมรรถภาพร่างกาย และเวทมนตร์ ทั้งหมดถูกยกระดับขึ้นมาก แต่ยังระบุแน่ชัดไม่ได้ว่ามากแค่ไหน ต้องทดสอบในสโมสรครักซ์ดูก่อน ไว้พรุ่งนี้ค่อยเดินทางไป…
ไคลน์สำรวจตัวเองเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะเดินลงมายังชั้นล่างเพื่อเก็บกวาดห้องครัว
หลังจากจัดการเสร็จ ชายหนุ่มล้างหน้าแปรงฟันและคลานเข้าไปมุดผ้าห่ม
บนเตียง สายตาจ้องมองจันทร์แดงด้วยจิตใจผ่อนคลายและสงบนิ่ง
ไม่กี่นาทีถัดมา ไคลน์หลับตาลง ฉีกยิ้มกว้างอย่างมีความสุข และพูดกับตัวเอง
ราตรีสวัสดิ์ ผู้ไร้หน้า
……………………