ตอนที่ 960 แปลกปลอมผ่านด่านไป
หยางโปพยักหน้า ” ถ้านายอยากจะเรียนก็ได้นะ ช่วงนี้ฉันกับหลูตงซิงได้ตำราลับมาเล่มหนึ่งล
สอนนายให้ฝึกบำเพ็ญเพียรได้ ”
ลัวย่าวหัวมีสีหน้าดีใจมาก ” จริงเหรอ ? ได้จริงๆเหรอ ? ”
หยางโปพยักหน้า “ ได้ นายวางใจได้ ! ”
“ แล้วเราจะเริ่มกันเมื่อไหร่ ? ” ลัวย่าวหัวถามอย่างอดไม่ได้
หยางโปครุ่นคิดเล็กน้อย “ เรื่องนี้ไม่ต้องรีบร้อน เดี๋ยวกลับไปฉันจะเอาตำราลับมาให้นาย
และรอให้นายอ่านสักสองสามวันก่อนแล้วค่อยมาพูดกันอีกที ”
ลัวย่าวหัวมีสีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น แทบจะอดทนรอไม่ไหวอย่างเห็นได้ชัด
“ เร็วเข้า เร็วเข้า ! ยังจะรออะไรอยู่อีก ? สติปัญญาอย่างฉัน ตอนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่หนึ่ง
ปีที่สอง ฉันได้คะแนนเต็มหมดเลย มีคะแนนแบบนี้ ดูแวบเดียวก็เข้าใจแล้ว ! ”
หยางโปมองหน้าลัวย่าวหัวอย่างจนปัญญา แต่ก็ไม่พูดอะไร
จัดห้องให้ลัวย่าวหัวแล้ว และเก็บกวาดของอีกนิดหน่อย หยางโปก็เรียกให้เหยียนหรูหยูไปกินข้าวด้วยกัน เขาพอจะเดาได้ว่าที่เหยียนหรูหยูติดตามเขามาน่าจะเหมือนกับเยว่จวิ้นเหยา
ที่อยากจะมาสัมผัสกับประสบการณ์ในโลกภายนอก
แต่หยางโปกลับไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมาฝึกฝนหาประสบการณ์ในโลกภายนอก และถึงกับไม่เข้าใจเหตุผลในจุดนี้เสียเลยด้วยซ้ำ สำหรับเขาแล้ว ถ้ามีจิตใจที่ใสบริสุทธิ์สม่ำเสมอ ความเร็วในการฝึกบำเพ็ญเพียรไม่ใช่ว่าจะยิ่งเร็วขึ้นกว่าหรอกเหรอ ? การมาฝึกฝนหาประสบการณ์ในโลกอันกว้างใหญ่นี้ ถ้าหากเกิดตกอยู่ในห้วงแห่งความรักขึ้นมา ก็จะไม่มีทางจดจ่ออยู่แต่กับการฝึกฝนได้
แถมมันก็จะกลายเป็นเรื่องยุ่งยาก !
ในใจก็พอที่จะคาดเดาได้ หยางโปจึงวางแผนนัดฮัวชิงหยุนออกมาด้วย เพื่อพูดเรื่องนี้ให้ชัดเจน เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่จะเกิดตามมาในภายหลัง อย่างน้อยก็จะได้ไม่เกิดเหตุการณ์อย่างเยว่จวิ้นเหยาครั้งก่อน
เมื่อได้ยินหยางโปเรียกให้เธอออกไปกินข้าว เหยียนหรูหยูก็เงยหน้าขึ้นมองหยางโป
” ฉันไม่หิว ”
“ ไม่หิวงั้นเหรอ ? ” หยางโปนิ่งอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง “ ทำไมไม่หิวล่ะ ? เมื่อวานคุณไม่ได้กินข้าว
วันนี้ก็ไม่ได้กินมาทั้งวัน จะไม่หิวได้ยังไงกัน ? ”
เหยียนหรูหยูยังคงส่ายหน้า “ พวกคุณออกไปกินข้าวเถอะ ไม่ต้องสนใจฉัน ถ้าฉันหิว ฉันจะหากินเอง ”
ลัวย่าวหัวถูกตำราลับที่หยางโปพูดให้ฟังดึงดูใจ เวลานี้คิดแค่ไปจะกินข้าวเย็นให้เสร็จให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อกลับมาเอาตำราลับมาไว้ในมือ ดังนั้นเขาจึงรีบพูดเร่งเร้า “ สาวน้อย เร็วหน่อย คนเราไม่กินข้าวไม่ได้นะ ! ยังไงซะคนเราก็ต้องกินข้าว ! ”
ไม่รู้ว่าประโยคไหนที่ไปสะกิดใจเหยียนหรูหยูเข้า เธอถึงกับอึ้งไปครู่หนึ่ง “ อ้อ งั้นก็ไปกินข้าวกัน ”
ลัวย่าวหัวหันไปเลิกคิ้วให้กับหยางโปและพูดด้วยรอยยิ้ม “ เป็นไงล่ะ ? นายทำไม่ได้ใช่ไหมล่ะ ? ”
หยางโปรู้สึกสะกิดใจขึ้นมาเล็กน้อย แต่กลับไม่ได้พูดอะไรมาก
ไม่นาน ทั้งสามคนก็ลงจากตึกมาขึ้นรถ หยางโปพาพวกเขามาถึงที่โรงแรม ฮัวชิงหยุนได้มานั่งรออยู่แล้วในห้องวีไอพี
เมื่อเห็นหยางโปเดินเข้ามา ฮัวชิงหยุนก็รู้สึกทั้งแปลกใจและดีใจเอามากๆ รีบลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว ” นายกลับมาแล้วเหรอ ! ”
หยางโปยิ้ม “ ฉันกลับมาแล้ว ”
หยางโปกำลังจะเอ่ยปากพูดมากกว่านั้น แต่จู่ๆก็เห็นฮัวชิงหยุนหุบยิ้ม เขาจึงหันกลับไปดูเมื่อเห็น ลัวย่าวหัวและเหยียนหรูหยูเดินตามเข้ามา เขาก็รีบเอ่ยปากแนะนำทันที “ ลัวย่าวหัว คงไม่ต้องแนะนำแล้ว นี่คือคุณเหยียนหรูหยู เธอเป็นเพื่อนของย่าวหัว ”
ฮัวชิงหยุนฝืนยิ้มออกมา แต่สายตายังคงจับจ้องไปที่เหยียนหรูหยูตลอดเวลา “ สวัสดี ”
เหยียนหรูหยูดูไม่ค่อยจะคุ้นชินกับผู้คน พยักหน้าแต่ไม่ได้พูดอะไร
จากนั้นทุกคนต่างก็แยกย้ายไปนั่งที่ตัวเอง หยางโปสั่งอาหารแล้วถึงได้เริ่มพูดคุยกัน
บทบาทที่หยางโปเชิญลัวย่าวหัวกลับมาก็ปรากฏออกมาในที่สุด เขาพูดแทรกไม่หยุดทำให้บรรยากาศในโต๊ะอาหารไม่ดูอึดอัดจนเกินไป
อาหารถูกทยอยนำมาเสิร์ฟทีละอย่าง ลัวย่าวหัวคอยคะยั้นคะยอให้เหยียนหรูหยูกินให้มากๆหน่อย เหยียนหรูหยูจึงพยักหน้าตอบ แต่กลับไม่หยิบแม้แต่ตะเกียบขึ้นมาเลยด้วยซ้ำ ดื่มเพียงน้ำเท่านั้น จ้องมองแต่อาหารบนโต๊ะ โดยที่ไม่พูดอะไร
ฮัวชิงหยูมองเหยียนหรูหยูอยู่สักพัก จากนั้นถึงได้กระซิบเสียงเบากับหยางโป ” ฉันคิดว่าเธอมีลักษณะคล้ายกับเยว่จวิ้นเหยา ”
“ จะเป็นไปได้ยัง ? ” หยางโปเอ่ยออกมา แต่เขากลับแอบหวาดหวั่น เพราะเขารู้สึกว่าเหยียนหรูหยูมีลักษณะท่าทีเหมือนคนที่ฝึกฝนพลัง แต่บนตัวของเธอกลับไม่มีร่องรอยของพลังอยู่เลยแม้แต่น้อย มันน่าแปลกเกินไป
เมื่อเห็นว่าเหยียนหรูหยูไม่ยอมกินข้าว ลัวย่าวหัวก็รินเครื่องดื่มให้เธออย่างเอาใจอีกครั้ง
จากนั้นก็ยกไปวางไว้ตรงหน้าให้เธอ
เหยียนหรูหยูแค่ยกขึ้นมาดื่มไปหนึ่งอึก แต่น้ำผลไม้ค่อนข้างรสเปรี้ยว เธอจึงดื่มไปแค่อึกเดียว
แต่ก็อดไม่ได้ที่จะบ้วนออกมา ” นี่มันคืออะไร ? ”
“ น้ำส้มไง ทั้งเปรี้ยวทั้งหวาน อร่อยมากเลยนะ ! ” ลัวย่าวหัวกล่าว
เหยียนหรูหยูส่ายหน้า ” ฉันดื่มน้ำเปล่าดีกว่า ! ”
บรรยากาศดูค่อนข้างจะจืดชืดและเย็นชา ท่าทางที่เย็นชาของเหยียนหรูหยู ทำให้ทุกคนรู้สึกค่อนข้างที่จะอึดอัด
ลัวย่าวหัวหัวเราะ “ ไม่ชอบก็ไม่เป็นไร ที่แท้คุณก็ชอบแค่น้ำเปล่านี่เอง ! ”
ฮัวชิงหยุนเหลือบมองไปที่เหยียนหรูหยู ” ฉันยังคิดว่าเธอดูคล้ายกับ เยว่จวิ้นเหยามากจริงๆ ”
“ เหมือนเหรอ ? ฉันดูไม่เห็นออก แต่ย่าวหัวก็ลำบากแล้วล่ะ ” หยางโปกล่าว
ฮัวชิงหยุนพยักหน้าและหันไปทางลัวย่าวหัวอย่างเห็นใจ การตามจีบผู้หญิงแบบนี้ มันคงลำบากมากจริงๆ !
ลัวย่าวหัวรู้สึกไม่รู้ว่าต้องทำยังไง เขาหันไปเขยิบตาให้หยางโปแล้วหันไปเอาอกเอาใจเหยียนหรูหยูต่ออีก
แต่เหยียนหรูหยูกลับไม่ยอมร่วมมือกับเขาสักเท่าไร
หลังจากกินข้าวเย็น หยางโปก็ส่งฮัวชิงหยุนกลับมหาลัย จากนั้นถึงได้เหลือบมองลัวย่าวหัว “ ลำบากนายแล้ว ”
ลัวย่าวหัวรู้สึกขุ่นเคืองใจ ” ฉันคิดว่าที่นายพูดมา ไม่มีความน่าเชื่อถือเลยสักนิด ”
“ วางใจได้ เดี๋ยวกลับไป ฉันจะเอาให้นายเอง ” หยางโปกล่าว
เมื่อเขากลับมาถึงบ้าน หยางโปก็หยิบ ( คัมภีร์ไท่เก๊ก ) ส่งให้ลัวย่าวหัว ” อ่านดูดีๆ เดี๋ยวฉันจะอธิบายให้นายฟังอีกรอบ รอจนนายไม่สงสัยแล้ว ค่อยมาเริ่มกัน ”
“ ต้องซับซ้อนขนาดนั้นเลยเหรอ ? อาศัยแค่ประสบการณ์ของฉันที่ได้คะแนนเต็มตอนเรียนอยู่ชั้นประถม มันไม่จำเป็นต้องซับซ้อนขนาดนั้นเลย ! ” ลัวย่าวหัวเอ่ยออกมาอย่างไม่สนใจ
แม้จะพูดแบบนี้ แต่ลัวย่าวหัวก็ยังรับตำราลับมาอย่างระมัดระวังด้วยใบหน้าที่มีความสุขและตื่นเต้น
หยางโปรู้ดีว่าลัวย่าวหัวไม่ใช่คนทำอะไรบุ่มบ่าม ดังนั้นเขาจึงวางใจมากเช่นกัน
เหยียนหรูหยูไปอาบน้ำ ดูเหมือนเธอจะไม่ค่อยชอบสบู่อาบน้ำในห้องน้ำพวกนั้นสักเท่าไร
หลังจากอาบน้ำเสร็จ ก็สวมชุดเดรสขาวชุดนั้นอีกครั้ง
แสงไฟในห้องนุ่มนวล ขับให้สีผิวที่ขาวของเหยียนหรูหยูนั้นดูใสและเรียบเนียน ดูเหมือนจะเปล่งประกายออร่าออกมาทั้งตัว
เหยียนหรูหยูเหลือบมองมาทางด้านนี้ และดูเหมือนจะเห็นตำราลับในมือของลัวย่าวหัวเข้า
แต่แค่ชำเลืองมองโดยที่ไม่พูดอะไร และเดินกลับเข้าไปในห้อง
หยางโปถึงกับทำอะไรไม่ถูก เมื่อหันกลับไปเห็นลัวย่าวหัวมีสีหน้าอาการตกใจ เขาจึงตบไหล่ของเขาไปทีหนึ่ง “ ตื่น ตื่น ! ”
ลัวย่าวหัวหันกลับมามองหยางโปด้วยสีหน้าท่าทีตกใจ “ เป็นแบบนี้ไปได้ยังไงกัน ?
น่ากลัวมาก น่ากลัวมากจริงๆ ! ”
หยางโปนิ่งอึ้งไปทันที เมื่อสักครู่แค่เหยียนหรูหยูเดินผ่านหน้าพวกเขาไปเท่านั้น มันจะมีอะไรให้ต้องตกใจกัน ?
“ เมื่อสักครู่เหยียนหรูหยูไง สวยออกขนาดนั้น ไม่ใช่ว่าเธองามล่มเมืองหรอกหรือไง ? มันจะน่ากลัวไปได้ยังไงกัน ? ” หยางโปกระซิบถาม
ลัวย่าวหัวส่ายหัว ” นายไม่เห็นเหรอ ? ”
“ เห็นอะไร ? ” หยางโปมองหน้าลัวย่าวหัวด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความแปลกใจ