บทที่ 463 เย่จิ่งหาน จอมมารมาช่วย

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 463 เย่จิ่งหาน จอมมารมาช่วย
“ฟืด…….”

ทุกคนสูดหายใจด้วยความหวาดผวา

มีบางคนไม่กล้ามองดูสถานการณ์ที่น่าอนาถนั้น

มีบางคนตกใจจนร้องตะโกนเสียงดังขึ้นมา

มีบางคนร้องไห้ตะโกนอะไรอยู่

ทุกคนล้วนรู้ว่า กู้ชูหน่วนจบเห่แล้ว

นางกำลังอยู่ในช่วงอายุที่งดงาม ก็ต้องถูกทำลายในนี้แล้ว

ไม่รู้ว่าเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์พุ่งเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ หัวใหญ่ๆทั้งเก้าพยายามชนปะทะกับค่ายกลโหลฉาง แต่……ค่ายกลเพียงแค่ถูกสะเทือนไปสองสามครั้ง และยังคงเข้าไปไม่ได้ กลับถูกดีดออกมาอีก

สัตว์วิเศษมีจิตวิญญาณ หนึ่งครั้งไม่สำเร็จ ก็ชนปะทะเข้าไปอีกทีละครั้ง

และโชคดีที่เมื่อมันปะทะแล้ว เหล็กดัดอ่อนก็ช้าลงไปหน่อย ช่วยกู้ชูหน่วนยืดเวลาไว้ได้เล็กน้อย

อยู่เบื้องหน้าค่ายกลโบราณอันโหดเหี้ยม เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ก็ยังพยายามอย่างสุดกำลัง แต่ก็เปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ไม่ได้

ราวกับว่าเหล็กดัดอ่อนมีดวงตาเช่นนั้น ทั้งหมดโจมตีมาที่กู้ชูหน่วน คล้ายกับว่าจะบดนางให้เป็นเนื้อโคลนไปตรงนั้น

“ไม่……”

ผู้เฒ่าฮัวมีความคิดอยากจะตายแล้ว

ไม่ง่ายกว่าที่เขาจะได้รับหลานสาวผู้หนึ่ง หรือว่าจะต้องจากเขาไปอีกแล้วเช่นนั้นหรือ?

หรือว่าเขาถูกลิขิตให้เป็นคนที่ไม่เป็นมงคลงั้นหรือ

แล้วขณะที่กู้ชูหน่วนอยู่ระหว่างความเป็นความตาย ทันใดนั้นพลังฝ่ามืออันน่ากลัวสองแรงก็โจมตีเข้ามาอย่างฉับพลัน จากนั้นทันทีก็เป็นเสียงตะโกนร้องดังกึกก้อง

“อาหน่วน…..”

“พี่สาว……”

เจ้าของเสียงทั้งสองนี้มีพลังแห่งจักรพรรดิที่ยิ่งใหญ่ ทั้งน่าเกรงขามทั้งทรงพลัง เพียงแค่ได้ยินเสียงก็ทำให้คนอดไม่ได้ที่จะหมอบคลานลงไป

เพียงแต่ในเสียงนั้น มีความหวาดผวา มีความตึงเครียด ความกังวล และความกลัว ยากที่จะจินตนาการว่า บุคคลเช่นนี้ จะมีช่วงเวลาที่หวาดกลัวด้วยจริงๆ

“ตูม……”

เย่จิ่งหานและจอมมารหน้าตาเดือดดาล ใช้พลังทั้งหมดปล่อยฝ่ามืออกมา

พวกเขาแทบไม่กล้าจินตนาการว่า ผู้หญิงที่พวกเขารักและทะนุถนอมมากที่สุดจะได้รับบาดเจ็บไปทั่วทั้งตัว เลือดไหล แทบจะหมดลมล้มลงต่อหน้าพวกเขา

เลือดบนร่างกายของนาง แทบจะย้อมพื้นจนเป็นสีแดงแล้ว แม้แต่เส้นผมสีดำทั้งศีรษะของนางก็ไม่รู้ว่าเปียกโชกไปด้วยเหงื่อหรือเลือด ไหลหยดติ๋งติ๋งลงมา

ฝ่ามือทั้งสองนี้รุนแรงมาก พื้นดินล้วนถูกสั่นสะเทือนจนแตกร้าว เรือนพักร้อนชิวเฟิงสั่นไหวเหมือนจะถล่ม ราวกับได้เผชิญกับแผ่นดินไหวครั้งใหญ่

แต่ค่ายกล……ยังไม่ถูกทำลาย

เพียงแค่ฉีกออกเป็นรอยแยกเส้นหนึ่งเท่านั้น ไม่รอให้พวกเขาพุ่งเข้าไป รอยแยกก็ผสานกันใหม่อีกครั้ง

สิ่งเดียวที่โชคดีก็คือ เพราะพวกเขาลงมืออย่างกะทันหัน ทำให้กู้ชูหน่วนถูกสะเทือนออกไป หลบพ้นความตายจากเหล็กดัดอ่อนพอดี

กู้ชูหน่วนกระอักเลือดออกมาเต็มปาก นางกัดฟัน และหลบเลี่ยงเหล็กดัดอ่อนที่โจมตีเข้ามาอีกครั้ง ต่อสู้เหมือนสัตว์ที่ถูกขังอยู่ในกับดัก

“ค่ายกลแข็งแกร่งมาก เย่จิ่งหาน จิตใจของเจ้าช่างโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะใช้ค่ายกลอำมหิตเช่นนี้มาจัดการกับพี่สาว”

ดวงตาทั้งคู่ของเย่จิ่งหานแดงก่ำ ไม่สนในอาการบาดเจ็บบนร่างกายโดยสิ้นเชิง รวบรวมกำลังภายในทั้งหมดของร่างกายออกมา พยายามทำลายค่ายกลโหลฉางแล้วเข้าไปพานางออกมา

เขาได้จัดวางค่ายกลที่นี่จริงๆ

แต่ค่ายกลที่เขาจัดวางนั้นไม่ทรงพลังเพียงนี้

ค่ายกลโบราณอันโหดร้ายนี้ เกรงว่าจะเป็นคนรุ่นก่อนทิ้งไว้ เพียงแค่ก่อนหน้านี้เขาโชคดี ขณะที่จัดวางค่ายกลซ้อนค่ายกล ไม่ได้เปิดการทำงานของค่ายกลสังหารนี่ ไม่เช่นนั้นที่ถูกขังไว้ก็คงเป็นเขาแล้ว

แต่เขายอมให้คนที่ถูกขังเป็นเขา

เย่จิ่งหานกล่าวว่า “ค่ายกลแข็งแกร่งเกินไป อาศัยเพียงพวกเราคนใดคนหนึ่ง เกรงว่าจะไม่มีปัญญาทำลายค่ายกลได้ หากเจ้าต้องการช่วยนาง เช่นนั้นก็โจมตีไปที่จุดใดจุดหนึ่งพร้อมกันทั้งสองคน”

ที่ผ่านมาจอมมารดูถูกการกระทำของเย่จิ่งหาน และดูแคลนเย่จิ่งหาน

แต่สถานการณ์คับขัน เขาทำได้เพียงปล่อยวางความโกรธแค้นในอดีตลง ทุ่มกำลังทั้งหมดฉีกออกให้เป็นรอยแยกรอยหนึ่งพร้อมกับเขา

กำลังภายในที่แข็งแกร่งและทรงพลังทั้งสองเข้าไป แม้ว่าจะเป็นค่ายกลโบราณที่โหดเหี้ยม ก็ถูกฉีกออกเป็นรอยๆหนึ่ง

แต่ที่น่ากระอักกระอ่วนใจคือ เมื่อคนใดคนหนึ่งในพวกเขาคิดจะพุ่งเข้าไปช่วยเหลือกู้ชูหน่วนและคนอื่นๆ รอยแยกที่เปิดออกได้ไม่ง่ายนั่นก็จะปิดลงทันที