บทที่ 1595 - สงครามกับตระกูลถั่ว

Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล

บทที่ 1595 – สงครามกับตระกูลถั่ว

 

หลังจากที่ชิงสุ่ย เหลียนฟลิงเฟิง และหยินต่งอาบน้ําเสร็จพวกเขาได้ออกมานั่งที่ห้องโถงเพื่อพูดคุยกัน แต่ในเวล่นี้ยังไม่มีผู้หญิงคนไหนออกมา

 

หลังจากผ่านไปเกือบครึ่งชั่วยามผู้หญิงสองสามคนก็กลับมาออกมา และนั่งลงที่โต๊ะ

 

ก่อนที่ชิงสุ่ยจะกลับมาจากพระราชวังเทพสมุทร เขาได้สะสางเรื่องราวทั้งหมดที่นั่นแล้ว ดังนั้นชิงสุ่ยจึงจะไม่กลับไปที่นั่นในเร็ววัน

 

“ข้ากลัวว่าหลังจากนี้เราคงจะไม่สามารถเจรจากับตระกูลถั่วได้อีกต่อไปแล้ว ดังนั้นทุกคนต้องระวังตัวนะ “เหลียนหลิงเฟิงกล่าวขณะจิบเหล้า

 

“ข้าคิดว่า ตระกูลถั่วต้องมีผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง มิฉะนั้นเขาจะไม่กล้าทําตัวเช่นนี้ บางทีอาจเป็นพวกตระกูลต่างๆทที่เยประโยชน์ในการค้า” หยินต่งกล่าวหลังจากขบคิด

 

ในตอนนี้ชิงสุ่ยได้ยิ้มให้หยินด่ง เขาตระหนักได้ว่าระบบความคิดของหยินต่งได้ก้าวหน้าขึ้น อย่างมากในช่วงเวลาสั้นๆ ชิงรุ่นไม่น่าแปลกใจเลยทําไมเขาถึงได้รับเลือกให้เป็นว่าทายาทของเทพจิ้งจอก

 

“จริงดังที่หยินางพูด อาจมีคนอื่นๆที่สนับสนุนพวกเขาอยู่ ดังนั้นพวกเขาจึงได้ใช้ข้ออ้างเรื่องแต่งงานมามีเรื่องกับเรา “ชิงสุ่ย ยิ้ม

 

“พี่ใหญ่ทําไมท่านยังยิ้มได้อีกละ?” เสวี่ย นวกล่าวเมื่อได้เห็นรอยยิ้มของชิงสุ่ย

 

“เด็กน้อยหรือเจ้าอยากให้ร้องไห้กันละ?” ชิงส่ยมองไปที่เสวีย นั่วและกล่าว

 

เสวี่ย นั่วเงียบไปชั่วขณะ เธอรู้สึกท้อแท้กับคําพูดของชิงสุ่ย ในขณะที่พยายามที่จะสงบสติอารมณ์ลง

 

” ดูเหมือนว่าเราต้องรอดูท่าทีของพวกเขาไปก่อน 3วัน ว่าตระกูลถั่วจะทํายังไงต่อไป” เหยียนหลิงเฟิงขมวดคิ้ว

 

หยินต่งพยักหน้า “นั่นเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสําหรับพวกเราในตอนนี้”

 

“แล้วถ้าพวกเขาไม่เคลื่อนไหวละ?”

 

“สิ่งนั้นจะไม่มีทางเกิดขึ้น วันนี้พวกเราได้ทําลายจุดยืนและชื่อเสียงของพวกเขาไปแล้ว ซึ่งตระกูลถั่วนั้นเป็นตระกูลที่รักศักดิ์ศรีขอตัวเองอย่างมาก ดังนั้นไม่มีทางที่พวกเขาจะไม่เคลื่อนไหว “หยืนต่งยิ้มและกล่าว

 

“สิ่งที่เราควรจะกังวล ก็คือพวกเขาจะมาไม้ไหนกับเรามากกว่า” หยินต่งกล่าวต่อ

 

” อย่าได้คิดมาเลยอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด แยกย้ายไปพักผ่อนซะ เรายังมีเรื่องที่ต้องทําอีกมากมายในวันพรุ่งนี้ และไม่ต้องกังวลไป ตระกูลถั่วไม่สามารถทําไรเราได้หรอก ตราบใดที่ข้ายังมีชีวิตอยู่ “ชิงสุ่ยกล่าวก่อนที่จะลุกขึ้น

 

หลังจากคําพูดของชิงสุ่ยทุกๆคนค่อยๆลุกขึ้นและจากไป หลังจากทุกคนจากไปชิงสุ่ยได้กลับมานั่งมราโต๊ะอีกครั้ง

 

นี้ก็เป็นเวลานานแล้วที่เขาไม่ได้กลับไปที่ทวีปวิหกเพลิงร่ายระบําและทวีปมังกรอหังกาล เดิมที่ตามแผนเขาจะกลับไปที่นั้นหลังจากที่กลับมากจากตามหาอีเย้ เจี้ยนเก้อ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาต้องเลื่อนกําหนดการไปก่อน

 

สําหรับพระราชวังเทพสมุทรชิงสุ่ยได้วางตราประทับเอาไว้ ทําให้เขาสามารถกลับไปที่นั้นได้ ตามที่ต้องการ ยิ่งไปกว่านั้นเขายังใช้มันเป็นตัวเชื่อมในการเดินทางไปยังที่ต่างๆในแดนทะเลน้ําแข็งได้อีกด้วย เช่นเดียวกับเมืองหลินห่ายและจักรวรรดิฉิน เขาสามารถไปที่นั้นได้จากตราประทับที่เขาวางเอาไว้

 

วันที่สองเดินผ่านไปอย่างสงบ ความวุ่นวายภายในหอคอยจักรพรรดิยังคงเป็นดังเก่า แม้พวกเขาจะประกาศปิดก็ตาม แต่ก็มีผู้ปวยมาใช้บริการที่สวนหลังบ้านของพวกเขา

 

ในตอนนี้ชิงสุ่ยได้นั่งอยู่ที่ศาลาเพียงลําพัง อากาศของเมืองหลินห่ายนั้นค่อนข้างเย็น แต่ก็ยังมีแสงแดดที่สาดส่องอยู่ตลอดเวลา แต่มันก็ไม่มากพอที่จะให้ความอบอุ่น เพียงแค่ให้แสงสว่างเท่านั้น

 

ในตอนนี้ชิงสุ่ยได้ปิดตาอยู่ แต่ถึงอย่างไรสัมผัสการได้ยินของเขาก็ยังชัดเจน ในตอนนี้เสียงฝีเท้าของหลิงเพิ่งและหยินต่งได้หยุดลงข้างๆเขา ก่อนที่พวกเขาจะนั่งลง

 

“นี่พวกเจ้าทําอะไรกันทําไมถึงไม่ไปฝึกกันละ?” ชิงสุ่ยเปิดตาและถาม

 

“ข้ากําลังตระกูลนวอยู่ ทําไมพวกเขาถึงยังไม่มากันละ?”เหลียนหลิงเพิ่งกล่าวราวกับเขากําลังรอการต่อสู้อยู่

 

“นี่มันก็พึ่งผ่านไปเพียงครึ่งวันเอง เจ้าจะรีบร้อนไปไหน อย่าลืมสิพวกเขามีเวลาถึงสามวัน? ยิ่งไปกว่านั้นทําไมเจ้าไปเอาเวลาในตอนนี้ไปฝึกละหากเจ้าแข็งแกร่งขึ้นข้าจะได้ไม่ต้องเป็นกัง วลในยามต่อสู้ “ชิงสุ่ยยิ้มออกมาขณะมองไปที่เหลียนหลิงเพิ่ง

 

“หลิงเพิ่งนี้เจ้าอยากต่อสู้มากขนาดนั้นเชียว?” หยินตองถามด้วยรอยยิ้ม

 

“แน่นอนข้าจะให้พวกเขาได้รู้ว่าความสามารถที่จริงของเป็นอย่างไร” เหลียนหลิงเฟิงกล่าว

 

“ง่ายมาก งั้นเจ้ามาสู้กับข้าดูมั้ย” ชิงสุ่ยตอบด้วยรอยยิ้ม

 

“ไม่ๆ ไม่เป็นไร ข้าไม่อยากรู้แล้ว “เหลียนหลิงเพิ่งรีบกล่าวออกมาเมื่อได้ยินชิงสุ่ย หลังจากที่เขาได้รับการฝึกจากชิงสุ่ยมาอย่างหนักในก่อนนี้ มันให้เขานั้นรู้สึกหนาวสั่นไปถึงกระดูกสันหลัง ของเขา เพียงแค่นึกถึงมันๆก็มากพอแล้วที่เขาจะอยากหลบหนี้

 

“ไหนเจ้าว่าเจ้าอยากแสดงความสามารถของตัวเองไง ไหนกลายเป็นมาไม่กล้าในตอนนี้ “ชิงสุ่ยหัวเราะ

 

“ก็ได้ ข้าจะยอมเป็นกระสอบทรายให้เจ้า เหลียนหลิงเฟิงอย่างหมดหวัง

 

“เพียงแค่เจ้ายังไม่พอเป็นกระสอบทรายให้ข้าหรอก” ชิงสุ่ยยิ้มออกมา

 

“พี่ใหญ่ ได้โปรดให้เกียรติน้องชายตัวเล็กคนนี้หน่อย?”เหลียนหลิงเพิ่งกล่าวด้วยรอยยิ้ม 

 

ในตอนนี้เหลียนหลิงเพิ่งรู้สึกเจ็บไปหมดตั้ง แต่ศีรษะจรดปลายเท้าหลังจากที่ถูกตีด้วยชิงสุ่ยจนมีเลือดไหลซึมออกมา ในตอนนี้ฉีซีของจ้องมองที่ชิงสุ่ยราวกับจะฉีกกระชากเขา ก่อนที่เธอ จะพุ่งตรงไปที่เหลียนหลิงเฟิง

 

ในตอนนี้ชิงสุ่ยค่อยๆลูบจมูก แต่ไม่พูดอะไรออกมา

 

ถึงแม้ว่าเหลียนหลิงเพิ่งรู้สึกเจ็บปวดไปทั่วร่าง แต่ข้างในใจลึกๆเขารู้สึกยินดีอย่างมาก การตีในครั้งนี้ของชิงสุ่ยได้เปิดจุดลมปราณขั้นพื้นฐานของเขาทั้งหมดออก มันทําให้เขาได้รับประโยชน์ อย่างในตอนนี้

 

“อย่าทําหน้าอย่างนั้นสิ? และอย่าตําหนิเขาไป ในครนี้ข้าควรขอบคุณพี่ใหญ่เสียมากกว่า “เหลี่ยนหลิงเฟิงรู้สึกยินดีมาก เมื่อได้เห็นไปหน้าที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงของซีฉีชา

 

วันรุ่งขึ้นเหตุการณ์ที่ยังสงบเหมือนปกติ ชิงสุ่ยก็ยังคงอดทนรอโดยไม่ใส่ใจอะไร หากพวกเขา ไม่มาในสามวันชิงสุ่ยจะเป็นฝ่ายไปหาพวกเขาเองดังนั้นชิงสุ่ยจึงไม่ได้สนใจว่าพวกเขาจะมาหรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ มันก็คือจุดจบของตระกูลถั่ว

 

“พี่ใหญ่ เราจะทําอย่างไรดี ถ้าพวกเขาไม่มา? ตระกูลถั่วได้มารังแกเราถึงถิ่นของเรา ท่านจะยอมหรือ?”เหลียนหลิงเฟิงกล่าวด้วยความโมโห

 

“แน่นอนว่าไม่ยอม เราจะบุกไปที่นั้นกัน” ชิงสุ่ย ยิ้มกว้าง

 

“ข้าไม่คิดว่ามันจะเหมาะสมเท่าไร เนื่องจากเรามีข้อมูลของพวกเขาน้อยมาก ข้าไม่อยากให้เราไปเสี่ยง” เหลียนหลิงเพิ่งกล่าวอย่างกังวล

 

“อย่าได้กังวลไป เชื่อข้า จริงสิอย่าลืมไปแจ้งตระกูลตระกูลซี บอกพวกเขาว่าไม่ จําเป็นต้องเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ พวกเราจะแก้ไขปัญหานี้ด้วยตัวของเราเอง ” ชิงสุ่ยกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ

 

เหลียนหลิงเพิ่งพยักหน้าของเขา เขาเชื่อใจชิงสุ่ยอย่างมาก เมื่อชิงสุ่ยพูดว่าได้เขาก็เชื่อว่าได้ดังนั้นเขาจึงเลิกคิดมากในเรื่องนี้

 

ในตอนนี้ตระกูลถั่วยังคงมีเวลาอยู่ ดังนั้นพวกเขายังมีสิทธิ์ในการตัดสินใจ ยิ่งไปกว่านั้นพวกชิงสุ่ยแข็งแกร่งขนาดไหน มันจึงเป็นเรื่องยากที่พวกเขาจะตัดสินใจเลือก ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังคงยึดมั่นในศักดิ์ศรีของตัวเอง

 

และแล้ววันสุดท้ายก็มาถึง ตระกูลถั่วได้เริ่มเคลื่อนไหวออกมา โดยที่พวกเขาได้ส่งคําท้าประลองมาในวันนี้หากหอคอยจักรพรรดิไม่มากเท่ากับพวกเขานั้นหวาดกลัว โดยที่ทั้งหมดต้องมาต่อสู้ที่ตระกูลทั่ว

 

หลังจากที่ได้รับข่างชิงสุ่ยมองไปที่คนรอบ มีเหลียนหลิงเฟิง เสวี่ย นั่ว ซีฉีชาและหลินต่ง ทั้งหมดอยู่ที่นี่และทั้งหมดก็พร้อมที่จะต่อสู้ร่วมกับเขา โดยการประลองในครั้งนี้จะเป็นการประลองที่หาคนที่สามารถยืนอยู่ได้เป็นคนสุดท้าย หากฝั่งไหนยืนอยู่ได้เป็นฝั่งสุดท้ายก็จะเป็นฝั่งชนะ

 

นอกเหนือจากสหายของเขายังมีผู้คนจํานวนมากที่มารวมตัวอยู่ที่หอคอยจักรพรรดิ ทั้งหมดมาเพื่อช่วยเหลือชิงสุ่ย และพร้อมไปรบกับพวกเขา

 

ท่านหมอให้พวกเราไปร่วมรบกับท่านด้วยเถอะ พวกเราจะช่วยท่านโค้นตระกูลนั่ว

 

“ข้าได้ยินมาว่าบรรพบุรุษของตระกูลถั่วนั้น เป็นผู้สืบทอดของเทพอสูร และยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาก็มีกําลังรบที่มากมาย มันคงเป็นเรื่องยากที่หอคอยจักรพรรดิจะแก้ไขเรื่องนี้ด้วยตัวเองเพียงลําพัง ”

 

“มันก็ยากที่จะกล่าวแม้ท่านหมอชิงจะแข็งแกร่ง แต่ตระกูลถั่วนั้นก็ไม่ได้อ่อนแอเลย เพราะฉะนั้นแล้วให้พวกเราช่วยท่านเถอะ!”