บทที่ 327 พนันกันเป็นการส่วนตัวสักรอบ

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

เย่เทียนรู้สึกเศร้าใจมาก ยังไงเขาก็นึกไม่ถึงว่า พันธมิตรที่เหลียงเหวินเห้าร่วมมือในจ๊กกลางจะเป็นตระกูลหลี่

ต่อให้เป็น ตระกูลหยาง ตระกูลฮั่ว หรือแม้แต่ตระกูลซูก็ตาม แต่ทำไมต้องเป็นตระกูลหลี่ด้วย? นี่ยังสามารถนับเป็นพันธมิตรกันได้ด้วยเหรอ?

ยังไงซะ เย่เทียนก็ไม่มีความสนใจที่จะร่วมมือกับตระกูลหลี่เลยสักนิด

ต่อให้ไม่พูดถึงสิ่งที่เย่เทียนกับหลี่เฟิงเคยผ่านมาก็เถอะ เป็นคนต่ำช้าที่ฉวยโอกาสมาแย่งคนรักของคนอื่นในตอนที่เขากำลังอ่อน เพียงเหตุผลนี้เย่เทียนก็ไม่มีทางร่วมมือกับหลี่เฟิงแล้ว!

หลังจากที่ทักทายกับหลี่เฟิงอย่างง่ายๆแล้ว เหลียงเหวินเห้าก็ชวนหลี่เฟิงเข้ามาในร้าน

“เสี่ยวเย่ คนนี้ก็คือพันธมิตรที่ฉันเล่าให้เธอฟัง……”

แต่ทว่า ยังไม่ทันที่เหลียงเหวินเห้าจะแนะนำจบ เย่เทียนก็ทำมือขัดจังหวะเขา

เย่เทียนเพ่งมองไปยังหลี่เฟิง แล้วพูดอย่างจะยิ้มไม่ยิ้มว่า “คุณชายหลี่ ไม่นึกเลยนะว่าเราจะได้พบกันเร็วขนาดนี้ เมื่อคืนคุณสนุกรึเปล่า?”

คนเขามักพูดกันว่า : เมื่อศัตรูมาเจอหน้ากัน ต่างต้องเดือดดาลกันทั้งนั้น!

พอได้เห็นหน้าเย่เทียน รอยยิ้มที่มุมปากของเขาก็ได้หายไปทันที สีหน้าก็เคร่งขรึมขึ้นมาทันที

หลังจากแผนการของเมื่อคืนไม่สำเร็จ และถูกตักเตือนแล้ว ความแค้นที่หลี่เฟิงมีต่อเย่เทียนไม่เพียงไม่ลดแต่กลับเพิ่มมากยิ่งกว่าเดิม

แต่ว่า หลังจากจบเรื่องเขาก็ได้เข้าใจสถานการณ์โดยรวม รู้ถึงความยิ่งใหญ่ของเย่เทียนในตอนนั้น รู้ว่าเย่เทียนเป็นคนที่แข็งแกร่ง ตอนนี้เขาจึงไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม

“เสี่ยวเย่ คุณชายหลี่ นี่ทั้งคู่รู้จักกันเหรอ?”

เหลียงเหวินเห้าที่ไม่รู้ว่าเมื่อคืนเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็ไม่ทันสังเกตถึง ความประชดประชันในคำพูดของเย่เทียน แถมยังนึกว่าทั้งสองค่อนข้างสนิทกันด้วยซ้ำ

“ไอ้รู้ก็รู้จัก แค่ไม่ค่อยสนิทกันเท่านั้นครับ!”

หลี่เฟิงยิ้มอย่างไม่ชอบใจ สายตาที่มองไปยังเย่เทียนก็ไม่เป็นมิตรเอาซะเลย

“เอีะ?!”

เหลียงเหวินเห้ารับรู้ได้ถึงน้ำเสียงที่ผิดปกติของหลี่เฟิง จึงได้หันไปมองเย่เทียนที่กำลังทำหน้าขบขันโดยอัตโนมัติ ถึงรับรู้ได้ถึงความไม่ถูกกันของทั้งคู่

ทันใดนั้น เหลียงเหวินเห้าก็ตัดสินใจเงียบอย่างชาญฉลาด

ด้านหนึ่งเป็นพันธมิตรที่ร่วมมือกันมาหลายปี ส่วนอีกด้านก็เป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่แห่งเจียงหนัน เขาที่ยืนอยู่ตรงกลางก็ต้องลำบากใจแน่นอนอยู่แล้ว

“คุณชายหลี่ ผมนึกไม่ถึงจริงๆ ว่าจะได้พบคุณที่นี่”

เย่เทียนทำเสียงจี๊ดจี๊ด แล้วพูดไปว่า “ปกติเวลานี้ คุณน่าจะไปสนุกอยู่ที่สโมสรจุนเตี่ยนไม่ใช่เหรอครับ?”

คุณชายเย่อาจจะยังไม่รู้ ผมนั้นอาจบ้าเล่น แต่มันก็ใช่ว่าจะเป็นแบบนั้นไปซะหมด!”

หลี่เฟิงกระตุกคิ้วเบาๆ และพูดเยาะเย้ยไปว่า “ว่าแต่คุณชายเย่เถอะ วงการพนันหินนั้นมันลึกน่าดูเลยนะ ถ้าเป็นคนที่ไม่มีฐานะหน่อยคงเล่นไม่ไหว อีกเดี๋ยวผมขอแนะนำคุณชายเย่ให้แค่ดูก็พอ อย่าทำอะไรวู่วามเด็ดขาด”

“ขอบคุณที่คุณชายหลี่เป็นห่วง ถึงแม้ว่าผมจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับการพนันหินเลย แต่ผมเป็นคนที่ดวงดีมาโดยตลอด กะอีแค่พนันหินก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรครับ!”

เย่เทียนยิ้มเยาะออกมาที่มุมปาก “เอาอย่างนี้มั้ย คุณชายหลี่กับผมเรามาพนันกันเป็นการส่วนตัวสักตามั้ยครับ?”

ในเรื่องบางเรื่อง เย่เทียนก็ยอมรับว่าตัวเองเป็นคนที่เจ้าคิดเจ้าแค้นเหมือนกัน ในเมื่อตัดสินใจว่าจะไม่ร่วมมือกับตระกูลหลี่แล้ว ถ้าอย่างนั้นตระกูลหลี่ก็จะถือเป็นคู่แข่งไปเลย!

ระหว่างที่เล่นงาน ยังทำเงินได้อีกนิดหน่อย มีเหตุผลอะไรที่ขาต้องไม่ทำด้วย?

ในโลกความเป็นจริงนี้ การหาเงินไม่ใช่เรื่องง่ายเลย!

“พนันกันตาหนึ่ง?”

หลี่เฟิงขมวดคิ้วหนักยิ่งกว่าเดิม จิตใต้สำนึกรู้สึกระแวงขึ้นมา

เย่เทียนสังเกตเห็นสีหน้าของหลี่เฟิง จึงจงใจพูดอย่างขบขันไปว่า “ทำไม? หรือคุณชายหลี่ไม่กล้าครับ?”

“เสี่ยวเย่ นี่เธอ…”

อย่าว่าแต่หลี่เฟิงเลย แม้แต่เหลียงเหวินเห้าที่เงียบไปแล้วยังคิ้วกระตุก พูดด้วยความลังเล อยากทำให้กลิ่นดินปืนที่ค่อยๆ หนักขึ้นเรื่อยๆ นั้นหายไป

“ทำไมจะไม่กล้า! พนันก็พนันสิ!”

“คุณว่ามาเลย! จะพนันยังไง?”

เย่เทียนพยักหน้าอย่างพอใจ เอามือจับคางแล้วคิดอย่างตั้งอกตั้งใจ แล้วหางตาก็เหลือบไปเห็นกลุ่มคนที่ยืนอยู่ด้านหลังหลี่เฟิง และคิดแผนได้ทันที

“เอาแบบนี้แล้วกัน ผมเองก็ไม่เอาเปรียบคุณ เดี๋ยวเราสองคนเข้าไปด้านในแล้วเลือกหินหยาบมาคนละก้อน แล้วเอามาเปิดกันตรงหน้า ถ้าหินหยาบของใครมีมูลค่ามากกว่าก็ถือว่าเป็นฝ่ายชนะ! ถ้าคุณแพ้ก็จ่ายมาให้ผมสิบล้านแบบนี้เป็นไงครับ?”

“ตกลง! แต่ถ้าคุณเป็นฝ่ายแพ้ล่ะ?”

พอหลี่เฟิงได้ยินอย่างนั้น ก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาทันที

ถ้าต้องพนันเรื่องอื่นเขาก็อาจจะร้อนรนก็ได้ แต่ถ้าต้องพนันหิน นั่นมันเรื่องถนัดของเขาเลยนะ!

ยิ่งไปกว่านั้น หนึ่งในคนที่ยืนอยู่ด้านหลังเขาเป็นถึงนักตีราคาของตระกูลหลี่เลยนะ

“ผมจะไปแพ้ได้ยังไงครับ?” เย่เทียนเบ้ปาก “แน่นอน ถ้าผมแพ้ ผมก็จะจ่ายให้คุณสิบล้านเหมือนกันครับ”

“คุณคิดว่าผมเป็นคนที่ขาดแคลนขนาดนั้นเลยเหรอครับ?”

หลี่เฟิงกลับส่ายหน้า พูดพร้อมกับยิ้มอย่างไม่ชอบใจว่า “ถ้าเกิดว่าผมเป็นฝ่ายชนะ ต่อไปไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ถ้าคุณเจอผมก็ต้องเรียกผมว่าพี่ด้วยความเคารพ จากนั้นก็กลิ้งออกไป!”

“ฟังให้ชัดๆ กลิ้ง! กลิ้งแบบม้วนตัวน่ะ!”

“เชี่ย! ผมเอาคุณแค่สิบล้าน แต่คุณกลับจะให้ผมเรียกคุณว่าพี่ แถมยังต้องกลิ้งออกไปอีกเนี่ยนะ?”

เย่เทียนจงใจทำท่ารังเกียจ “ไม่ได้ไม่ได้ แบบนี้ผมก็ขาดทุนแย่เลย นอกจากว่าคุณจะยอมจ่ายเพิ่มให้ผม!”

ในใจของหลี่เฟิงนั้นอยากให้เย่เทียนเรียกตัวเองว่าพี่ และกลิ้งออกไปจะแย่อยู่แล้ว จึงไม่ได้คิดอะไรมาก

“ได้! ถ้าหินหยาบที่คุณเลือกมามีมูลค่ามากกว่าผม ผมจะจ่ายให้คุณยี่สิบล้าน!”

“ตกลง! คุณรอควักเงินได้เลยครับ!”

เย่เทียนแอบหัวเราะในใจ สมแล้วที่เป็นคุณชายใหญ่แห่งตระกูลหลี่ อะไรนิดหน่อยก็ควักเงินยี่สิบล้านแล้ว นี่อาจจะเป็นเงินที่คนธรรมดาทั่วไปต้องทำงานและอดข้าวอดน้ำทั้งชีวิตก็อาจจะหาไม่ได้เลยด้วยซ้ำ!

พอคิดได้อย่างนั้น เย่เทียนก็ไม่ปล่อยให้เวลาต้องสูญเปล่า และเริ่มเร่งเหลียงเหวินเห้าอย่างรีบร้อนขึ้นมา

“คุณเหลียงครับ ยังอึ้งอะไรอยู่? ไปได้แล้วครับ!”

“ได้ งั้นเราไปกันเลย!”

เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เหลียงเหวินเห้าก็ทำได้แค่ส่ายหน้าอย่างขมขื่นเท่านั้น ในใจของเหลียงเหวินเห้าก็ทำการตัดสินใจแล้ว

ถึงแม้ว่าการที่ต้องเสียความร่วมมือของตระกูลหลี่ไป มีความเป็นไปได้สูงว่าอาจทำให้ต้องพลาดเค้กก้อนใหญ่อย่างเหมืองหยกในครั้งนี้ไป และอาจทำให้ความร่วมมือที่ผ่านมาต้องพังไปด้วย

แต่สุดท้ายตระกูลเหลียงก็มีรากฐานอยู่ที่เจียงหนัน แถมตอนนี้เย่เทียนก็เป็นผู้ยิ่งใหญ่ ต้องเลือกทางไหนเหลียงเหวินเห้านั้นรู้ดีอยู่แล้ว

“คุณรอไว้ได้เลย! อีกเดี๋ยวคุณก็จะได้เรียกผมว่าพี่ จากนั้นก็กลิ้งออกไปซะ!”

หลี่เฟิงยิ้มเยาะอย่างไม่ยอมแสดงให้เห็นว่าตนด้อยกว่า

เย่เทียนจึงพูดสวนไปว่า “ฮึฮึ ผมไม่มีน้องชายที่เสียเงินยี่สิบล้านให้คนอื่นง่ายๆ อย่างคุณหรอก!”

หลี่เฟิงโมโหในใจ แต่ในหัวก็ยังจำความแข็งแกร่งของเย่เทียนได้ดี จะไปกล้าฟึดฟัดออกมาต่อหน้าได้ยังไง ทำได้แค่อดกลั้นไว้ในใจ จ้องเขม็งไปที่เย่เทียน ชิงหมุนตัวแล้วเดินนำคนอื่นเข้าไปยังตัวงานก่อน…..