ตอนที่ 358 กลับ

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 358

กลับ

“ไอ้หนู มานี่”ไช่จินว่าพลางอุ้มชิงชิวออกจากรถไฟที่พึ่งมาจอดที่สถานีเมืองหลวงอาณาจักรไป๋ไปอย่างรวดเร็ว ตัวชิงชิวนั้นไม่ทราบจะชินดีหรือไม่ แต่หลายวันที่เดินทางมากับไช่จินมันมีท่าทีสนุกสนานเกินเหตุมาตลอด แถมยังลากมันไปไหนมาไหนตลอดเวลาอีกต่างหาก ตอนอยู่บนรถไฟก็ออกจากห้องส่วนตัวของตนเองไปดื่มเหล้ากับผผู้โดยสารในห้องรวม แถมยังโม้เรื่องราวต่างๆในอาณาจักรต่างๆอย่างสนุกปากอีกต่างหาก

วูบ…ชิงชิวที่โดนแบกอย่างกับกระสอบข้าวสารมองเท้าของชิงชิวด้วยท่าทีสนใจ หลายวันที่มันอยู่กับชิงชิวมาทำให้มันสังเกตุได้ว่าท่าเท้าของชิงชิวนั้นแปลกๆอยู่ตลอดเวลา เหมือนคนเมาเดินเป๋ไปเป๋มา แต่เวลามันเล่าเรื่องราวมันจะชอบร่อนตัวไปรอบๆเหล่าผู้ฟัง ทำให้ชิงชิวได้เห็นว่าท่าร่างของไช่จินนั้นแปลกประหลาดและคล่องแคล่งแค่ไหน

“หลบๆ ข้าจะเข้าไปในวัง”ชิงชิวหัวเราะลั่นพลางกระแทกประตูวังเข้าไปอย่างรวดเร็ว ทำเอาทั้งอสูรทั้งทหารมนุษย์ต่างเข้ามาล้อมกันยกใหญ่ แต่ไม่ว่าจะอสูรหรือองครักษ์มนุษย์ก็ไม่สามารถจับชิงชิวได้เลย หากไม่ใช่พวกระดับสูงที่เดินทางไปกับไป๋จูเหวินละก็มีน้อยมากที่จะจับตัวชิงชิวได้

“ท่านอาไช่จิน”ไป๋หลินที่ยังอยู่ในเมืองหลวงเห็นร่างของไช่จินวิ่งล่อเหล่าองครักษ์และอสูรเฝ้าวังหลวงแล้วก็อดขำไม่ได้ มากี่รอบไช่จินก็มากี่รอบไช่จินก็ไม่เคยมาปกติ มักจะสร้างความวุ่นวายให้วังหลวงเสมอ

“ไป๋หลินเจ้าอยู่นี่เอง เอ้าของฝาก”ไช่จินยิ้มกว้างพลางเอาร่างของชิงชิวที่อุ้มมาตลอดทางวางเอาไว้ให้ตรงหน้าไป๋หลิน

“พี่ชิว….”ไป๋หลินอึ้งไปเพราะตอนนี้พ่อของนางกำลังเดินทางไปโจมตีอาณาจักรกู่เพื่อชิงตัวชิงชิวคืนมา แต่ทำไมชิงชิวถึงมาอยู่ตรงนี้ได้กัน

“ไม่ได้พบกันนานนะขอรับองค์หญิง”ชิงชิวยิ้มเจื่อนๆพลางเกาแก้มเขินๆ

“พี่ชิว ท่านปลอดภัยดีใช่ไหม แล้วทำไมข้าสัมผัสพลังอสูรในตัวท่านได้ล่ะ”ไป๋หลินขมวดคิ้วพลางมองไปทั่วร่างของชิงชิว ดวงตาของนางส่องประกายสีออกมาเหมือนจะบอกให้คนอื่นทราบว่าตนเองกำลังใช้เนตรแมงมุมอยู่ เมื่อไม่เห็นว่าชิงชิวมีอะไรผิดปกตินอกจากมีพลังอสูรเกิดขึ้นมาแล้วไป๋หลินก็ค่อยวางใจลง

“ท่านอสูรแมงมุมที่ถูกส่งไปช่วยข้า…ท่านเสียสละชีวิตตนเองข้าก็เลยกลืนแก่นอสูรของท่านเข้าไป”ชิงชิวตอบพลางก้มหน้าลง การเสียอสูรแมงมุมไปเป็นสิ่งที่ทำให้ชิงชิวรู้สึกผิดที่สุดในเรื่องนี้เลยทีเดียว

“งั้นเหรอ”ไป๋หลินเองก็มีสีหน้าลำบากใจเช่นกัน แต่ถึงอย่างไรงานของอสูรแมงมุมก็ถือว่าสำเร็จแล้ว เพราะชิงชิวได้กลับมายังวังหลวงของอาณาจักรไป๋เป็นที่เรียบร้อยแล้วนั่นเอง

“ชิงชิว เจ้าหลับมาแล้วหรือ”ที่ด้านหลังของไป๋หลินปรากฏร่างของหญิงงามที่สวยไม่ต่างจากไป๋หลินเดินออกมา นางย่อมเป็นมเหสีแห่งอาณาจักรไป๋ เหม่ยหลิน นั่นเอง

“ท่านแม่ ดูสิ อาไช่จินพาพี่ชิวกลับมาเจ้าค่ะ”ไป๋หลินว่าพลางเดินไปหาเหม่ยหลินที่เดินมาทางพวกชิงชิวช้าๆ

“เจ้าปลอดภัยก็ดีแล้ว ข้าจะส่งจดหมายไปบอกไป๋จูเหวินว่าเจ้ากลับมาถึงแล้ว”เหม่ยหลินว่าพลางทำท่าจะเดินไปที่โต๊ะตัวหนึ่งในท้องพระโรง

“ท่านแม่ ให้ข้าทำเถอะท่านไปพักผ่อนดีกว่า”ไป๋หลินว่าพลางวิ่งไปเขียนจดหมายด้วยตนเอง

“แม่เจ้าไม่ได้ป่วยนะ แค่นี้แม่ทำได้อยู่แล้ว”เหม่ยหลินถอนหายใจกับความเป็นห่วงเกินเหตุจากบุตรสาวของตนเอง

“องค์มเหสีเป็นอะไรหรือขอรับ”ชิงชิวถามพลางมองไปทางเหม่ยหลิน แม้จะไม่มากแต่เหม่ยหลินก็เคลื่อนไหวช้าลง แถมมีท่าทีระแวดระวังมากขึ้นอีกต่างหาก

“ท่านแม่กำลังตั้งท้อง”ไป๋หลินตอบพลางเอาจดหมายมาม้วนเป็นทรงกระบอกก่อนจะเรียกอสูรปักษาตนหนึ่งมาทำหน้าที่ส่งจดหมายไปให้บิดาของนาง

“ท้อง….”ชิงชิวอึ้งไปเมื่อได้ทราบข่าว แบบนี้ก็เป็นข่าวใหญ่นะสิ แต่มันกลับทำให้องค์จักรพรรดิต้องเดินทางไปทำศึกระหว่างที่มเหสีกำลังตั้งท้องเนี่ยนะ

“หวังว่าน้องของไป๋หลินจะไม่ซนเหมือนนางนะ ข้าไม่รู้จะไปหาคนแบบเจ้ามาอีกคนได้จากไหนแล้ว”เหม่ยหลินยิ้มให้ชิงชิวด้วยท่าทีอ่อนโยน การหาคนมาตามจับไป๋หลินโดยไม่โดนความสามารดึงดูดอสูรหรือพลังของมารราคะเล่นงานเป็นงานที่ยากมาก ทำให้ชิงชิวเป็นตัวตนที่พิเศษมากในสายตาไป๋จูเหวินและเหม่ยหลิน ทำให้มันถึงกับเปิดศึกเพื่อชิงตัวชิงชิวกลับมาเลยทีเดียว

“ท่านแม่ละก็ ข้าไม่ได้ซนขนาดนั้นฌสียหน่อย”ไป๋หลินว่าพลางทำหน้ามุ่ย

“ไม่หรอกขอรับ ท่านซนขนาดนั้นจริงๆ”ชิงชิวว่าพลางหัวเราะออกมา แน่นอนคนรับหน้าที่ตามตัวไป๋หลินอย่างมันรับประกันได้เลย มีองค์หญิงที่ไหนบ้างชอบหนีออกไปเที่ยวที่อื่นระหว่างงานเกือบทุกครั้งแถมยังหนีเก่งจนน่ากลัวอีกต่างหาก

“พี่ชิว ท่านถอนคำพูดเลยนะ”ไป๋หลินโวยพลางทำแก้มป่องด้วยท่าทีไม่พอใจ ทำให้เหม่ยหลินหัวเราะออกมา เช่นเดียวกับคนอื่นๆ

.

.

พรึบ….ร่างของอสูรปักษาที่ไป๋หลินฝากจดหมายมากับมันทะยานลงมาบนไหล่ของไป๋จูเหวินหลังจากผ่านไปแล้วหลายวัน แม้จะเป็นอสูรปักษาพิเศษที่ทำหน้าที่ส่งจดหมายโดยเฉพาะแต่การข้าม 2 อาณาจักรนี่ก็ต้องใช้เวลาจริงๆ

“องค์จักรพรรดิ มีอะไรหรือขอรับ”ขุนพลอสูรตนหนึ่งถามพลางมองมาทางอสูรปักษาที่บินลงมา

“จดหมายจากไป๋หลิน”ไป๋จูเหวินตอบพลางเปิดจดหมายออกอ่าน

“ดูเหมือนชิงชิวจะกลับไปที่อาณาจักรไป๋แล้ว”ไป๋จูเหวินเลิกคิ้วพลางยิ้มออกมาอย่างโล่งอก

“ไงล่ะ ข้าบอกแล้วว่ามันไม่อยู่ในวังของพวกเราแล้ว”องค์ชายกู่หานที่โดนมัดอยู่กับพื้นว่าพลางยิ้มกว้าง

“ข้าบอกเจ้าแล้วไงว่าข้าไม่ได้เอามันไปซ่อนไว้ที่ไหน”องค์จักรพรรดิกู่ที่โดนมัดอยู่ข้างๆกันพูดด้วยท่าทีโมโห เพราะไป๋จูเหวินพยายามล้วงความลับจากมันว่ามันเอาชิงชิวไปไว้ไหนตั้งแต่มันโดนจับตัวมาแล้ว

“ก็ได้ พวกเจ้าถูก”ไป๋จูเหวินตอบพลางเก็บจดหมายไป ศึกระหว่างอาณาจักรไป๋และกู่จบลงไปนานแล้ว ตอนนี้ไป๋จูเหวินกำลังเค้นความจริงจากพวกองค์ชายองค์หญิงของอาณาจักรกู่อยู่ เพราะมันไม่ได้ข่าวอะไรจากชิงชิวเลย ทำให้มันสงสัยว่าพวกมันเอาตัวชิงชิวไปซ่อนหรืออาจจะฆ่าชิงชิวไปแล้ว แต่ไม่ว่าจะถามพวกมันเท่าไหร่พวกมันก็ยังยืนยันคำเดิมว่าชิงชิวหนีไปแล้วเท่านั้น เมื่อมันได้รับจดหมายจากบุตรสาวว่าชิงชิวกลับมาแล้วมันถึงยอมเชื่ออีกฝ่าย

“เข้าใจแล้วสินะ งั้นก็ปล่อยข้าเสียที”องค์จักรพรรดิกู่ว่าพลางยิ้มออกมา

“หุบปาก พวกเจ้าคิดว่าฐานะตัวเองตอนนี้คืออะไร”ขุนพลอสูรตนหนึ่งตะคอกพลางเอาง้าวลายมังกรของมันกระแทกพื้นเสียดังสนั่นทำเอาองค์จักรพรรดิกู่ และเหล่าลูกๆของมันสะท้านวาบ

“ถึงชิงชิวจะหนีมาได้แล้ว แต่ความผิดโทษฐานที่ลักพาตัวคนของอาณาจักรเรายังคงอยู่”ไป๋จูเหวินว่าพลางมองคนของอาณาจักรกู่นิ่ง หากปล่อยไปแบบนี้ก็เท่ากับละเลยเกินไป แต่จะให้ยึดอาณาจักรกู่มาเป็นของตนเองอีกก็ไม่ไหว อาณาจักรกู่ไม่จำเป็นต้องให้ไป๋จูเหวินช่วยเหลือ พวกมันมีชีวิตสุขสบายกันอยู่แล้ว และหากเอาอาณาจักรที่ใหญ่พอๆกับอาณาจักรอู๋เข้ามาเป็นอาณาจักรตัวเอง มีหวังงานมันได้เพิ่มอีกหลายเท่าตัวแน่ๆ มันคิดว่าพื้นที่อาณาจักรไป๋ตอนนี้ก็มากพอแล้ว

“องค์จักรพรรดิ ข้าคิดว่าให้อาณาจักรกู่เป็นเชลยของอาณาจักรเรา คุมตัวองค์ชายกู่หานผู้ก่อเรื่องและองค์ชายหรือองค์หญิงสักคนไปที่อาณาจักรเราเพื่อค้ำประกันคำสัญญาเจ้าค่ะ”หลิวเมิ่งเสนอ นางเองก็ทราบดีว่าการยึดอาณาจักรเพิ่มเป็นงานหนักเกินไป สู้ปล่อยให้พวกมันคุมกันเองแต่ต้องส่งบรรณาการให้อาณาจักรไป๋เสียยังดีกว่า

“เอาตามนั้นก็แล้วกัน นับแต่นี้ไปอาณาจักรกู่จะเป็นเมืองขึ้นของอาณาจักรไป๋ ข้าจะส่งรายการสิ่งที่ต้องส่งมาเป็นบรรณาการให้ทีหลัง”ไป๋จูเหวินตอบพลางมองไปที่เมืองหลวงของอาณาจักรกู่ ตอนนี้นเมืองไม่มีใครอยู่อีกแล้วเพราะไป๋จูเหวินส่งจื่อหนิงเข้าไปอพยพคนออกมานอกเมืองหมดแล้ว

“ท่านเสิ่นกง ข้าฝากท่านดูแลความเรียบร้อยของอาณาจักรกู่ด้วยได้หรือไม่”ไป๋จูเหวินถามพลางมองไปทางอาวุโสแห่งอาณาจักรกู่

“ได้ขอรับองค์จักรพรรดิ”เสิ่นกงก้มหัวให้ไป๋จูเหวินอย่างไม่อาย ในสงครามก่อนหน้านี้ไม่ต้องมีมันด้วยซ้ำไป

“และสุดท้าย นี่คือคำเตือน ตอนนี้อาณาจักรเฉินเป็นพันธมิตรของอาณาจักรไป๋ หากพวกเจ้าโจมตีอาณาจักรเฉินแม้แต่น้อย หรือคิดจะหันคบดาบใส่อาณาจักรไป๋ละก็….” ไป๋จูเหวินพูดค้างเอาไว้ ก่อนที่อสูรปักเป้าที่ลอยอยู่บนฟ้าจะเริ่มขยายตัวออก

ตูม!!! กระสุนวายุของอสูรปักเป้ายิงออกมากวาดเอาเมืองตรงกลางหายไปจนถึงวังหลวงของอาณาจักรกู่ เมื่อฝุ่นทรายหายไป ทุกคนจึงได้เห็นว่าเมืองหลวงอาณาจักรกู่ยามนี้เหมือนเค้กที่โดนตัดออกไปชิ้นหนึ่งเลย

“……”ไม่ว่าจะฝั่งของอาณาจักรกู่หรืออาณาจักรไป๋ที่ไม่เคยเห็นความสามารถของอสูรปักเป้าต่างนิ่งค้างไปทันที มันราวกับจะบอกว่าหากไป๋จูเหวินจะเอาจริงละก็มันสั่งคำเดียวก็ยิงเมืองหลวงของอาณาจักรกู่หายไปได้แล้ว

“ถ้าพวกเจ้าหันคมดาบใส่อาณาจักรไป๋หรืออาณาจักรพันธมิตร คราวหน้าจะไม่ใช่เมืองเปล่าๆหรอกนะ”ได้ยินที่ไป๋จูเหวินพูดจักรพรรดิกู่ก็หน้าซีดเผือด ไม่ต้องมีกองทัพอสูรอะไรมากมาย ขอเพียงไป๋จูเหวินเดินเข้ามาพร้อมอสูรตนนั้นมันก็สามารถยึดอาณาจักรอื่นไปได้ง่ายๆ ต้องบอกว่าการที่มันจบเรื่องเพียงให้พวกมันเป็นเมืองขึ้นนั้นนับว่าเมตตามากแล้วนั่นเอง

“เอาล่ะ กลับกันเถอะ”ไป๋จูเหวินว่าพลางสั่งให้กองทัพของตนเคลื่อนพลกลับไปยังอาณาจักรไป๋ คราวนี้พวกมันไม่ต้องบุกอะไรอีกแล้ว พวกมันเลยกลายร่างเป็นมนุษย์ขึ้นขี่เหล่าอสูรบินกลับอาณาจักรไป๋อย่างสบายใจ โดยหลิวเมิ่งจับตัวองค์ชายกู่หานและองค์หญิงรองของอาณาจักรกู่กลับมาด้วยเพื่อใช้เป็นตัวประกัน แม้นางจะทราบอยู่แล้วว่าไม่จำเป็นก็ตาม เพราะอาณาจักรกู่ไม่มีทางกล้าลงมืออะไรกับอาณาจักรไป๋อีกแล้วแน่ๆ