บทที่ 710 : นาทีชีวิต!

 

หัวหน้านินจาที่ชื่อมิตซุยนั้นมีคิ้วที่ดกหนา และแววตาโหดเหี้ยมเลือดเย็น สายตาของมันจ้องมองไปยังคนตระกูลหลิงที่ถอยล่นไปอยู่ในสวนชั้นที่หกพร้อมกับยิ้มเย้ย

 

“ท่านยามาดะ..ข้าจะเป็นผู้สังหารยอดฝีมือขั้นเซียงเทียนของตระกูลหลิงทั้งสี่คนเอง ส่วนแวมไพร์ตัวนี้ข้ายกให้ท่าน!”

 

ยามาดะรู้ดีว่าในช่วงที่เกิดสงครามต่อต้านญี่ปุ่นของชาวจีนนั้นตระกูลมิตซุยได้ส่งนินจาห้าร้อยคนเข้าร่วมกับกองทัพญี่ปุ่นในการบุกประเทศจีน ผลปรากฏว่าทั้งนินจาและทหารญี่ปุ่นต่างก็ถูกสังหารตายจนหมดสิ้น คนในตระกูลมิตซุยจึงเกลียดชังและเคืองแค้นจอมยุทธชาวจีนเข้ากระดูกดำ!

 

ยามาดะเองก็ไม่ต้องการขัดใจมิตซุยเพราะตราบใดที่สามารถกำจัดตระกูลหลิงได้ ไม่ว่าเขาหรือมิตซุยจะเป็นฝ่ายลงมือก็คงไม่มีอะไรต่างกัน ยามาดะจึงไม่พูดอะไรมาก เขายกมือขึ้นโบกพร้อมกับร้องสั่งนินจาที่เหลืออีกยี่สิบแปดคนว่า

 

“ฆ่าพวกมันให้หมด..อย่าให้รอดไปได้แม้แต่คนเดียว!”

 

สิ้นเสียงคำสั่งของยามาดะเหล่านินจาทั้งยี่สิบแปดคนก็ใช้สองมือยกดาบขึ้นเหนือหัวทันที พร้อมกลับหลังหันมุ่งหน้าสู่สวนชั้นที่หกของบ้านตระกูลหลิงทันที

 

และในเวลาเดียวกันนั้นทั้งยามาดะและมิตซุยต่างก็พลางตัวหายไปอย่างเงียบๆพร้อมกัน!

 

และนั่นคือวิชานินจิทสุ!

 

เหล่ากุ่ยหน้าเครียดขึ้นมาทันทีเขาร้องสั่งนักรบหน่วยกล้าตายที่เหลือทั้งหมดว่า “พวกเจ้าทุกคนมีหน้าที่คุ้มครองท่านผู้นำตระกูล!”

 

เหล่ากุ่ยรู้ดีว่าหัวหน้านินจาทั้งสองคนนั้นคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดเก่งกาจที่สุด อันตรายที่สุด และร้ายกาจที่สุด! และพวกมันสองคนกำลังจะบุกเข้ามาที่นี่ ดังนั้นหลังจากที่ร้องสั่งทุกคนแล้ว เหล่ากุ่ยก็ใช้วิชาพลังมังกรขั้นสุดเพื่อเพิ่มกำลังภายในของตนเองขึ้นเป็นหกเท่า!

 

หลังจากที่ใช้วิชาพลังมังกรทั้งความแข็งแกร่ง ความเร็ว ฝีมือ ลมปราณ และประสาทสัมผัสทั้งห้าของเหล่ากุ่ยนั้น ล้วนเพิ่มขีดความสามารถขึ้นจากเดิมในขั้นเซียงเทียน-2 ระดับสูงสุดถึงหกเท่า!

 

เวลานี้นักรบหน่วยกล้าตายของตระกูลหลิงเหลืออยู่เพียงแค่ห้าสิบคนเท่านั้นและทั้งหมดก็แบ่งออกเป็นห้ากลุ่ม กลุ่มละสิบคน ในมือของแต่ละคนต่างก็ถือกระบี่ไว้แน่น และออกมายืนล้อมรอบคนตระกูลหลิงทั้งหมดไว้เป็นวงกลมห้าชั้น ทั้งหมดต่างก็ยืนเป็นกำแพงกั้นด้วยแววตามุ่งมั่น และไม่ยอมให้ใครฝ่าด่านเข้าไปได้ง่ายๆ!

 

เมื่อเห็นเหล่านินจาทั้งสามสิบคนกำลังเตรียมบุกเข้ามายังสวนชั้นที่หกต่างก็ไม่มีใครหวาดกลัว หรือคิดที่จะหลบหนีเลยแม้แต่คนเดียว!

 

แม้กระทั่งหนุ่มสาวทายาทตระกูลหลิงก็ยืนรอความตายด้วยสีหน้าสงบนิ่งอย่างไม่นึกเกรงกลัวเช่นกัน!

 

ปัง!เสียงดังสนั่นหวั่นไหว!

 

เมื่อเจสเตอร์เห็นเหล่านินจากำลังปีนกำแพงเข้าไปในสวนชั้นที่หกร่างของมันก็จู่โจมเข้าใส่นินจาเหล่านั้นอย่างรวดเร็ว และจับร่างของนินจาสองคนลงมาหักคอทิ้งทันที!

 

เจสเตอร์ต้องแข็งแกร่งเพียงใดถึงได้จับนินจาสองคนหักคอได้ง่ายๆราวกับลูกแต่งโมเช่นนั้น!

 

“ตายซะ!”

 

เสียงพูดดังขึ้นด้านหลังของเจสเตอร์พร้อมกับประกายสีเงินจากดาบก็ปรากฏวูบขึ้นกลางอากาศ และกำลังฟันลงมาที่ไหล่ของเจสเตอร์!

 

เมื่อเห็นเจสเตอร์จู่โจมเหล่านินจาเช่นนั้นยามาดะที่ใช้วิชานินจิทสุพลางตัว ก็พุ่งเข้ามาใกล้ร่างของเจสเตอร์ในระยะสองเมตร แต่เมื่อเจสเตอร์รู้ตัว มันก็หายวับไปกับตาอีก!

 

“ชิท!เจสเตอร์เกลียดวิชานินจิสุที่สุด!”

 

แต่แล้วจู่ๆประกายเงินของดาบวูบวาบก็ปรากฏขึ้นรอบตัวเจสเตอร์ มันถึงกับเย็นวาบไปทั่วทั้งร่างกาย และรู้ตัวแล้วว่าคงไม่สามารถหลบกระบี่ที่น่าสยดสยองของยามาดะได้ทัน แต่ก็ตัดสินใจพุ่งร่างใหญ่ยักษ์ของตนเองเข้ากับกำแพงที่อยู่ด้านหน้าอย่างแรง!

 

ปัง!

 

กำแพงหนาสูงกว่าสองเมตรนั้นกลายเป็นรูขนาดใหญ่ และฝุ่นก็ตลบอบอวนไปทั่วทั้งบริเวณ!

 

แม้ว่าการเคลื่อนที่ของเจสเตอร์จะรวดเร็วไม่น้อยแต่ยามาดะนั้นอยู่ในระดับเริ่มต้นของขั้นเซียงเทียน-7 แล้ว และภายใต้ความโกรธเช่นนี้ มีหรือที่เจสเตอร์จะหลบหนีคมดาบไปได้อย่างง่ายดาย!

 

ยามาดาะตามเข้าไปแทงดาบในมือของตนเองเข้าใส่เอวของเจสเตอร์อย่างแรงจนเลือดสีแดงไหลออกมาจากร่างของมันทันที!

 

“ห๊ะ..!”

 

รู้สึกเจ็บปวด!

 

ตั้งแต่ได้รับการถ่ายเลือดจากหลิงหยุนร่างกายของเจสเตอร์ก็เริ่มมีอุณหภูมิเช่นเดียวกับมนุษย์ เลือดในกายก็เริ่มอุ่นขึ้น และใบหน้าก็มีสีสัน ทั้งหมดนั้นคือสัญญาณบ่งบอกถึงความเป็นมนุษย์!

 

แต่เมื่อมีสัญญาณของความเป็นมนุษย์เกิดขึ้นความรู้สึกเจ็บปวดจึงเพิ่มขึ้นมากกว่าที่เคยเป็น และด้วยบาดแผลถูกแทงที่ฉกรรจ์เช่นนี้ มีหรือที่เจสเตอร์จะทนต่อความเจ็บปวดได้!

 

ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นทำให้เจสเตอร์ถึงกับกรีดร้องออกมาและระหว่างที่อ้าปากร้องโหยหวนอยู่นั้น เขี้ยวของเจสเตอร์ก็งอกยาวออกมาทันที ดวงตาของมันเปลี่ยนเป็นสีม่วง ร่างกายขยายใหญ่ขึ้น และเล็บทั้งสองข้างก็งอกยาว!

 

ฟรึบ!

 

ยังไม่ทันที่ร่างของเจสเตอร์จะร่วงลงสู่พื้นดินปีกใหญ่ของมันก็สยายออกทันที และพาร่างของมันลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า ทำให้สามารถบินหลบดาบที่สองของยามาดะที่กำลังฟาดฟันลงมาได้ทัน!

 

“เจ้านายที่เคารพ!เจสเตอร์คงต้องกลายร่างแล้ว.. เจสเตอร์จะไปรับโทษกับเจ้านายทีหลัง!”

 

เวลานี้ร่างของเจสเตอร์ใหญ่โตขึ้นและบินขึ้นสูงในระดับที่ยามาดะไม่สามารถฟันได้ถึง ดวงตาสีม่วงของเจสเตอร์เปล่งประกายดุร้ายโหดเหี้ยม และกำลังฟื้นฟูบาดแผลที่เพิ่งโดยฟัน

 

เพียงแค่ดาบเดียวของยามาดะก็สามารถทำให้เจสเตอร์ได้รับบาดเจ็บสาหัส เอวด้านซ้ายของมันถูกดาบของยามาดาแทงเข้าจนทะลุแผ่นหลัง หากเป็นคนธรรมดาคงต้องกลายเป็นร่างไร้วิญญาณไปในทันทีแล้ว!

 

แต่ถึงแม้ว่าจะได้รับบาดเจ็บสาหัสมากแต่เพราะเจสเตอร์ได้รับเลือดที่แข็งแกร่งมาจากหลิงหยุน ความสามารถในการฟื้นตัวของมันจึงรวดเร็วอย่างคาดไม่ถึง นอกเหนือจากนั้น.. ดวงตาสีม่วงของเจสเตอร์ยังเป็นคุณสมบัติของแวมไพร์ที่จะสามารถพัฒนาร่างขึ้นเป็นลอร์ดได้ในวันข้างหน้า ความสามารถของเจสเตอร์เวลานี้จึงเรียกได้ว่าแข็งแกร่งมากทีเดียว

 

และเนื่องจากดาบในมือของยามาดะนั้นไม่ใช่กระบี่โลหิตแดนใต้และไม่ใช่ดาบพายุ อาการบาดเจ็บเพียงแค่นั้น จึงทำให้บาดแผลของเจสเตอร์มีเลือดไหลออกมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

 

“เจ้าสุนัขนินจา!ข้ามอบตนให้ซาตานไปแล้ว ข้าจะฉีกเจ้าออกเป็นชิ้นๆ!”

 

ในเวลานั้นเหลือนินจาได้บุกเข้าไปไปยังสวนชั้นหกของบ้านตระกูลหลิงแล้วและกำลังต่อสู้อย่างดุเดือดอยู่ด้านใน เจสเตอร์จึงไม่กล้าเมินเฉย มันไม่อาจรอให้บาดแผลสมานกันดี และรีบกระพือปีกบินลงมาใช้กรงเล็บแหลมคมพุ่งเข้าใส่ดาบในมือของยามาดะทันที!

 

ยามาดะเองก็ไม่ได้มีท่าทีหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อยเขากำดาบในมือแน่น และเดินลมปราณไปที่ใบมีดพร้อมกับฟันเข้าใส่ร่างของเจสเตอร์ทันที!

 

เจสเตอร์กำลังบินหลบดาบที่ฟันลงมาในเวลาเดียวกันนั้นก็พุ่งตรงไปข้างหน้าอย่างแรง และใช้กรงเล็บตะปบดาบยาวในมือของยามาดะมาอย่างรวดเร็ว!

 

เกร๊ง!ดาบยาวในมือของยามาดะหักเป็นสองท่อน!

 

เจสเตอร์คว้าดาบที่หักครึ่งหนึ่งของยามาดะไว้ในขณะนั้นดวงตาสีม่วงของมันก็เหลือบไปเห็นนินจาที่กำลังจู่โจมหนุ่มสาวตระกูลหลิงทั้งสี่คน มันจึงพุ่งดาบที่หักครึ่งนั้นเข้าใส่ร่างของนินจาผู้นั้นขาดใจตายในทันที!

 

แต่นินจานั่นก็สวมหัวใจสิงห์ก่อนที่มันจะตายนั้น ก็ได้ใช้ดาบในมือฟันเข้าที่ร่างของหนุ่มสาวตระกูลหลิงทั้งสี่คนด้วยเช่นกัน!

 

เจสเตอร์บินเข้าไปขวางยามาดะไว้อีกครั้งและไม่ยอมให้ยามาดะบุกเข้าไปด้านในสวนได้แม้แต่ก้าวเดียว!

 

เหล่านินจามีวิชานินจิทสุส่วนแวมไพร์ก็มีปีก ต่างคนต่างก็ไม่กลัวที่จะได้รับบาดเจ็บ และกำลังสู้กันอย่างดุเดือด แต่ก็ยังไม่มีใครฆ่าใครได้!

 

ภายในสวนชั้นที่หกของบ้านตระกูลหลิง!

 

นินจาทั้งยี่สิบหกคนเมื่อบุกเข้าไปด้านในได้แล้วก็แยกกันออกเป็นสี่กลุ่ม แต่ละกลุ่มมีหกคนบ้างเจ็ดคนบ้าง!

 

“หน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้พวกเจ้าไม่ต้องคอยคุ้มครองข้าหลิงลี่แล้ว! รีบไปคุ้มครองหลิงหย่งกับหลิงซิ่วเร็วเข้า! พวกเขาทั้งคู่กำลังจะแย่แล้ว!”

 

หลิงลี่เห็นศัตรูบุกเข้ามาได้แล้วจึงรีบร้องสั่งหน่วยนักรบกล้าตายให้ไปคุ้มครองหลานชายแทน ในเวลาเดียวกันนั้นก็กระโดดออกจากวงล้อมของหน่วยนักรบกล้าตายตระกูลหลิง และพุ่งเข้าใส่นินจากที่อยู่ตรงหน้าทันที!

 

คำสั่งของท่านผู้นำตระกูลหลิงมีหรือที่เหล่านักรบตระกูลหลิงจะกล้าขัดขืน!

 

ทันทีที่นักรบตระกูลหลิงเห็นหลิงลี่กระโดดออกจากวงล้อมไปเผชิญหน้ากับศัตรูเช่นนั้นต่างก็หันไปมองหน้ากันด้วยน้ำตานองหน้า และแยกย้ายกันเข้าไปช่วยหนุ่มสาวตระกูลหลิงที่กำลังถูกนินจาทั้งเจ็ดคนล้อมไว้ตามคำสั่งทันที!

 

และจากการปะทะที่ดุเดือดและรุนแรงนั้นทำให้เหล่านักรบตระกูลหลิงเจ็ดคนได้รับบาดเจ็บสาหัส!

 

ส่วนนินจาเจ็ดคนได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น!

 

และเวลานี้ภายในบริเวณสวนของตระกูลหลิงก็มีแต่เลือดไหลหลั่งจนแดงเถือกไปหมด!

 

นักรบตระกูลหลิงทุกคนต่างก็รู้ดีว่าการที่ผู้นำตระกูลทำเช่นนี้ก็เพื่อช่วยปกป้องหนุ่มสาวที่เป็นอนาคตของตระกูลหลิง เช่นนี้แล้วพวกเขาจะไม่สู้สุดชีวิตได้อย่างไร

 

เรียกได้ว่า..นักรบตระกูลหลิงนั้นต่างก็ต่อสู้กับศัตรูอย่างสุดชีวิต และทุกรูปแบบเท่าที่ตนเองจะทำได้ หากล้มลงไปกับพื้น และเหลือเพียงแค่ปาก พวกเขาก็จะใช้ปากกัดเนื้อของเหล่านินจาแทนอาวุธ!

 

“พวกเจ้าไม่ต้องคอยคุ้มครองข้า..จัดการฆ่าพวกมัน!”

 

ชายชราร้องตะโกนบอกพร้อมกับกระโดดออกมาจากวงล้อมหลิงเจิ้นกับหลิงเย่วเองก็ไม่ต้องการหลบอยู่อย่างนี้เช่นกัน จึงได้กระโดดออกมาพร้อมๆกัน และไปยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับหลิงลี่

 

“ผู้นำตระกูลทั้งสองท่านและคุณชายสอง.. ได้โปรดระมัดระวังด้วย!”

 

เหล่ากุ่ยร้องบอกเสียงดังอย่างเป็นห่วงเป็นใยแต่ในเวลานั้นตัวเขาเองก็ไม่สามารถช่วยใครได้อีก เพราะต้องการจัดการกับหัวหน้านินจาที่เก่งที่สุดในเวลานี้ให้ได้!

 

แต่ภายใต้การต่อสู้อย่างอลหม่านอยู่นี้ทั้งเสียงกระบี่และดาบที่กระทบกัน เสียงฝ่ามือ และหมัดดังวุ่นวายไปหมด แม้ว่าเหล่ากุ่ยจะใช้วิชาพลังมังกรขั้นสุดแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถหาร่างของมิตซุยที่พลางตัวอยู่พบ

 

‘ฮ่า..ฮ่า.. นี่คือคืนที่เก่งที่สุดแล้วรึ!’

 

มิตซุยใช้วิชานินจิทสุพลางตัวอยู่ในความมืดที่ที่เขายืนอยู่นั้นห่างจากพ่อลูกตระกูลหลิงไปเพียงแค่สิบเมตร และกำลังอาศัยจังหวะที่ทุกคนกำลังวุ่นวายอยู่กับการต่อสู้นั้น ค่อยๆเคลื่อนตัวเข้าหาหลิงลี่และลูกชายทั้งสองอย่างเงียบๆ

 

ความจริงแล้ว..ด้วยความสามารถในระดับเริ่มต้นขั้นเซียงเทียน-7 อย่างมิตซุยนั้น ระยะห่างเพียงแค่สิบเมตรนั้นนับว่าไม่ได้ไกลเลย มันใกล้พอที่จะทำให้เขาลงมือได้ในทันที แต่เขาไม่ต้องการทำเช่นนั้น มิตซุยต้องการเข้าไปใกล้พ่อลูกตระกูลหลิงให้มากที่สุด แล้วค่อยลงมือสังหารทุกคนพร้อมกัน

 

พ่อลูกตระกูลหลิงต่างก็รู้ว่ามิตซุยกำลังใช้วิชานินจิทสุพลางตัวแต่ตอนนี้ตระกูลหลิงสูญเสียนักรบไปอีกสิบกว่าคน เวลานี้ตระกูลหลิงเหลือคนไม่มากนัก พวกเขาไม่สนใจชีวิตของตนเองอีก และต้องการฆ่านินจาให้ได้มากที่สุด เรียกว่าตายสองเพื่อฆ่าหนึ่ง!

 

พ่อลูกตระกูลหลิงทั้งสามคนยืนเรียงกันหลิงเจิ้นอยู่ด้านซ้าย หลิงเย่วอยู่ด้านขวา ส่วนหลิงลี่อยู่ตรงกลาง และทั้งสามคนก็กำลังต่อสู้กับนินจาขั้นเซียงเทียน!

 

แต่หลังจากจู่โจมเหล่านินาขั้นเซียงเทียนได้เพียงครู่เดียวพ่อลูกตระกูลหลิงทั้งสามคนก็เริ่มพ่ายแพ้ และได้รับบาดเจ็บจากคมดาบของเหล่านินจา และสูญเสียการป้องกันตัวไป

 

“ถึงเวลาตายของพวกเจ้าแล้ว!”

 

ในที่สุดมิตซุยก็ได้โอกาสที่จะสังหารพ่อลูกตระกูลหลิงเขายิ้มพร้อมกับร้องออกมา ดาบยาวในมือฟาดฟันลงมาจากฟากฟ้าเข้าใส่พ่อลูกทั้งสามคนทันที!

 

“พวกเจ้าทั้งสามคนต้องตายในดาบเดียว!”

 

เวลานี้พ่อลูกตระกูลหลิงล้วนตกอยู่ในนาทีที่อันตรายถึงชีวิต!