ตอนที่ 288 ซือเหยี่ยนโกรธ / ตอนที่ 289 เริ่มวางกับดัก

(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์

ตอนที่ 288 ซือเหยี่ยนโกรธ

 

 

           ทั้งสองคนหันกลับมาก็เห็นเจียงมู่เฉินอยู่ด้านหลังพอดี ไม่รู้ว่าเขาเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ ได้ยินไปมากน้อยแค่ไหนแล้ว

 

 

           เจียงมู่เฉินเห็นคิ้วที่ขมวดของซือเหยี่ยน ในใจก็บีบตัวแน่น อดจะเจ็บราวกับโดนทิ่มแทงขึ้นมาเพียงน้อยนิดไม่ได้

 

 

           ในในเขายิ่งเสียใจ ยิ่งไม่อยากแสดงออกมา

 

 

           เจียงมู่เฉินยกยิ้มมุมปากขึ้น “เดิมทีอยากจะมาดูอาการบาดเจ็บของคุณซู ตอนนี้ดูท่าว่าเหมือนฉันจะเป็นห่วงมากไปแล้ว”

 

 

           “ผมจะพาซูเตอร์ไปโรงพยาบาล ขอตัวก่อน” ทั้งคืน ประโยคแรกที่ซือเหยี่ยนพูดกับเจียงมู่เฉิน

 

 

           เจียงมู่เฉินหัวใจหดเกร็ง มือที่ปล่อยลงข้างหลังตัวกำแน่นขึ้นมาโดยไม่ตั้งใจ ต่อหน้าเขาเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “ได้สิ พวกนายตามสบายเลย”

 

 

           ซือเหยี่ยนกวาดสายตามองเขาแวบหนึ่ง แล้วพาซูเตอร์ออกไปทันที เจียงมู่เฉินยืนอยู่ข้างหลังมองตามแผ่นหลังของพวกเขาทั้งสองคนไป สลดใจจนพิงประตูที่อยู่ข้างตัว

 

 

           ถ้าไม่ใช่ว่าข้างๆ มีประตูพอดี เจียงมู่เฉินรู้สึกว่าตัวเองคงจะนั่งยองๆ ลงไปอย่างขายหน้าไปแล้ว

 

 

           ถ้าไม่ใช่ว่าได้เห็นกับตาตัวเอง เขาคงจะยังไม่รู้ ว่าที่แท้ซือเหยี่ยนดีกับซูเตอร์มากแค่ไหน

 

 

           เจียงมู่เฉินหลับตาลง รอให้ความเจ็บปวดที่ทิ่มแทงในใจผ่านไป จนผ่อนคลายลงหายใจปกติได้ ถึงได้ยืดตัวตรงขึ้นมา

 

 

           ราวกับไม่ได้มีอะไรเคยเกิดขึ้นมาก่อนอย่างไรอย่างนั้น เดินกลับไปถึงห้องอาหารอย่างช้าๆ

 

 

           ฉากใจพังเพฉากนั้นโดนเก็บกวาดจนเกลี้ยงเกลาแล้ว

 

 

           โต๊ะอาหารสำหรับสี่คนเหลือเพียงแค่ซังจิ่งคนเดียว เจียงมู่เฉินเดินไปนั่งลงข้างๆ ซังจิ่ง

 

 

           “ยังจะกินอยู่ไหม” ซังจิ่งเอ่ยถามเสียงต่ำ

 

 

           เจียงมู่เฉินหัวเราะเบาๆ “กินสิ ทำไมจะไม่กินล่ะ”

 

 

           เขายังไม่ถึงขนาดจะกินได้ไม่ลง เสียดายโจ๊กชามนั้นเปล่าๆ

 

 

           เจียงมู่เฉินนั่งอยู่ข้างๆ เอาแต่กินข้าวไม่พูดไม่จา แววตามักจะแวบมองผ่านที่นั่งที่ซือเหยี่ยนเพิ่งนั่งไป

 

 

           จนกระทั่งหลังจากกินมื้อนี้เสร็จแล้ว เจียงมู่เฉินถึงได้คลายมือที่กำตะเกียบไว้แน่นลง

 

 

           เพราะว่าออกแรงมากเกินไป ข้อต่อกระดูกจึงซีดลงเล็กน้อย

 

 

           แม้แต่ปล่อยลงข้างตัว ก็สั่นเทาเล็กน้อยอย่างควบคุมไม่ได้

 

 

           เจียงมู่เฉินลุกยืนขึ้น ยกมุมปากขึ้นอย่างขำๆ ครั้งนี้เขาควรจะตัดใจจริงๆ แล้วสินะ

 

 

           ……

 

 

            หลังจากซือเหยี่ยนพาซูเตอร์ไปทำแผลพันแผลเสร็จแล้ว ถึงได้พาซูเตอร์ออกมา

 

 

           ซูเตอร์มองซือเหยี่ยนด้วยท่าทางน่าสงสาร “จะเป็นแผลเป็นจริงๆ หรอกใช่ไหม”

 

 

           “อืม” ซือเหยี่ยนเอ่ยรับคำเสียงเรียบๆ

 

 

           “ถ้าเป็นแผลเป็น ต้องดูไม่ได้มากๆ แน่ๆ” ซูเตอร์จ้องมองมืออยู่อย่างนั้น

 

 

           ซือเหยี่ยนกุมขมับ “ในเมื่อรู้ว่าจะเป็นแผลเป็นแล้วดูไม่ได้ คุณยังจงใจเอาโจ๊กมาราดตัวคุณเองอีก ไม่กลัวว่าจะพลาดโดนหน้าจนเสียโฉมหรือไง”

 

 

           ซูเตอร์ที่กำลังจะเตรียมออดอ้อนซือเหยี่ยนชะงักไปสักพัก เขาเงยหน้ามองซือเหยี่ยน “นายรู้มาตั้งแต่แรกแล้วเหรอว่าฉันจงใจ”

 

 

           “ซูเตอร์ ระหว่างผมกับเจียงมู่เฉินไม่มีอะไร คุณไม่ต้องลำบากไปทดสอบหยั่งเชิงอะไรขนาดนี้หรอก”

 

 

           “ไม่มีอะไร? ฉันกลับไม่เชื่อเท่าไหร่เลย”

 

 

           “ครั้งที่แล้วที่ไปชิ่งหลง คุณเองก็จงใจพาผมไปไม่ใช่เหรอ ก็เพื่ออยากรู้ว่าผมเจอเจียงมู่เฉินแล้วจะมีปฏิกิริยาตอบสนองอะไรหรือเปล่า” เขาเอียงหน้ามองซูเตอร์ “ท่าทีตอบตอบสนองของผม คุณยังไม่พอใจเหรอ”

 

 

           ซูเตอร์มองซือเหยี่ยนอย่างกำเริบเสิบสาน “ฉันก็แค่ไม่อยากให้นายดีกับเจียงมู่เฉิน ตอนนี้นายก็เลิกกับเจียงมู่เฉินแล้ว”

 

 

           “ซูเตอร์ ผมจะพูดกับคุณเป็นครั้งสุดท้าย ผมเลิกกับเขาแล้ว ต่อไปคุณไม่ต้องมาจงใจทดสอบหยั่งเชิงผม เส้นตายของผมคืออะไร คุณก็ควรจะรู้ชัดเจนดี” ซือเหยี่ยนสีหน้าเคร่งขรึม บรรยากาศในรถอึดอัดขึ้นมาในทันใด

 

 

           ซูเตอร์ไม่ค่อยอยากจะยอมจำนนเท่าไหร่ เขายอมให้เจียงมู่เฉินไม่ลง พอคิดถึงว่าซือเหยี่ยนได้อยู่ด้วยกันกับเจียงมู่เฉิน เขาก็ทนรับมันไม่ได้แล้ว

 

 

           “ถ้ายังมีครั้งต่อไปอีก ผมจะไม่ให้อภัยคุณได้ง่ายๆ แบบนี้แล้ว” ซือเหยี่ยนยื่นคำขาดคำสุดท้าย

 

 

           ซูเตอร์กังวลว่าซือเหยี่ยนจะโกรธจริงๆ เขารีบกอดแขนซือเหยี่ยนเอาไว้ “เหยี่ยน นายอย่าโกรธเลยนะ ฉันรับรองว่าจะไม่ทำแบบนี้อีก ยังไม่โอเคเหรอ”

 

 

 

 

ตอนที่ 289 เริ่มวางกับดัก

 

 

           ซือเหยี่ยนมองเขาอย่างจนใจ “ถ้ามีอีกครั้งหนึ่ง ผมจะกลับถานโจวไปเลย ถึงยังไงผมเองก็ไม่มีหน้าที่รับผิดชอบจำเป็นต้องช่วยคุณอยู่แล้ว”

 

 

           ซูเตอร์เห็นเขาเป็นแบบนี้ ก็รู้ว่าเขาไม่ได้พูดโกหก

 

 

           ถ้ายั่วโทสะซือเหยี่ยนแล้วจริงๆ ก็เป็นไปได้จริงๆ ว่าเขาจะหนีหายจากกันไปเลย

 

 

           ซูเตอร์มองซือเหยี่ยนด้วยท่าทีน่าเอ็นดู “เหยี่ยน นายวางใจ ฉันรับรองว่าจะไม่ไปหาเรื่องเจียงมู่เฉินแล้ว”

 

 

           ซือเหยี่ยนพยักหน้า “แบบนี้ดีที่สุด หวังว่าคุณจะรักษาสัญญา”

 

 

           ซูเตอร์มองเขาด้วยท่าทีเอาอกเอาใจ ราวกับได้ตัดสินใจตั้งเจตจำนงอันยิ่งใหญ่และแน่วแน่อย่างไรอย่างนั้น ท่าทีจริงใจเสียเหลือเกิน

 

 

           ซือเหยี่ยนมองดูมือที่บาดเจ็บของเขา “เอาล่ะ นั่งดีๆ จะกลับไปแล้ว”

 

 

           ทั้งสองคนกลับไปยังแก๊งมังกรคราม เรย์มอนเห็นมือที่บาดเจ็บของซูเตอร์ ก็ถามอย่างเป็นห่วงหลายต่อหลายครั้ง

 

 

           ซูเตอร์อธิบายอยู่ตั้งนานสองนานถึงเพิ่งได้กลับห้องไป

 

 

           เขายืนครุ่นคิดอยู่หน้าหน้าต่าง สุดท้ายต้องทำอย่างไรถึงจะกำจัดเจียงมู่เฉินให้สิ้นซากได้

 

 

           ถึงแม้ว่าตอนนี้ซือเหยี่ยนจะไม่ได้อะไรกับเจียงมู่เฉิน แต่ว่าก็ยากจะรับประกันได้ว่าต่อไปเขาจะโหยหาคิดถึงเจียงมู่เฉินขึ้นมากะหันทันอีกหรือเปล่า

 

 

           เขาต้องกำจัดเจียงมู่เฉินหนามยอกอกนี้ไปให้พ้นทางให้ถึงที่สุด

 

 

           แต่ว่าตอนนี้เขาไม่สามารถฆ่าเจียงมู่เฉินได้ ถ้าเวลานี้เจียงมู่เฉินเกิดเรื่อง ซือเหยี่ยนต้องนึกถึงเขาอย่างแน่นอน

 

 

           ถึงเวลานั้น ถ้าหากว่าซือเหยี่ยนต้องการจะจากเขาไปจริงๆ มันก็ได้ไม่คุ้มเสียแล้ว

 

 

           ซูเตอร์หรี่ตาลง ในเมื่อเขาบีบบังคับให้เจียงมู่เฉินไปไม่ได้ เช่นนั้นก็ให้เจียงมู่เฉินเป็นฝ่ายจากไปเองก็ได้แล้ว

 

 

           ขอเพียงแต่เจียงมู่เฉินจากไปเอง เช่นนี้ก็จะไม่มีความสัมพันธ์อะไรกับเขาแล้ว

 

 

           แผนการบางอย่างฉายสะท้อนขึ้นมาในแววตา เขาหยิบมือถือขึ้นมาส่งข้อความหาเจียงมู่เฉิน

 

 

           [จันทร์หน้า สิบโมง เจอกันที่ร้านกาแฟเซาท์เวสต์ ไม่เจอไม่กลับ]

 

 

           เขากำมือถือแน่น รอยยิ้มกระหายเลือดปรากฏขึ้นบนใบหน้า ขอเพียงแต่เจียงมู่เฉินกล้ามา เขาก็จะทำให้เจียงมู่เฉินไม่สามารถหนีไปได้ง่ายๆ

 

 

           มือถือสั่นอยู่สักพัก ซูเตอร์เปิดดูมือถือ หน้าจอปรากฏแค่คำเดียวว่า [ได้]

 

 

           ซูเตอร์ยิ้มเบาๆ เขาจะวางกับดักใหญ่สำหรับเจียงมู่เฉิน ไว้ต้อนรับเขาดีๆ

 

 

           ……

 

 

           หลังจากกินข้าวเสร็จกลับมา ซังจิ่งถามเจียงมู่เฉิน “อยากจะพรุ่งนี้ค่อยเข้าไปไหม คืนนี้เข้าไปจะรีบเกินไปหรือเปล่า”

 

 

           “ไม่เป็นไร เข้าไปตอนนี้ถึงที่นั่นก็จะได้พักผ่อนพอดี”

 

 

           ซังจิ่งเห็นเขาพูดแบบนี้แล้วถึงได้พยักหน้า “งั้นพวกเรากลับไปเก็บของที่ห้องก่อน อีกครึ่งชั่วโมงเจอกันใต้ตึก”

 

 

           “ได้ งั้นฉันขึ้นไปก่อนนะ”

 

 

           ซังจิ่งเข้าห้องตัวเองไปแล้ว ก็หยิบมือถือขึ้นมาส่งข้อความออกไป

 

 

           [ผมจะพาคนเข้าไปคืนนี้]

 

 

           ผ่านไปประมาณสองนาที คนคนนั้นก็ตอบกลับมา [โอเค]

 

 

           เขามองดูข้อความสองบรรทัดบนหน้าจอ ความสับสนซับซ้อนฉายสะท้อนในแววตา เขาถอนหายใจเบาๆ อยู่นานพอควร ก่อนจะกดลบข้อความทิ้งไป

 

 

           เขาจำเป็นต้องบอกตัวเอง เจียงมู่เฉินเป็นเพียงแค่เป้าหมายในภารกิจเท่านั้น

 

 

           หน้าที่รับผิดชอบของเขาในตอนนี้ก็คือพาเจียงมู่เฉินไปพบคนคนนั้น

 

 

           ส่วนเรื่องที่เหลือก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาควรจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวแล้ว

 

 

           ซังจิ่งโยนมือถือลงบนเตียง รีบเก็บเสื้อผ้าสองชุดใส่กระเป๋าเดินทางแล้วลงชั้นล่างไป

 

 

           หลังจากเขาลงไปเพียงไม่กี่นาที เจียงมู่เฉินก็เดินลงมา

 

 

           เขามองซังจิ่งด้วยความประหลาดใจ “เร็วขนาดนี้เชียว?”

 

 

           “ผมผู้ชายคนเดียว จะมีของเยอะแยะขนาดนั้นที่ไหนกัน” ซังจิ่งพูดอย่างยิ้มๆ

 

 

           เจียงมู่เฉินลงมาถึงชั้นหนึ่งก็ยิ้มหัวเราะให้ซังจิ่ง “โอเคแล้ว ไปกันเถอะ”

 

 

           ตอนที่ทั้งคู่ออกเดินทาง ยังไม่ถึงเวลาหนึ่งทุ่ม จากที่นี่ขับรถไปที่คฤหาสน์ต้องใช้เวลาราวๆ สามชั่วโมง

 

 

           ซังจิ่งมองเจียงมู่เฉินที่นั่งอยู่ฝั่งข้างคนขับ แล้วเอ่ยเสียงต่ำ “เวลายังอีกนาน คุณหลับไปก่อนได้เลย ถึงแล้วผมจะเรียกคน”

 

 

           “อืม” เจียงมู่เฉินเอ่ยขานรับ ก่อนจะหลับตาลงแล้วเอนพิงพนักที่นั่ง

 

 

           ทันทีที่เขาหลับตา ภาพในหัวทั้งหมดก็ปรากฏเป็นภาพซือเหยี่ยนกำลังเป็นห่วงเป็นใยซูเตอร์อยู่ เจียงมู่เฉินเอามือขึ้นมากุมขมับ รำคาญใจอยู่ไม่เบา

 

 

           ในสมองภาพของทั้งสองคนแม้จะไล่กลับไล่ไม่ไปเลย

 

 

           เขาทำได้เพียงใช้ปลายนิ้วกดที่ปลายคิ้วเบาๆ ตั้งใจมองข้ามไป