ตอนที่ 328 เจ้าไม่มีคุณสมบัติที่จะตายกับข้า / ตอนที่ 329 ความแค้นของกู้จื่อหยวน

หวนแค้นชะตารัก

ตอนที่ 328 เจ้าไม่มีคุณสมบัติที่จะตายกับข้า 

 

 

 

 

 

พอพูดจบซูเหมยก็หัวเราะ “สมน้ำหน้า กู้เหยี่ยน เจ้า…สมน้ำหน้า เจ้าไม่คู่ควรกับ…ซูหลิ่ว…” 

 

 

“หุบปาก” 

 

 

สีหน้ากู้เหยี่ยนโกรธขึ้ง เขารู้ว่าซูเหมยพูดถูก ต่อให้ไม่มีซูเหมยก็จะมีคนอื่น เขาโทษซูเหมยเป็นการปลอบใจตัวเอง 

 

 

“ซูหลิ่วจงใจ นางจงใจไว้ชีวิตเจ้า กู้เหยี่ยน…ชีวิตนี้เจ้าไม่มีวันมีความสุขหรอก เจ้าจะมีชีวิตอยู่ด้วยความละอายใจ นางตั้งใจทรมานเจ้า 

 

 

ฮ่าๆ…เราต่างพ่ายแพ้ ในที่สุดก็แพ้ซูหลิ่ว 

 

 

นางตายไปนานแล้ว ถึงทุกข์ทรมานก็ชั่วประเดี๋ยว แต่ข้าทรมานมายี่สิบปีแล้ว เจ้า…ยิ่งนานกว่า เห็นเจ้าเป็นอย่างนี้ ข้าก็วางใจ ข้าวางใจจริงๆ…กู้เหยี่ยน ข้าทำผิดต่อซูหลิ่ว แต่ไม่ได้…ทำผิดต่อเจ้า…ไม่เคยเลย…” 

 

 

ถึงตอนนี้ซูเหมยหวังว่าชีวิตที่เหลืออยู่ของกู้เหยี่ยนจะเต็มไปด้วยความทุกข์ทรมาน นี่เป็นสิ่งที่กู้เหยี่ยนสมควรจะได้รับ ต่อให้นางจะเห็นแก่ตัวเพียงไร โหดเ**้ยมแค่ไหน ก็ไม่เคยทำอะไรกู้เหยี่ยน นางจึงเคียดแค้นกู้เหยี่ยน อยากให้เขาพบจุดจบที่ไม่ดี 

 

 

กู้เหยี่ยนดึงมีดออกจากอกซูเหมย ซูเหมยอาเจียนเป็นเลือดกองใหญ่ “เจ้าคิดจะฆ่าตัวตาย…ดีแล้ว เราตายด้วยกัน” 

 

 

“เจ้าไม่มีคุณสมบัติที่จะตายไปกับข้า”  

 

 

กู้เหยี่ยนตอบกลับอย่างเย็นชา เขาเพียงแต่อยากเก็บมีดสั้นเล่มนี้ไว้ เพราะเป็นของของซูหลิ่ว 

 

 

พอถึงตอนนี้ก็มีคนผลักประตูห้อง เสี่ยวเอ้อเดินนำกู้จื่อหยวนเข้ามา เสี่ยวเอ้อยกน้ำชาและขนมมาด้วย พอเปิดประตูออกก็ตกตะลึงกับภาพเบื้องหน้า 

 

 

ขณะที่กำลังสับสน ชาและขนมในมือเสี่ยวเอ้อตกลงบนพื้น ส่งเสียงดังเพล้ง พอได้สติเขารีบโกยอ้าวออกไป 

 

 

กู้จื่อหยวนได้กลิ่นคาวเลือด จากนั้นก็เห็นซูเหมยนอนอยู่บนพื้น และเห็นมีดเปื้อนเลือดในมือกู้เหยี่ยน เขารีบก้าวไปหาซูเหมย “ท่านแม่ ท่านแม่เป็นอย่างไรบ้าง” 

 

 

ซูเหมยยังเหลือลมหายใจเฮือกสุดท้าย นางชี้นิ้วไปที่กู้เหยี่ยนอย่างยากเย็น “เขา…จื่อหยวน เขาไม่คู่ควรจะเป็นพ่อเจ้า เขา…” 

 

 

ซูเหมยกระอักเลือดออกมาอีก นางไม่อาจบอกกู้จื่อหยวนว่าซูหลิ่วฆ่านาง พูดออกไปก็ไม่มีคนเชื่อ เวลานี้นางเคียดแค้นกู้เหยี่ยนสุดขีด จึงคิดจะแก้แค้นเขา นางต้องการให้ลูกชายเคียดแค้นกู้เหยี่ยน ให้กู้เหยี่ยนลิ้มรสการสูญเสียเมียสูญเสียลูก 

 

 

ซูเหมยพูดจบก็หมดลมหายใจ ตายแล้วก็ยังลืมตาโพลง แสดงว่านอนตายตาไม่หลับ 

 

 

กู้จื่อหยวนทรุดนั่งลงกับพื้น ยื่นมือที่สั่นระริกไปตรวจดูลมหายใจของซูเหมย พอรู้ผลเขาก็ใจหายวาบ หันหน้ามาอย่างมึนชา แล้วจู่ๆ ก็ตะคอกใส่กู้เหยี่ยน “ทำไม ทำไมต้องฆ่าท่านแม่ ท่านพ่อ บอกข้าเกิดอะไรขึ้น” 

 

 

กู้เหยี่ยนสงบนิ่งมาก สีหน้าแข็งกร้าว ไม่อธิบายอะไร เขารู้ว่าซูเหมยจงใจทำ 

 

 

เขาติดหนี้ซูหลิ่ว เดิมทีเขาเตรียมรับผิดเอง ถือว่าเป็นการตอบแทนซูหลิ่ว หลายปีมานี้ ในใจเต็มไปด้วยความทุกข์ทรมาน กระทั่งยามหลับตาก็เห็นซูหลิ่วมาหา ถามเขาว่าเพราะอะไร 

 

 

พอกู้เหยี่ยนไม่พูด ยิ่งทำให้กู้จื่อหยวนเดือดดาล เขายื่นมือมาคว้าคอเสื้อกู้เหยี่ยน ดวงตาแดงก่ำ เส้นเอ็นบนมือปูด “ท่านพ่อ ท่านพ่อเป็นบ้าไปแล้วหรือ ท่านแม่เป็นภรรยาคู่ทุกข์คู่ยาก แต่ท่านพ่อกลับทำกับท่านแม่อย่างนี้ ท่านพ่อไม่สมควรจะเป็นพ่อข้า ข้าไม่มีพ่อแบบนี้” 

 

 

เขารู้ว่าซูเหมยออกจากบ้าน เขาผ่านมาทางนี้จึงตั้งใจมาแวะหาซูเหมย นึกไม่ถึงว่าพอเข้ามาก็เจอสภาพนี้ น่าหัวเราะจริงๆ ท่านพ่อที่เขาเคารพรักกลับสังหารท่านแม่ของเขา 

 

 

 

 

 

—— 

 

 

ตอนที่ 329 ความแค้นของกู้จื่อหยวน 

 

 

 

 

 

“ซูเหมยไม่ใช่ภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากของข้า” 

 

 

“เพราะท่านป้าอีกแล้วหรือ ตอนนั้นถ้าท่านพ่อตัดใจจากท่านป้าไม่ได้ ก็ไม่ควรแต่งงานกับท่านข้า และไม่ควรมีลูกอย่างข้า” 

 

 

ถึงตอนนี้กู้จื่อหยวนพลอยเกลียดซูหลิ่วไปด้วย นางเป็นคนทำลายชีวิตครอบครัวของเขา เขารู้มาตลอดว่าซูหลิ่วเป็นปมค้างใจสำหรับซูเหมย 

 

 

กู้เหยี่ยนไม่คิดจะเล่าเหตุการณ์ครั้งนั้นให้กู้จื่อหยวนรู้ เขาไม่โต้แย้ง ก็เหมือนที่ซูเหมยพูด ทั้งหมดนี้เป็นกรรมตามสนอง เขาจึงยอมรับผลทุกอย่างที่เกิดขึ้น 

 

 

พอเห็นว่ากู้เหยี่ยนไม่พูดอะไร กู้จื่อหยวนจึงถือว่ากู้เหยี่ยนยอมรับแล้ว เขาคุกเข่าลงกับพื้น กอดซูเหมยไว้แน่น เส้นเอ็นบนมือโปนขึ้น ดวงตาฉายแววเคียดแค้นอย่างชัดเจน เขาไม่สามารถแก้แค้นให้ซูเหมย ต่อให้แค้นใจเพียงไรก็ไม่อาจสังหารพ่อของตัวเองได้ 

 

 

กู้เฝิ่นไต้เพิ่งตายไม่นาน บัดนี้ซูเหมยก็จากไปแล้ว เขาไม่อยากอยู่ในบ้านสกุลกู้อีกต่อไป คนที่ใกล้ชิดที่สุดของเขาจากไปหมด สำหรับเขาสกุลกู้ไม่มีความหมายแล้ว 

 

 

เขาเริ่มโกรธแค้นสวรรค์ ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมสวรรค์จึงพรากทุกอย่างของเขาไป ซูจิ่วซือถูกแย่งไปแล้ว ญาติใกล้ชิดก็ไม่มีแล้ว ถึงตอนนี้เขาไม่เหลืออะไรเลย ชะตากรรมของเขานี่ไม่ควรเป็นอย่างนี้ เขาไม่ยอมรับและไม่อาจรับได้ 

 

 

“บางเรื่องไม่ใช่เป็นอย่างที่เจ้าคิด จื่อหยวน ทั้งหมดนี้แม่เจ้าสมควรได้รับ โทษใครไม่ได้ พ่อไม่ได้ทำผิดต่อซูเหมย” 

 

 

“ถึงขั้นนี้แล้ว ท่านพ่อยังไม่รู้สำนึกอีก” กู้จื่อหยวนยิ้มหยัน “ฆ่าคนต้องชดใช้ด้วยชีวิต ข้าไม่ช่วยท่านพ่อเด็ดขาด” 

 

 

“พ่อเองก็ไม่ต้องการให้เจ้าช่วย เวลานี้จะเป็นหรือตายก็ไม่ต่างกัน”  

 

 

กู้เหยี่ยนเลิกมองซูเหมยบนพื้น รอให้เจ้าเมืองส่งเจ้าหน้าที่มา เกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้น เสี่ยวเอ้อต้องแจ้งทางการแน่ จะตัดสินลงโทษอย่างไรก็ช่างเถอะ เขาไม่ใส่ใจ เขาได้เห็นซูหลิ่วเป็นครั้งสุดท้าย ก็เหมือนได้แก้ปมในใจแล้ว 

 

 

เจ้าเมืองนำเจ้าหน้าที่มาด้วยตัวเองคุมตัวกู้เหยี่ยนไป 

 

 

กู้หลียวนได้ข่าวก็รีบมา เห็นเพียงกู้จื่อหยวนนั่งเหม่ออยู่บนพื้น เขาอกดศพซูเหมยไม่ขยับเขยื้อน 

 

 

แม้กู้หลียวนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รู้ว่าเหตุการณ์ทั้งหมดเกี่ยวข้องกับซูจิ่วซือ เพียงแต่เขาไม่เข้าใจว่าทำไมกู้เหยี่ยนจึงเข้าไปพัวพัน และตลอดเวลากู้เหยี่ยนไม่พูดแก้ตัวแม้แต่คำเดียว เรื่องราวเป็นอย่างไรกันแน่ 

 

 

ซูจิ่วซือไม่ได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตให้กู้หลียวนรู้ นางคิดว่านี่เป็นบุญคุณความแค้นระหว่างพวกเขา ไม่เกี่ยวกับลูก และไม่คิดจะดึงลูกเข้ามาพัวพัน จึงไม่เอ่ยเรื่องนี้กับกู้หลียวน คิดแต่ว่าจะจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเองอย่างลับๆ  

 

 

“จื่อหยวน…” 

 

 

“ท่านแม่ตายแล้ว” แววตากู้จื่อหยวนว่างเปล่า ราวกับว่าในดวงตาไม่มีอะไรเลย และดูล้ำลึกจนไม่มีใครเข้าใจ “เจ้าคงไม่เสียใจแน่ เจ้าไม่เคยถือท่านแม่เป็นแม่เจ้า เจ้าก็เหมือนพี่รอง ตอนนั้นพี่รองจะฆ่าท่านแม่ เจ้ายังอยู่ข้างเดียวกับพี่รอง พี่ใหญ่ ท่านแม่เลี้ยงดูเจ้ามาหลายปี แต่เจ้าไม่เคยสำนึกบุญคุณ” 

 

 

“ในใจท่านแม่ มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่เป็นลูกชาย ข้ากับเฉินหรงไม่เคยเป็น จื่อหยวน เรื่องระหว่างเฉินหรงกับท่านแม่ จะโทษเฉินหรงไม่ได้ เขารู้ชาติกำเนิดของตัวเองดี” 

 

 

“ข้าก็รู้ เวลานี้เขาเป็นรัชทายาทแห่งแคว้นเจียง ถ้าไม่มีท่านแม่ เขาจะมีชีวิตจนถึงเดี๋ยวนี้หรือ จะกลับไปรับตำแหน่งรัชทายาทที่แคว้นเจียงได้หรือ 

 

 

พ่อเลี้ยงแม่เลี้ยงของเขาที่หมู่บ้านบนภูเขาจะอบรมคนให้เป็นรัชทายาทได้หรือ เขามีวันนี้เป็นเพราะท่านแม่มอบให้ ไม่เช่นนั้นตอนนี้เขาคงเป็นเพียงชาวนาที่รู้จักแต่ผ่าฟืนทำนาเท่านั้น”