ตอนที่ 334 จดหมายจากทางบ้าน / ตอนที่ 335 จดหมายที่มาช้า

บุปผาเคียงบัลลังก์

ตอนที่ 334 จดหมายจากทางบ้าน

 

 

แต่เมื่อกลับเข้าตำหนักอวี้หยวนแล้วหลิ่วจุ้ยก็ไม่อาจสงบใจลงได้ นางกังวลว่าตนเองจะถูกเปิดเผยแล้วถูกหวังหมัวหมัวตีจนตาย แต่นางก็กลัวว่าหากไม่ทำเช่นนั้นก็จะไม่สามารถช่วยชีวิตเซียงฉือได้

 

 

นางใช้ชีวิตอยู่ในวังมาไม่ใช่สั้นๆ สามารถไต่เต้าจากเด็กรับใช้ที่ไม่รู้อะไรเลยจนมาเป็นนางกำนัลขั้นที่หนึ่งในวันนี้ได้ ตลอดมานางเป็นคนรอบคอบระมัดระวังอาศัยความรอบคอบและฉลาดเฉลียวที่มีจำกัดของตน รักษาตนเองอยู่รอดปลอดภัยมาได้จนบัดนี้

 

 

อีกไม่กี่ปีนางจะได้ออกจากวังแล้ว นำสิ่งที่กุ้ยเฟยประทานให้กับที่ตนเก็บอดออมมาไปซื้อร้านเล็กๆ สักร้านหนึ่ง แล้วใช้ชีวิตอย่างไม่ต้องห่วงกังวล หรืออาจหาชายหนุ่มสักคนเพื่อฝากชีวิต

 

 

ถ้าหากคนคนนั้นไม่ใช่อวิ๋นเซียงฉือ นางย่อมไม่มีทางจะทำเรื่องเสี่ยงออกไปเช่นนี้

 

 

แม้นางจะรู้ดีว่ามีโอกาสสูงมากที่จะถูกเปิดเผยตัว แต่นางก็ทำลงไปแล้ว แม้จะไม่รู้อนาคต แต่นางไม่ได้สำนึกเสียใจเลย

 

 

ค่ำคืนนี้วุ่นวายโกลาหลนัก แต่ท้ายที่สุดยังคงเป็นเพียงความตระหนกที่ไม่เกิดภัย กุ้ยเฟยพิโรธจนปวดศีรษะต้องเรียกหมอหลวงเข้าตำหนักในคืนนั้น

 

 

ส่วนหวังหมัวหมัวก็ใช้แส้เฆี่ยนหลิ่วเหยียน ถึงจะไม่บาดเจ็บสาหัสนัก แต่หลายวันนี้ก็ไม่สามารถรับใช้ข้างกายกุ้ยเฟยได้

 

 

ดังนั้นการดูแลรับใช้ใกล้ชิดจึงมีเพียงหลิ่วจุ้ยกับหวังหมัวหมัวที่สลับเวรกัน

 

 

ช่วงเวลานั้นทุกคนในตำหนักอวี้หยวนต่างรู้สึกถึงอันตรายแต่ก็อยู่กันมาได้อย่างปลอดภัย

 

 

เมื่อเซียงฉือกลับตำหนักไปกับฮ่องเต้แล้วเขาก็ไม่ได้ทำให้นางลำบากอีกและอนุญาตให้นางกลับไปพักผ่อน ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เซียงฉือก็เฝ้าคอยแต่จดหมายแจ้งความปลอดภัยจากทางบ้าน ผ่านวันเวลาไปอย่างสบายไร้กังวลยิ่ง

 

 

แต่นางไม่รู้เลยว่าวันเวลาที่สงบสุขเช่นนั้นกำลังจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว

 

 

พอย่างเข้าเดือนเก้า ดอกท้อที่ยังพอมีดอกหร็อมแหร็มอยู่บ้างก็ไม่มีแล้ว มีเพียงสีเขียวเต็มต้น เซียงฉือไม่รู้สึกถึงความไม่ปกติ เพราะอากาศของที่นี่ต่างจากหลานโจวที่นางเติบโตมา

 

 

ระยะนี้ภัยแล้งที่ไหวอานได้ผ่านพ้นไปแล้ว ฝ่าบาทได้พระราชทานเสบียงและเงินบรรเทาภัยให้ใต้เท้าเถี่ยหมิงผู้มีชื่อเสียงเรื่องความสุจริตอย่างยิ่งเป็นคนคุมไปจนถึงไหวอานด้วยตนเองจึงได้บรรเทาภัยแล้งครั้งใหญ่ลงได้ ราษฎรเริ่มลงมือเพาะปลูกและสามารถผ่านพ้นชะตากรรมในปีนี้ไปได้

 

 

ฮ่องเต้ดีพระทัยมากจึงเลื่อนตำแหน่งให้เถี่ยหมิง และยังคงดีใจเช่นนั้นอยู่หลายวัน เมื่อเซียงฉือเห็นฮ่องเต้ดีใจนางก็ดีใจด้วย ระยะนี้การปรึกษาหารืองานในตำหนักเจิ้งหยางจะมีใต้เท้าหน้าดำเคร่งขรึมเพิ่มเข้ามาคนหนึ่ง ทุกครั้งเซียงฉือจะแอบอยู่ด้านหลังฉากบังลมฟังการปรึกษาเรื่องงานเมืองของพวกเขา

 

 

ถึงหรงจิงจะรู้ว่านางแอบอยู่ข้างหลังแต่ก็ไม่เคยเปิดโปงนาง คิดว่านางคงมีความสนใจใคร่รู้ บางครั้งยังจงใจถามเซียงฉือว่าสนใจใต้เท้าคนนั้นหรือ รอให้นางอายุครบยี่สิบห้าแล้วจะให้นางแต่งงานกับใต้เท้าคนนั้น

 

 

คำพูดของหรงจิงทำให้เซียงฉืออายจนหน้าแดงก่ำ นางยืดคอทำปากแข็งบอกไปว่าชีวิตนี้จะไม่แต่งงาน จะอยู่รับใช้ฮ่องเต้ทั้งชีวิตเพื่อช่วยแบ่งเบาราชกิจ

 

 

หรงจิงเห็นนางเป็นเพียงเด็กน้อย เซียงฉือเข้ากองราชเลขาตอนอายุสิบหกปี อีกไม่กี่วันก็จะสิบเจ็ดปีแล้ว มีหลายสิ่งหลายอย่างที่คล้ายคลึงกับหรงจิงเมื่อครั้งขึ้นครองราชย์ในวัยเยาว์

 

 

หรงจิงขึ้นครองราชย์ตั้งแต่อายุสิบหก เขามุ่งมั่นทุ่มเทสร้างความเจริญให้ประเทศ พออายุสิบแปดปีก็สำเร็จราชการด้วยตนเอง อายุยี่สิบปียกทัพปราบกบฎ และนำทัพอาชาเหล็กแห่งแคว้นเซียวจิ่งถล่มกองทัพหมาป่าทมิฬแห่งแคว้นหรงเสวี่ยราบคาบในวัยยี่สิบสี่ปี แคว้นหรงเสวี่ยที่ลำพองเสมอมาจึงศิโรราบไม่กล้าก่อเหตุรุกรานอีก

 

 

ขณะนี้หรงจิงอายุยี่สิบหกปี ครองราชย์มาได้สิบปีแล้ว แต่เขากลับนับวันยิ่งว้าเหว่ และยิ่งเข้าใจแจ่มชัดถึงการทอดถอนใจของพระบิดาในตอนนั้น

 

 

เป็นเพราะเหตุนี้เขาจึงได้ตามใจเซียงฉือไม่มีเจตนาบังคับนาง ขอเพียงไม่เกินเลยขอบเขตเขาก็ยินดีให้อภัย เซียงฉือเองก็รู้สำนึกต่อเขา จึงยิ่งทุ่มเททำงานที่เขาสั่งอย่างเต็มสติกำลัง

 

 

ส่วนเรื่องที่ไม่ได้สั่งหากเพียงนางสามารถทำได้ ก็จะคิดหาวิธีทำให้ดียิ่งขึ้น

 

 

แต่ไม่ว่านางจะทำอะไร มีเพียงเรื่องเดียวที่นางยังคงรอคอยมาตลอด คือการรอที่จะได้รับจดหมายแจ้งความปลอดภัยจากครอบครัวของนาง

 

 

 

 

ตอนที่ 335 จดหมายที่มาช้า

 

 

เซียงฉือรอและคอยมานานยิ่ง ทว่าจดหมายจากทางบ้านฉบับนั้นดูเหมือนจะมีความแค้นกับนางจึงไม่ยอมมาถึงมือนางสักที

 

 

หลายว่ามานี้ยิ่งขมวดคิ้วเศร้าสร้อย ร่างกายผ่ายผอมลง ทุกครั้งที่สวี่อี้เห็นเซียงฉือก็จะพูดว่า

 

 

“ไม่มี ข้าถามทางกองบริหารจัดการรวมแล้ว ไม่มี”

 

 

ท่าทางยืนยันแข็งขันของสวี่อี้ ยิ่งทำให้เซียงฉือหมดอาลัยตายอยาก

 

 

แต่ก็ยังคงรอคอยเช่นนั้นต่อไป อากาศเริ่มเย็นขึ้นแล้ว

 

 

วันนี้เซียงฉือไปหอทิงเฟิงกับฝ่าบาทเพื่อร่วมดื่มกับเหลียนชินอ๋อง แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะลมและทรายในดินแดนทะเลทรายทางเหนือรุนแรงเกินไปหรือเนื้อหมาป่ากินไม่อร่อย ใบหน้าเหลียนชินอ๋องจึงดูตอบไป

 

 

เมื่อเซียงฉือเห็นหรงเฉิงเยี่ยในตอนแรกก็ถูกดวงตาที่เหมือนหมาป่านั้นทำให้ตกใจจนต้องไปหลบอยู่หลังฮ่องเต้

 

 

“ฝ่าบาท คนเถื่อนจากแคว้นหรงเสวี่ยมาแล้ว พระองค์เสด็จนำหน้าเถิดเพคะ”

 

 

เซียงฉือรู้อยู่ก่อนแล้วว่าหรงเฉิงเยี่ยจะเข้าวังในวันนี้ ส่วนหรงจิงก็กำลังเล่าเรื่องสนุกตอนที่เขายกทัพไปรบแคว้นหรงเสวี่ยในตอนนั้น ขณะกำลังเล่าถึงคนเถื่อน หรงเฉิงเยี่ยที่หนวดเครารุงรังก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าเซียงฉือ

 

 

นางตกใจแล้วรีบแอบ ซึ่งจะโทษนางก็ไม่ได้ เพราะนิทานของหรงจิงเล่าได้เห็นภาพมาก และลักษณะของคนเถื่อนนั้นก็เป็นแบบเดียวกับหรงเฉิงเยี่ยในตอนนี้

 

 

หรงเฉิงเยี่ยเสียงแหบ เขาสวมชุดทหาร เพราะความรีบเร่ง จึงทำเอาผมของเขายุ่งไปอยู่บ้าง ความจริงเหลียนชินอ๋องที่มีใบหน้าขาวผุดผาดจัดเป็นชายงามคนหนึ่งของเมืองหลวงเลยทีเดียว

 

 

แต่ดูรูปลักษณ์ของเขาในตอนนี้ ใบหน้าดำคล้ำ หนวดเครายังไม่ทันได้จัดการโกน ริมฝีปากแห้งเป็นขุย

 

 

หรงเฉิงเยี่ยยิ้มอย่างอ่อนใจ เซียงฉือรู้ตัวได้ไวจึงรีบทำความเคารพ

 

 

จากนั้นจึงคิดจะวิ่งหนีออกไปไม่ให้ทันสังเกต ทว่าหรงจิงตาแหลม เขายิ้มแล้วพูดขึ้นว่า

 

 

“เซียงฉือ ไปนำอุปกรณ์ทำความสะอาดหน้าของข้ามา ข้าจะลงมือจัดการหน้าตาเฉิงเยี่ยให้เอง”

 

 

หรงเฉิงเยี่ยรีบบอกมิกล้า แต่ทว่าหรงจิงกระตือรือร้นอย่างยิ่งจนเขาไม่กล้าปฏิเสธอีก จากนั้นจึงถอดชุดออก เผยให้เห็นร่างกายที่กำยำ นั่งอยู่ในโถงส่องกระจกมองดูตนเองแล้วเอาแต่ส่ายหน้า

 

 

“สารรูปของกระหม่อมนี่ ทำให้เด็กๆ ตกใจง่ายจริงๆ”

 

 

หรงจิงก็ยิ้มแล้วพูดว่า

 

 

“ทำให้เด็กๆ ตกใจไม่สู้กระไรนัก แต่ถ้าทำให้สาวสวยตกใจละก็ เจ้ายังไม่ได้แต่งงานเสียด้วย จะทำอย่างไรดี”

 

 

เซียงฉือได้ยินก็ขำพรืด แต่ก็รีบสำรวมโดยเร็ว จากนั้นหลบออกไปนอกห้อง

 

 

พอออกนอกประตูก็เห็นซูกงกงยิ้มอย่างดีใจวิ่งเข้ามา

 

 

“โอ้ ใต้เท้าอวิ๋น จดหมายทางบ้านที่ท่านเฝ้าเดือนถามดาวมาถึงแล้ว เพิ่งไปถึงกองบริหารจัดการรวม ใต้เท้าสวี่ก็รีบนำมาให้ท่านแล้ว ทั้งกำชับข้าว่าต้องนำมาให้ท่านในทันทีอีกด้วย”

 

 

“ได้รับจดหมายจากทางบ้านแล้ว คราวนี้ท่านคงจะวางใจได้แล้วกระมัง”

 

 

ซูกงกงก็รู้ว่าระยะนี้เซียงฉือกังวลใจกับเรื่องที่บ้านมาตลอด ดังนั้นเมื่อได้รับจดหมายจากทางบ้านนางจึงรีบส่งมาให้

 

 

เซียงฉือมองดูอักษรสีดำบนแผ่นหนังขาว เป็นจดหมายจากทางบ้านที่บิดาเป็นคนเขียน นางดีใจจนน้ำตาไหล

 

 

กอดจดหมายจากทางบ้านไว้หัวเราะเสียงใสราวระฆังเงิน ซูกงกงได้ยินก็พลอยดีใจไปด้วย

 

 

แต่ยังไม่ทันที่เซียงฉือจะได้เปิดจดหมายก็ได้ยินเสียงเรียกจากฮ่องเต้ หรงจิงเป็นถึงฮ่องเต้ ไม่เคยต้องทำความสะอาดใบหน้าด้วยตนเอง ตอนนี้เมื่อมีอุปกรณ์วางอยู่เบื้องหน้ามากมายก็ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร

 

 

พอคิดถึงซูกงกงขึ้นมาจึงเปิดหน้าต่างรีบเรียกเขาให้เข้าไป หรงจิงเป็นถึงฮ่องเต้แต่เป็นคนประหลาด เขามีความชอบมากมายและสนใจไปเสียทุกอย่าง กับเรื่องที่เขาคิดจะทำ ยังไม่เคยมีสิ่งใดที่เขาทำไม่ได้