“ใครส่งพวกเจ้ามา? เหตุใดถึงบุกรุกเข้ามายังอาณาเขตของพวกข้า”

ชนพื้นเมืองเหล่านี้ล้วนถือคันธนูและลูกธนูแบบโบราณ จากนั้นมุ่งเป้าไปที่กู้ชูหน่วน

เพราะเหวินเส่าอี๋ไม่สามารถขยับได้ ทำให้ถูกชนพื้นเมืองเหล่านั้นใช้เหล็กแหลมจ่อไปที่คอ เพียงแค่พวกเขาออกแรงเล็กน้อย คอของเหวินเส่าอี๋ต้องถูกแทงทะลุ

กู้ชูหน่วนชี้ไปที่ด้านบนของหน้าผา “พวกข้าตกลงมาจากข้างบนนั้นและถูกน้ำพัดมายังที่นี่ พวกข้าไม่มีเจตนาที่จะบุกรุกอาณาเขตของพวกเจ้า”

ชนพื้นเมืองนับสิบต่างส่งเสียงเอะอะโวยวายและสุดท้ายพวกเขาก็พูดพร้อมกัน

“ไม่ว่าเจ้าจะตกลงมาจากข้างบนหรือไม่ เพียงแค่บุกรุกเข้ามายังอาณาเขตของพวกข้า เช่นนั้นก็เป็นศัตรูของชาวเผ่าของพวกข้า จับตัวนางไว้”

กู้ชูหน่วนลังเลคิดจะหลบหนี แต่สุดท้ายก็ยอมจำนน

ถึงแม้ว่าชนพื้นเมืองเหล่านี้จะมีรูปร่างใหญ่กำยำและถือคันธนูและลูกธนู แต่หากนางคิดหลบหนี ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้

เพียงแต่……

หากนางหนีไป คน……ชายสวมหน้ากากผีเสื้อคนนั้นจะต้องตายอย่างไม่มีข้อสงสัย

หลังจากชั่งน้ำหนักแล้ว กู้ชูหน่วนยกเลิกการหลบหนีและเลือกที่จะอยู่ต่อ

และเช่นนี้ กู้ชูหน่วนและเหวินเส่าอี๋จึงยอมให้ชนพื้นเมืองจับตัวและนำกลับไปอย่างง่ายดาย

ชนพื้นเมืองเหล่านั้นล้าหลังกว่าที่นางคิดเอาไว้มาก ทุกวันนี้ยังคงอาศัยอยู่ในกระท่อมมุงจากรูปทรงเห็ดและใช้อาวุธดั้งเดิมที่สุด เช่น เหล็กแหลม ท่อนไม้ ค้อนกระดูก เป็นต้น

คนในเผ่ามีจำนวนมาก

เมื่อเห็นพวกเขาคุมตัวคนแปลกหน้าเข้ามา ทุกคนทั้งเด็กเล็ก คนแก่ต่างพากันวิ่งเข้ามาดู

มีเด็กจำนวนไม่น้อยวิ่งไปมาด้วยความตื่นเต้น

“มีเนื้อให้กินแล้ว ท่านปู่ คืนนี้เรามีเนื้อกินแล้ว”

“ดูเนื้อที่ละเอียดนุ่มของพวกเขาสิ จะต้องอร่อยกว่าเนื้อสัตว์ในป่าภูเขาอย่างแน่นอน”

กู้ชูหน่วนกลอกตา

ต่อให้นางโง่เขลานางก็ดูออก

คนเหล่านี้จับพวกเขามาไม่ใช่เพราะเหตุผลอื่น แต่เพราะนำพวกเขามาเป็นอาหาร

ในขณะที่ทุกคนกำลังตื่นเต้นดีใจอยู่นั้น เด็กอายุราวๆ สองสามขวบก็รีบวิ่งเข้ามา “อาต้า พ่อของเจ้าถูกงูกัด ตอนนี้กำลังอยู่ในอันตราย ทำอย่างไรดี?”

“อะไรนะ? พ่อของข้าล่ะตอนนี้อยู่ที่ใด งูกัดส่วนไหนของพ่อข้าหรือ”

“กัดเข้าที่ต้นขา”

“เช่นนั้นเหตุใดถึงไม่รีบตัดขาเขาเสีย”

“พวกข้าอยกจะตัด แต่หัวหน้าเผ่าไม่ยอม ก็เลย……”

ในระหว่างที่พูดกัน ชนพื้นเมืองจำนวนหนึ่งก็ประคองชายวัยกลางคนและดูมีอำนาจเข้ามา

ชายวัยกลางคนสีหน้าเคร่งคล้ำ ต้นขามีรูเลือดและเลือดสีดำก็ไหลหยดย้อยออกมา เห็นได้ชัดว่าถูกพิษเข้าไปลึกมาก

อาต้าที่จับกู้ชูหน่วนเอาไว้แน่นก็รีบวิ่งเข้าไป “ท่านพ่อ ท่าน……เหตุใดท่านถึงไม่ยอมให้พวกเขาตัดขาของท่าน ตอนนี้……ตอนนี้ยังทันหรือไม่? ข้าจะตัดให้ท่านเอง”

“อย่า ท่านแม่ของเจ้าที่ตายไปแล้ว นางชอบที่ข้าเป็นคนวิ่งเร็ว ต่อให้ข้าต้องตาย เช่นนั้นก็ห้ามตัดขาของข้า อีกอย่าง……ต่อให้ตัดตอนนี้ก็ไม่ทันกาลเสียแล้ว”

“ท่านพ่อ……พวกเจ้ายังไม่รีบไปตามนักบวชมาทำการรักษาให้ท่านพ่อของข้าอีก”

“นักบวช……นักบวชมาดูอาการแล้ว เขาบอกว่าหัวหน้าเผ่าถูกพิษลึกมาก ไม่……ไม่สามารถช่วยชีวิตได้แล้ว”

กู้ชูหน่วนจามออกมาและพูดแทรกขึ้นมา “ข้าสามารถช่วยเขาได้”

“เจ้า?”

ทุกคนต่างไม่เชื่อ

ผู้หญิงคนนั้นดูไปแล้วอายุยังไม่ถึงยี่สิบปีด้วยซ้ำ จะรู้วิธีการรักษาได้อย่างไร

“ถึงอย่างไรเสียพวกเจ้าก็ไม่มีวิธีช่วยชีวิตของเขา ไม่เช่นนั้นก็ให้ข้าลองดู ไม่แน่ข้าอาจสามารถช่วยชีวิตเขาได้ อย่างไรเสียข้าก็อยู่ในเงื้อมมือของพวกเจ้า จะหนีก็หนีไปไหนไม่ได้”

“อาต้า อย่าเชื่อนาง ท่านแม่ของข้าได้บอกเอาไว้ว่าคนภายนอกนั้นอันตราย พวกเขาเล่ห์เหลี่ยมและสามารถทำสิ่งชั่วร้ายได้”

“ใช่ ท่านปู่ของข้าก็พูดเช่นนั้นว่าคนภายนอกนั้นไม่น่าเชื่อถือ โดยเฉพาะผู้หญิงจากภายนอก”

กู้ชูหน่วนผายมือ “ตามใจพวกเจ้า ถึงอย่างไรเสียคนที่ตายก็ไม่ใช่พ่อของข้า”

อาต้าครุ่นคิดและขมวดคิ้วเป็นเวลานานก่อนจะกัดฟันพูดออกมา “หากเจ้าสามารถรักษาท่านพ่อของข้าได้ ข้าจะปล่อยเจ้า หากเจ้าไม่สามารถรักษาได้ เช่นนั้นคืนนี้……ก็เป็นอาหารมื้อหนึ่ง”

“ไม่มีปัญหา”

กู้ชูหน่วนเดินเข้าไปใกล้หัวหน้าเผ่าและเปิดต้นขาของเขา

และต้นขาของเขาก็มีรอยถูกงูกัดอยู่จริง

เขาถูกงูมีพิษกัด แต่พิษของงูนี้ไม่ร้ายแรงนัก

หากจะพูดไม่น่าฟังสักนิด ก็คือคุยโม้คุยโต เพียงแค่กำจัดพิษออกมาก็สามารถรักษาชีวิตรอดได้ ไม่รู้ว่าเหตุใดนักบวชของพวกเขาถึงอ่อนหัดถึงเพียงนี้ พิษเพียงเล็กน้อยก็ไม่สามารถกำจัดได้

กู้ชูหน่วนใช้เข็มเงินเพื่อถอนพิษออกมาให้เขา

จากนั้นหยิบยาสองเม็ดออกมาจากวงแหวนอวกาศ เม็ดหนึ่งให้หัวหน้าเผ่ากินและอีกเม็ดหนึ่งทุบให้ละเอียดแล้วประคบไปบนต้นขาของเขา

อาต้ากล่าวอย่างร้อนรน “ไม่ดูดพิษออกมาหรือ?”

“ดูดอะไร เส้นเลือดของเขามีพิษอยู่ เจ้าอยากให้คนที่ดูดพิษได้รับพิษไปด้วยหรือ?”

“เมื่อก่อนที่พวกข้าถูกงูพิษกัด ก็จะใช้ปากดูดพิษออกมา”

“นั่นเป็นเพราะโชคดี หากเจอกับงูพิษเข้าจริงๆ เจ้าก็ลองดูว่ายังยังมีชีวิตอยู่หรือไม่”

เป็นเพียงเชลย แต่กลับกล้าใช้คำพูดอวดดีเช่นนี้กับอาต้า ชนพื้นเมืองต่างพากันโกรธ

ในขณะที่กำลังรอยาออกฤทธิ์ ก็ได้ยินเสียงใครคนหนึ่งพูดขึ้นมา

“พวกเจ้าดูสิ สีหน้าของหัวหน้าเผ่าดีขึ้นแล้ว เลือดที่ไหลออกมาก็เปลี่ยนเป็นสีแดงแล้ว”

“อ๋า จริงด้วย เหตุใดถึงวิเศษเช่นนี้? รักษาให้หายได้เร็วเช่นนี้? เก่งกาจกว่านักบวชของเราอีก?”

“ท่านพ่อ ท่านรู้สึกอย่างไรบ้าง?”

“ข้า……ข้ารู้สึกดีขึ้นมากแล้วและร่างกายก็ไม่ชาอีกแล้ว”

ชายชราคนหนึ่งทำการตรวจวัดชีพจรให้กับหัวหน้าเผ่า เขาพูดขึ้นด้วยความตกใจ “ช่างน่าอัศจรรย์อย่างมาก พิษงูได้……ได้ถูกกำจัดแล้ว……”

“ฮู……ฮู……ฮู……”

ชนพื้นเมืองเหล่านั้นเปลี่ยนท่าทีของพวกเขาจากที่แสดงท่าทางโหดร้าย จากนั้นอุ้มกู้ชูหน่วนโยนขึ้นบนฟ้าและตะโกนโห่ร้อง

“แม่นาง เจ้าเป็นเทพศักดิ์สิทธิ์ของหัวหน้าเผ่าของพวกข้า”

“……”

หัวใจของกู้ชูหน่วนเกือบจะแหลกสลายโดยพวกเขา

แค่กำจัดพิษงูออกไปได้ ก็เปลี่ยนจากศัตรูกลายเป็นเทพผู้สรรค์สร้าง?

“หยุดๆๆ ข้าเวียนหัว”

อาต้าหัวเราะ “เจ้าช่วยชีวิตท่านพ่อของข้าเอาไว้ก็ถือเป็นผู้มีพระคุณใหญ่หลวงของข้า และเป็นผู้มีพระคุณของชาวเผ่าดินทุกคนด้วยเช่นกัน แม่นาง เจ้าต้องการอะไร ขอเพียงเจ้าพูดออกมา พวกข้าจะยอมทำตามทั้งหมด”

“ข้าไม่อยากได้อะไรทั้งนั้น พวกเจ้าปล่อยข้าไปก็พอ”

“ก็ได้ ข้ารับปากเจ้า” ดูจากการแต่งตัวของนางแล้ว คงไม่ใช่สายลับจากเผ่าอื่นที่ถูกส่งมาหรอก

“ขอบใจมาก” กู้ชูหน่วนประคองเหวินเส่าอี๋ขึ้นและต้องการจะจากไป แต่กลับถูกพวกเขาล้อมเอาไว้

“เจ้าไปได้ แต่เขาไปไม่ได้”

“เพราะอะไร”

“เขาอาจเป็นสายลับที่เผ่าอื่นส่งมาสอดแนม”

“พวกเจ้าคิดมากเกินไปแล้ว เขาเป็นเพื่อนของข้าและตกลงมาจากข้างบนพร้อมกันกับข้า”

“เช่นนั้นเหตุใดเขาจึงแต่งกายไม่เหมือนกับเจ้า?”

“เอ่อ……ตอนที่เราตกลงมานั้นได้พบกับกระแสน้ำวนเข้า เสื้อผ้าของเขาจึงถูกกระแสน้ำวนพัดพาไป”

คำพูดนี้ไม่เพียงแค่ชาวเผ่าดินที่ไม่เชื่อเท่านั้น แม้แต่กู้ชูหน่วนเองก็ไม่เชื่อ

แต่นางควรพูดอย่างไร?

บอกว่าเดิมทีเขาเพียงแค่เอาเสื้อผ้ามาปิดคลุมไว้ จากนั้นกระแสน้ำวนก็พัดพาไป?

เช่นนั้นพวกเขาก็ไม่เชื่อ

“พวกข้าเคารพที่เจ้าช่วยชีวิตของท่านพ่อของข้าไว้ แต่ผู้ชายคนนี้น่าสงสัยอย่างมาก เป็นการยากที่พวกข้าจะเชื่อว่าเขาไม่ใช่ผู้สอดแนมที่ถูกส่งมาจากเผ่าอื่น”

“ฆ่าเขา ฆ่าเขา”

“หักแขนหักขาของเขาและทำเป็นเนื้อย่าง จากนั้นต้มน้ำแกงกระดูก”

“ฮูๆๆ……”

ชนเผ่าต่างพากันโห่ร้องเสียงดัง แต่ละคนส่งเสียงออกมาให้จัดการกับเหวินเส่าอี๋ ไม่แม้ต่อจะปรานีเขาเลย

กู้ชูหน่วนทำได้เพียงกัดฟัน “พวกเจ้าเชื่อข้า เขาไม่ได้เป็นผู้สอดแนมจริงๆ เขาคือ……คู่หมั้นของข้า”

“คู่หมั้น?”

“ใช่ พวกข้าทั้งสองคนได้หมั้นหมายกันตั้งแต่เล็กและความสัมพันธ์ก็แน่นแฟ้นกันมาก เดิมทีจะได้แต่งงานกันแล้ว แต่ตระกูลของเขาเริ่มประสบกับความล้มเหลว ทำให้ท่านพ่อของข้าไม่ยอม ดังนั้นพวกข้าจึงหลบหนีออกมาและสุดท้ายก็ถูกคนใช้ไล่ฆ่า ทำให้ตกหน้าผาลงมา ข้าสาบานได้ว่าข้าและเขาไม่ได้เป็นผู้สอดแนม หากพวกข้าเป็นสายลับจริง เช่นนั้นเหตุใดต้องช่วยชีวิตท่านพ่อของเจ้า”

เหวินเส่าอี๋จ้องมองไปที่กู้ชูหน่วนอย่างไร้คำพูด

ผู้หญิงคนนี้เมื่อพูดโกหกขึ้นมา ช่างพูดได้อย่างราบเรียบไม่สะทกสะท้านเลยสักนิด

อาต้าและหัวหน้าเผ่าและทุกคนมองหน้ากันด้วยความสงสัย

และในที่สุดหัวหน้าเผ่าก็กล่าวว่า “ในเมื่อพวกเจ้าเป็นคู่หมั้นกัน เช่นนั้นข้าจะจัดงานแต่งงานให้กับพวกเจ้า เพียงแค่พวกเจ้าได้ร่วมหอลงโรงกันแล้ว ข้าก็จะเชื่อว่าพวกเจ้าเป็นสามีภรรยากันจริง”