ฉีหย่วนเหิงจ้องเธอนิ่งอย่างมีความหมาย “เพราะฉะนั้น ตอนนี้คุณคงเข้าใจแล้วว่าคุณกำลังตกอยู่ในอันตราย ผมขอแนะนำนะ คุณไม่ต้องกลับบ้าน และไม่ต้องไปทำงานแล้ว” 

 

 

สมองเธอมึนงงสับสนไปหมด ได้แต่ส่ายศีรษะเบาๆ “ฉันรู้ค่ะ ถ้าคุณไม่ให้ฉันกลับบ้าน แล้วฉันควรจะไปที่ไหน…” ยังไม่ทันที่เธอจะเอ่ยจบประโยค พลันเห็นสายตาของเขาแล้วเข้าใจทันที เธอเอ่ยเสียงเบา “ขอโทษ… ฉันไปบ้านคุณไม่ได้หรอกค่ะ” 

 

 

เขามองเธอแวบหนึ่ง ขณะที่เขากำลังจะพูดนั้น บริกรก็นำอาหารมาเสิร์ฟที่โต๊ะพอดี ฉีหย่วนเหิงสั่งสเต๊กเนื้อ กลิ่นอาหารหอมกรุ่นลอยอยู่ในอากาศ ส่วนเฉียวซือมู่สั่งชุดเซ็ทปลาหิมะ เนื้อปลาหิมะขาวอวบชุ่มฉ่ำมาก 

 

 

ส่วนเครื่องดื่มก็ถูกจัดสรรอย่างพิถีพิถันเช่นเดียวกัน เครื่องดื่มของฉีหย่วนเหิงเป็นไวน์แดงสีสวย ส่วนของเฉียวซือมู่นั้นเป็นไวน์หวานสีอำพันที่ให้ความรู้สึกสดชื่น 

 

 

บทสนทนาที่ถูกขัดกลางอากาศทำให้ทั้งสองได้แต่นั่งเงียบอยู่อย่างนั้น 

 

 

ฉีหย่วนเหิงเป็นคนเอ่ยทำลายความเงียบขึ้นก่อน “ทานอาการเถอะ” 

 

 

เขายกแก้วไวน์แดงขึ้นจิบ เขาถือแก้วไวน์ในมือ เลิกคิ้วเล็กน้อยพลางเอ่ยถามอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย “คุณอยากรู้ไหมว่าตอนนี้จิ้นหยวนเป็นยังไงบ้าง?” 

 

 

ร่างกายเธอกระตุกเล็กน้อย มือที่ถือแก้วไวน์เอาไว้อ่อนยวบจนเกือบทำไวน์หกออกมา เธอสูดหายใจลึก จ้องเขาตาเขม็ง “นี่คุณตั้งใจใช่ไหม?” 

 

 

เขาหลุดหัวเราะออกมา “ใช่ ผมแค่อยากรู้ว่าตอนนี้คุณรู้สึกยังไงกับเขา ดูเหมือนว่าคุณยังแคร์เขามากนะครับ” 

 

 

เธอขึงตา “ไม่ตลก” เอ่ยจบแล้วยกแก้วไวน์หวานขึ้นจิบเล็กน้อย กลิ่นหอมอ่อนๆ ของเมล็ดอัลมอนด์กำจายอยู่ในปาก เธอปิดเปลือกตาลงอย่างดื่มด่ำกับรสชาติไวน์แสนละมุนลิ้น “ดูเหมือนคุณจะสนใจเรื่องระหว่างฉันกับจิ้นหยวนมากเลยนะคะ” 

 

 

“แน่นอนสิครับ ผมก็ต้องอยากรู้อยู่แล้วว่าชีวิตรักของคู่แข่งที่น่ากลัวที่สุดของผมเป็นยังไงบ้าง ยังเหมือนเดิมอยู่หรือเปล่า” เขาหัวเราะเบาๆ  

 

 

“หมายความว่ายังไงคะ? ตอนนี้คุณยังเป็นศัตรูกับเขาอยู่อีกเหรอคะ?” 

 

 

“ผิดแล้ว” เขาวางแก้วไวน์ในมือลงบนโต๊ะ เริ่มลงมือหั่นสเต๊กเนื้ออย่างบรรจงและละเมียดละไม “ไม่ใช่ยังเป็น แต่เป็นมาตลอดต่างหาก คุณไม่อยากรู้เหรอว่าทำไมจู่ๆ เขาถึงยอมรามือไม่พาตัวคุณกลับไปด้วย?”  

 

 

เธอนิ่งอึ้ง “คุณเล่นตุกติกอะไรกับเขาอย่างนั้นเหรอ?” 

 

 

“อย่าพูดซะน่าเกลียดอย่างนั้นสิครับ ผมก็แค่สร้างปัญหาในบริษัทเขานิดหน่อย จากนั้นเขาก็รีบร้อนบินกลับประเทศทันที คุณควรจะขอบคุณผมไม่ใช่เหรอ?” 

 

 

เธอครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วถอนหายใจเบาๆ “ค่ะ ฉันต้องขอบคุณคุณ ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ ป่านนี้ฉันคงอยู่ในบ้านของจิ้นหยวน และคงออกไปไหนไม่ได้ด้วย” 

 

 

“คุณพูดได้ถูกใจผมมาก หวังว่าต่อจากนี้คุณยังจะคิดแบบนี้เหมือนเดิมนะครับ” เขายกแก้วไวน์ขึ้น เอียงแก้วไวน์ไปทางเธอเล็กน้อย จากนั้นค่อยๆ ดื่มไวน์ในแก้วอีกเล็กน้อย 

 

 

เธอเลิกคิ้วเล็กน้อย ยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มเช่นกัน 

 

 

ทั้งสองรับประทานอาหารพลางคุยกันพลาง เธอไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงเลือกร้านนี้ เพราะอาหารกลิ่นหอมกรุ่น เนื้อนุ่มละมุนลิ้น เป็นมื้ออาหารที่อร่อยมาก 

 

 

และอาหารหวานตบท้ายมื้ออาหารไม่หวานและไม่จืดจนเกินไป รสชาติกำลังดี 

 

 

เพียงแต่ ร้านอาหารที่ให้ประสบการณ์น่าประทับใจขนาดนี้ควรมีลูกค้าแน่นร้านสิ แต่ทำไมนอกจากพวกเธอแล้วถึงไม่มีลูกค้าคนอื่นอีกเลยล่ะ? 

 

 

เธอเอ่ยถามอย่างอดไม่ไหว เขาหัวเราะเบาๆ “คุณไม่รู้จริงๆ เหรอว่าเพราะอะไร?” 

 

 

เธอครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ “คุณเหมาร้านนี้เหรอคะ?” 

 

 

ถึงเธอจะไม่รู้ราคาอาหารในร้าน แต่จากการตกแต่งจานอาหารจนเหมือนผลงานศิลปะชั้นเยี่ยมและการตกแต่งร้านอย่างหรูหรา ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าต้องแพงมากแน่ และการเหมาร้านคงต้องใช้เงินก้อนใหญ่มากแน่ๆ  

 

 

“ทำไมคุณต้องทำแบบนี้ด้วยคะ? ถ้าคุณไม่อยากถูกรบกวน เราไปร้านที่มีห้องส่วนตัวก็ได้นี่คะ” เธอเอ่ยขึ้นอย่างไม่เห็นด้วย 

 

 

ฉีหย่วนเหิงมองเธอนิ่งไม่อย่างละสายตา “คุณยังไม่เข้าใจความรู้สึกของผมอีกเหรอ?” 

 

 

“อะไรนะคะ?”  

 

 

“ผมไม่ต้องการให้มีคนอื่นอยู่เป็นส่วนเกินระหว่างผมกับคุณ ถึงจะเป็นแค่คนแปลกหน้าก็ไม่ได้” เขาเอ่ยขึ้นช้าๆ 

 

 

ใบหน้าเธอขึ้นสีแดงเรื่อจนรู้สึกร้อนผะผ่าว “คุณพูดบ้าอะไรกัน” 

 

 

นัยน์ตาเขาเผยยิ้มเป็นประกาย “เคยมีคนบอกคุณหรือเปล่าว่าเวลาคุณหน้าแดงดูน่ารักมาก” 

 

 

เฉียวซือมู่ที่กำลังหน้าแดงเพราะความเขินอายดูเย็นชาน้อยลง ท่าทางอ่อนโยนและน่ารักมากขึ้นจนทำให้หัวใจของเขาเต้นเร็วและแรงขึ้น 

 

 

เธอรู้สึกเกร็งไปทั้งร่าง ได้แต่ยิ้มจืดเจื่อน “วันนี้คุณเป็นอะไรไปคะ? ทำไมอยู่ดีๆ ถึงพูดจาแปลกๆ” 

 

 

เอ่ยพลางลุกขึ้นพรวด เธอลุกขึ้นเร็วเกินไปจนร่างกายเซเล็กน้อย เขารีบยื่นมือประคองเธอเอาไว้ “คุณเมาแล้วเหรอ?” 

 

 

เธอยิ้มเก้อๆ พลางจับแขนของเขาเอาไว้แล้วพยุงตัวลุกขึ้นยืน “เปล่าค่ะ ฉันน่าจะเหนื่อยเกินไป…” ยังไม่ทันจะเอ่ยจบ พลันร่างกายเธออ่อนยวบ ร่างทั้งร่างล้มพับไปทางเขา 

 

 

ฉีหย่วนเหิงชักหัวคิ้วชนกันแน่นพลางประคองเธอเอาไว้ “ยังจะบอกว่าไม่เมาอีก” เอ่ยจบแล้วชะงักนิ่งอึ้งไป 

 

 

เธอรู้สึกเวียนศีรษะมาก คิดว่าตัวเองคงเมาจริงๆ แต่เธอดื่มไวน์หวานไปแค่แก้วเดียวเอง แอลกอฮอล์น้อยมากขนาดนั้น ทำไมเธอถึงเมาได้ล่ะ? 

 

 

เธอเอ่ยขึ้น “คงเป็นเพราะฉันคออ่อนเกินไปน่ะค่ะ น่าอายจัง” เธอไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงที่จะผลักมือเขาออก เธอเห็นสีหน้าเขาแย่มากจึงเอ่ยถาม “คุณเป็นอะไรไปคะ?” 

 

 

ดวงตาของฉีหย่วนเหิงตื่นตระหนก “ตอนนี้คุณรู้สึกยังไงบ้าง?” น้ำเสียงเขาวิตกกังวลมาก 

 

 

เธอชะงักเล็กน้อย “ก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่ปวดหัวน่ะค่ะ” เอ่ยจบพลันรู้สึกหนาวไปทั้งกาย เธอเอ่ยถาม “หนาวจัง ในร้านเปิดแอร์ด้วยเหรอคะ?” 

 

 

ใบหน้าเขาเผือดซีด ดวงตาจับจ้องเธอนิ่ง “ใช่ ในร้านเปิดแอร์ เดี๋ยวผมพาคุณออกไปข้างนอกนะ” 

 

 

เธอส่ายศีรษะ พยายามผลักมือเขาออก แต่เธอรู้สึกปวดศีรษะมากขึ้นๆ ร่างกายหนาวสั่นมากขึ้นๆ เธอก้าวเดินได้เพียงไม่กี่ก้าว พลันทุกสิ่งตรงหน้ามืดลง “ขอโทษนะคะ ดูเหมือนว่าฉันจะไม่สบาย…” 

 

 

ยังไม่ทันเอ่ยจบคอเธอก็พับลงและหมดสติทันที ฉีหย่วนเหิงช้อนตัวเธอขึ้นอุ้มเอาไว้ เขาก้มลงมองใบหน้าซีดจนเขียวของเธอ สีหน้าเขาถมึงทึงจนดูน่ากลัวมาก 

 

 

“คนที่อยู่ตรงนั้น” เขาพยายามสะกดกลั้นความหวาดกลัวและความโกรธเอาไว้ “กักตัวทุกคนในร้านเอาไว้ แล้วรีบติดต่อคุณนอร์แมนเดี๋ยวนี้ ไม่ว่ายังไงก็ต้องให้เขาไปถึงโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด!”  

 

 

ลูกน้องของเขารับคำสั่งแล้วรีบตามเขาออกจากร้านอาหารอย่างรวดเร็ว รถจอดรออยู่ด้านนอกเรียบร้อยแล้ว 

 

 

เขาอุ้มเฉียวซือมู่ขึ้นรถแล้วสั่งคนขับรถ “ไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด!” 

 

 

ขณะเดียวกัน เฉียวซือมู่หายใจแผ่วจนเกือบจะไม่รู้สึกว่าเธอกำลังหายใจอยู่ เขาลูบผมดำยาวสลวยของเธออย่างเบามือ ทั้งโกรธทั้งเสียใจ 

 

 

ทำไมเขาต้องมาที่นี่ด้วย? ทำไมไม่ดูแลเธอให้ดีกว่านี้? ทำไมตอนที่เธอบอกว่าไม่สบาย เขาถึงดูไม่ออกว่าเธอถูกพิษ? 

 

 

เขาคิดไม่ถึงเลยว่าเขาและเธอจะตกเป็นเป้าของไอ้ฆาตกรที่เขาตามล่าแทบเป็นแทบตายเร็วขนาดนี้ แถมยังกล้าวางยาพิษต่อหน้าต่อตาโดยที่เขาไม่รู้ตัวเลยสักนิด 

 

 

“อย่าให้ฉันเจอตัวเชียว ฉันจะสับแกให้เละเป็นหมื่นๆ ชิ้นเลย คอยดู!” เขาให้สัญญากับตัวเองในใจ ดวงตาจับจ้องไปข้างหน้าด้วยวิตกกังวล