หลังกล่าวลากับเหลียงเหวินเห้าชั่วคราว เย่เทียนก็เริ่มเดินเตร่ไปตามงาน โดยไม่คิดจะหยุดลงที่หน้าแผงไหนเลย ทำเหมือนแค่เข้ามาเดินเท่าเท่านั้น
ความจริงแล้ว เย่เทียนได้ขับเคลื่อนคัมภีร์หวง และใช้ชี่ทิพย์ที่อยู่ในร่างสำรวจหินที่อยู่บนแผงอย่างเงียบๆ มาตั้งนานแล้ว
“เอ๋?!”
ทันใดนั้น ขาของเย่เทียนก็ได้หยุดลง ดวงตาสีดำของเขาจ้องมองไปบนแผงทางซ้ายที่อยู่ตรงหน้า
พูดให้ชัดเจนก็คือ สายตาของเย่เทียนจับจ้องไปยังลูกบอลเพื่อสุขภาพสองลูกที่เถ้าแก่คนนั้นกำลังเล่นควงอยู่ในมือต่างหาก!
“หินกักเก็บชี่ทิพย์?!”
จากชื่อก็พอจะรู้ว่า หินกักเก็บชี่ทิพย์นี่มีคุณสมบัติในการกักเก็บชี่ทิพย์
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ หินกักเก็บชี่ทิพย์นี่มันก็เหมือนกับไม้วิสทีเรีย เป็นวัตถุดิบที่ใช้ในการหลอมอาวุธ
แต่ว่า ราคาของหินกักเก็บชี่ทิพย์นั้นสูงกว่าไม้วิสทีเรียมาก!
การที่เครื่องรางทิพย์แสดงพลังเหนือธรรมชาติออกมา นั่นก็เป็นเพราะมันได้กักเก็บชี่ทิพย์ของฟ้าดินไว้มากมาย
ถ้าพูดให้ชัดก็คือ มีคนถ่ายทอดชี่ทิพย์ของตัวเองเข้าไปไว้ในเครื่องรางทิพย์นั่นเอง
ยกตัวอย่างเช่นตอนเจอกับนักพรตชิงชานที่เจียงหนันเมื่อตอนนั้น ปกติเขาก็จะถ่ายทอดชี่ทิพย์เข้าไปในกระบี่ไม้พีชนั่นอยู่แล้ว พอถึงเวลาต้องต่อสู้ก็ระเบิดพลังนั้นออกมา
จนถึงขั้นว่า ต่อให้คนที่ใช้กระบี่ไม้พีชไม่ใช่นักพรตชิงชาน แค่ชายฉกรรจ์ที่เป็นคนทั่วไปมาใช้ ขอแค่ยังมีชี่ทิพย์หลงเหลืออยู่ในกระบี่ไม้พีช ก็ยังสามารถฟันแผ่นโลหะลึกเป็นสิบนิ้วได้อย่างสบายๆ เลย
สิ่งเดียวที่แตกต่างก็คือ คนที่ฝึกบู๊อย่างนักพรตชิงชานนั้นสามารถแสดงพลังอำนาจที่สะพรึงกลัวได้ยิ่งกว่าก็เท่านั้น
และการที่จะสามารถกักเก็บชี่ทิพย์ให้อยู่ในเครื่องรางทิพย์ได้ ก็จำเป็นต้องใช้หินกักเก็บชี่ทิพย์นี่แหละ
พูดแบบไม่เวอร์เลยนะ ไม่ว่าเครื่องรางทิพย์ชิ้นไหน ต่างก็ต้องมีหินกักเก็บชี่ทิพย์ผสมอยู่ในนั้นบ้างแหละ
แต่น่าเสียดาย จนถึงทุกวันนี้ ก็ยังไม่มีใครรู้เลยว่าหินกักเก็บชี่ทิพย์นั้นเกิดขึ้นได้ยังไง
จากข้อมูลที่หน้าปกทองให้มา เย่เทียนก็ไม่สามารถแยกแยะด้วยตาเปล่าได้ จำเป็นต้องใช้ชี่ทิพย์สัมผัสจึงจะแยกออก
โชคดีที่ตรงนี้เป็นสถานที่จัดงานพนันหิน เย่เทียนนั้นได้ปลดปล่อยชี่ทิพย์ออกมาสำรวจหินที่อยู่โดยรอบตั้งแต่แรก ไม่อย่างนั้นก็คงจะพลาดหินกักเก็บชี่ทิพย์นี่ไปแล้วเหมือนกัน!
สิ่งที่ทำให้เย่เทียนรู้สึกเสียดายก็คือ ต่อให้เอาบอลเพื่อสุขภาพทั้งสองลูกในมือของเถ้าแก่คนนี้มารวมกัน หินกักเก็บชี่ทิพย์นี้ก็ยังน้อยเกินไป ถ้าต้องหลอมอะไรสักชิ้นเกรงว่ามันยังไม่เท่าขี้เล็บเลย
ถ้าเกิดว่ามีมากกว่านี้สักหน่อย แล้วไปเอาไม้วิสทีเรียกับศพของงูแมวเซาม่วงมารวมกับส่วนผสมอย่างอื่น มันก็สามารถหลอมเครื่องรางทิพย์ออกมาได้สักชิ้นจริงๆ!
เสียดายมันก็ส่วนของเสียดาย แต่เมื่อเจอแล้ว เย่เทียนจะยอมพลาดโอกาสนี้ไปได้ยังไง เขาจึงเดินตรงไปยังแผงนั่นทันที
เถ้าแก่ของแผงนั้นเป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ดูแล้วอายุน่าจะราวๆ สิบเจ็ดสิบแปด น่าจะยังเรียนอยู่ด้วยซ้ำ
“ว่าไงพี่ชาย? ถูกใจชิ้นไหนเข้าแล้วใช่มั้ยครับ? เดี๋ยวผมคิดราคาพิเศษให้เลย”
พอเห็นเย่เทียนเดินเข้ามา เด็กหนุ่มที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ก็รีบเชื้อเชิญทันที
“ฉันต้องการบอลเพื่อสุขภาพสองลูกในมือของนาย ราคาเท่าไหร่ว่ามาได้เลย!”
เย่เทียนยิ้ม แล้วชี้ไปยังบอลเพื่อสุขภาพที่อยู่ในมือของเด็กหนุ่ม
“คือ…..”
ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเด็กหนุ่มถึงกับเกร็ง แล้วทำหน้าลังเลออกมา
“พี่ชาย นี่พี่กำลังล้อผมเล่นอยู่ใช่มั้ย?”
เย่เทียนยักไหล่ “นายคิดว่าตอนนี้ฉันเหมือนคนที่กำลังล้อเล่นอยู่เหรอ?”
เด็กหนุ่มมองมาที่เย่เทียน แล้วหันไปมองบอลเพื่อสุขภาพที่อยู่ในมือ จู่ๆ ก็เอาบอลเพื่อสุขภาพยัดเข้าไปในมือของเย่เทียน แล้วเผยฟันขาวๆ ออกมาหลายซี่
“พี่ชาย ถ้าพี่ชอบมัน ผมยกให้พี่เลยก็ได้”
“หืม?!”
เย่เทียนที่ถือบอลเพื่อสุขภาพสองลูกอยู่ในมือถึงกับอึ้ง ไม่นึกเลยว่าเด็กหนุ่มจะตัดสินใจแบบนี้
ตอนที่ได้เห็นว่าหินกักเก็บชี่ทิพย์สองก้อนนี้เป็นบอลเพื่อสุขภาพนั้น เย่เทียนก็เตรียมที่จะควักเงิน จนถึงขั้นพร้อมที่จะโดนฟันราคาแล้ว
หนึ่งคือก่อนหน้านี้เด็กนี่เอาแต่เล่นบอลเพื่อสุขภาพสองลูกนี้อยู่ตลอด สองคือจากดูจากการแต่งตัวของเด็กหนุ่มฐานะทางบ้านก็ไม่น่าจะดีเท่าไหร่
แต่เด็กหนุ่มกลับทำเรื่องเหนือความคาดหมายโดยการไม่หวังอะไรเลย มันกลับทำให้ก่อนหน้านี้เย่เทียนแอบดูเหมือนคนชั่วที่คิดไม่ซื่อกับคนดีเลย
ทันใดนั้น ความรู้สึกที่เย่เทียนมีต่อเด็กหนุ่มก็ดีขึ้นมาไม่น้อย
“ไม่ดีกว่า ฉันขอจ่ายเงินดีกว่า!”
ถึงจะพูดอย่างนั้น เย่เทียนก็เอาหินกักเก็บชี่ทิพย์สองก้อนนั้นเก็บใส่กระเป๋าไปแล้ว จากนั้นก็หยิบกระเป๋าตังค์ออกมา
“พี่ชาย ไม่เป็นไรจริงๆ”
เด็กนหุ่มส่ายหัวเหมือนกับกลองป๋องแป๋ง และยิ้มออกมาอย่างใสซื่อ “หินสองก้อนนี้ผมแค่เก็บมาจากกองหินที่อยู่ตรงหน้าบ้านเท่านั้น มันไม่มีค่าอะไรหรอกครับ”
“เก็บมาจากกองหินหน้าบ้านอย่างนั้นเหรอ?”
เย่เทียนอึ้งไปทันที แววตาสีดำได้เปล่งประกายออกมาอย่างยากที่จะปิดบัง
ถ้าแม้แต่กองหินหน้าบ้านของเด็กหนุ่มยังสามารถเก็บหินกักเก็บชี่ทิพย์สองก้อนได้ทั่วไป งั้นก็แสดงว่าตรงนั้นต้องมีหินกักเก็บชี่ทิพย์ที่มากกว่าแน่นอน?
เมื่อกี้เขายังรังเกียจอยู่เลยว่าหินกักเก็บชี่ทิพย์แค่นี้มันไม่พอใช้หรอก นี่มันเหมือนกับแค่ฝันก็มีคนหยิบยื่นความหวังมาให้แล้วนี่!
“ใช่ครับ!”
เด็กหนุ่มไม่รู้หรอกว่าเย่เทียนกำลังวางแผนอะไรอยู่ จึงพูดอย่างจริงใจด้วยรอยยิ้มว่า “พี่ชาย พี่ไม่ต้องจ่ายเงินหรอกกลับบ้านผมค่อยไปเก็บอีกสองก้อนก็พอแล้ว”
พอเย่เทียนได้ยินอย่างนั้น ก็ยิ่งรู้สึกสนใจกองหินที่เด็กหนุ่มพูดถึงมากขึ้นไปอีก จนอยากจะไปเห็นตอนนี้เลยด้วยซ้ำ
แต่ว่า เพื่อความปลอดภัย เย่เทียนก็ไม่ได้พูดกับเด็กหนุ่มไปตรงๆ ในหัวจึงคิดหาทางว่าจะทำยังไงให้เด็กนี้กลับบ้านไป
ระหว่างที่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย เย่เทียนก็เหลือบไปเห็นหินที่เด็กหนุ่มตั้งอยู่บนแผงอย่างไม่ตั้งใจ จากนั้นก็หันมองหินบนแผงข้างๆ โดยอัตโนมัติ
“นี่น้องชาย ทำไมหินบนแผงของนายมันไม่ได้ผ่าเลยสักอันไม่ใช่เหรอ?”
พอเด็กหนุ่มได้ยินอย่างนั้น เขาก็เกาหัวอย่างเขินๆ และพยายามฝืนยิ้มออกมา
“พี่ชาย พูดแบบไม่ปิดบังนะ ถ้าอยากให้ผู้นำของเมืองผ่าหินให้มันต้องมีค่าใช้จ่าย หินที่ผมเก็บได้มันค่อนข้างเยอะ ถ้าผ่าทั้งหมดมันต้องใช้เงินเยอะเลย”
พอเย่เทียนได้ยินอย่างนั้น ในหัวก็เกิดประกาย แล้วแผนก็ผุดขึ้นในใจ แววตาสีดำเปล่งประกายอย่างต่อเนื่อง
“นี่น้องชาย จากที่นายพูด นอกจากหินที่อยู่บนแผงนี้แล้ว นายยังเก็บหินไว้อีกเท่าไหร่?”
“ยังมีอีกประมาณสองร้อยชิ้นมั้ง! แผงนี้มันเล็กเกินไป ผมเลยเอาเก็บไว้ที่บ้านครับ”
เด็กหนุ่มหัวเราะออกมาอย่างไร้เดียงสา และพยักหน้าด้วยความมั่นใจ
พอได้คำตอบที่แน่ชัด เย่เทียนก็ดีใจเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่ได้แสดงออกมาทางสีหน้าแม้แต่น้อย
“น้องชาย ฉันเองก็ไม่กลัวที่จะพูดกับนายแบบตรงๆ นะ ที่ฉันมาในครั้งนี้ก็เพื่อซื้อของกลับไปกักตุนจำนวนหนึ่ง ฉันรู้สึกว่าหินบนแผงของนายมันใช้ได้เลย ฉันขอซื้อทั้งหมดเลยแล้วกัน!”
“ถ้านายไม่ว่าอะไร ฉันเองก็อยากไปดูของที่อยู่ในบ้านนายตอนนี้เลย ถ้ามันไม่มีปัญหาอะไร ฉันก็จะรับซื้อทั้งหมดเหมือนกัน!”
ภายใต้ความดีใจในเรื่องหินกักเก็บชี่ทิพย์ เย่เทียนก็พักเรื่องที่พนันกับหลี่เฟิงเอาไว้ก่อน
สีหน้าของเด็กหนุ่มดูประหลาดขึ้นมาทันที และมองเย่เทียนด้วยความไม่อยากจะเชื่อเท่าไหร่
“พี่ชาย พี่แน่ใจนะว่าไม่ได้กำลังล้อผมเล่นอยู่?”
“ฉันเหมือนคนที่ชอบล้อเล่นมั้ยล่ะ?”
เย่เทียนเบ้ปากอย่างไม่ชอบใจ แต่ก็เข้าใจความรู้สึกของเด็กหนุ่มดี จึงได้เอากระเป๋าตังค์แล้วหยิบธนบัตรในนั้นออกมาอย่างน้อยก็น่าจะมีสักสองหมื่น
“นายเอานี่ไปก่อน ถือว่าเป็นค่ามัดจำ พาฉันไปดูที่บ้านนาย ถ้ามันโอเค เดี๋ยวค่อยรวมยอดทีเดียว!”
“พี่ชาย พี่รอผมอยู่ตรงนี้แปบหนึ่งนะ ผมไปบอกผู้ดูแลก่อน ให้พวกเขาช่วยแพ็กของพวกนี้ให้พี่ เสร็จแล้วผมก็จะพาพี่กลับไปดูที่บ้านทันทีเลย!”
พอเงินถึงมือ เด็กหนุ่มก็ยิ้มราวกับดอกไม้ จะไปเอาเวลาที่ไหนมาสงสัย ทิ้งเย่เทียนเอาไว้ตรงนี้แล้วรีบไปหาผู้ดูแลทันที….