บทที่ 913 เป็นใครกันแน่ / บทที่ 914 นายน้อยใหญ่ตระกูลเนี่ย

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 913 เป็นใครกันแน่

“รองหัวหน้ากัวรีบฆ่าพวกมันเลย!” ผู้จงรักภักดีของซือหมิงหลี่ตะโกนเสียงเย็น

“หึๆ ไม่ต้องห่วง ก็แค่ปลาซิวปลาสร้อย” กัวตี๋เอ่ยด้วยรอยยิ้มดูถูก

‘สวบ!’

ถ้าจะในเวลาชั่วพริบตา กัวตี๋ขึ้นหน้าทันที ดาบยาวในมือฟันแนวขวางใส่ชายร่างเพรียว วิธีของดาบที่ฟาดลงไปไม้กะฟันชายร่างเพรียวให้ขาดเป็นสองท่อน

แต่ถ้าว่า ช่วงวินาทีที่ดาบของกัวตี๋ฟันลงไปนั้น ชายร่างเพรียวเอียงตัวหลบไปทางด้านซ้าย หลบดาบของกัวตี๋ได้ชั่วพริบตา

“ไอ้ลูกหมา แกโชคไม่เลวนี่!” กัวตี๋แค่นเสียง เขาฟันเต็มแรง ดาบยาวผ่าความว่างเปล่าเกิดเป็นเสียงแหวกอากาศ

ชายร่างเพรียวสีหน้าไร้อารมณ์ ดวงตาแวบแววเบื่อหน่าย

เวลานี้เอง ในที่สุดชายร่างเพรียวที่สองมือไขว้หลังก็ยกมือข้างหนึ่งขึ้น

‘แกร๊ง!’

เสียงเหมือนโลหะปะทะกันดังกังวานไปทั่วพื้นที่

เวลานี้ทุกคนต่างมึนงงอยู่ที่เดิม โดยเฉพาะชายผมยาวกับชายไว้เครา ดวงตาพวกเขาพลันหดลีบ ใบหน้าผุดสีหน้าประหลาดอย่างเหลือเชื่อ

แม้แต่เยี่ยหวันหวั่น ก็อดหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อยไม่ได้

เวลานี้ทุกคนเห็นเพียงแค่ว่า ตอนที่กัวตี๋ฟันดาบลงไป ชายร่างเพรียวคนนั้นก็ใช้สองนิ้วคีบดาบยาวได้ชั่วพริบตา

“นี่…” กัวตี๋มองชายร่างเพรียวที่มีสีหน้าเรียบเฉยอย่างไม่อยากเชื่อสายตา สีหน้านั้นเหมือนเห็นผีไม่ปาน

ชายร่างเพรียวคนนี้ถึงกับใช้นิ้วรับดาบที่เขาฟันออกไปเต็มแรงได้!

ตามเหตุการณ์ปกติ ไม่ใช่ว่าสองนิ้วของชายร่างเพรียว ควรถูกดาบยาวของเขาฟันขาดชั่วพริบตาหรอกเหรอ!

“เป็นไปไม่ได้!” กัวตี๋ตะโกนอย่างโกรธแค้น เขาออกแรงเต็มกำลังคิดจะชักดาบยาวออกจากหว่างนิ้วของชายร่างเพรียว

แต่ทว่าสองนิ้วของชายร่างเพรียวกับเหมือนภูเขาใหญ่ยักษ์ กดดาบยาวไว้อย่างแน่นหน้า ถึงแม้กัวตี๋ออกแรงสุดความสามารถแล้วก็ยังเคลื่อนดาบที่ถูกชายร่างเพรียวคีบไม่ได้สักมิลฯ เดียว!

‘สวบ!’

วินาทีถัดมา กลับไม่เห็นว่าชายร่างเพรียวทำอะไรลงไป เสมือนแค่ว่าพลิกข้อมือเท่านั้น ดาบยาวก็ถูกเจ้าตัวแย่งไป และเมื่อกัวตี๋ได้สติกลับมา ดาบยาวที่ถูกชายร่างเพรียวแย่งไปก็ตวัดผ่านสองมือของเขาเบาๆ ด้วยความเร็วสูงสุด

จากนั้นชายร่างเพรียวก็เดินช้าๆ ไปยังข้างกายเด็กน้อยโดยไม่แม้แต่เหลียวหลังกลับ

“อ้าก—” ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องโหยหวน สองมือของกัวตี๋ถูกตัดทิ้งอย่างง่ายดายด้วยประการฉะนี้

ฉากเลือดสาดน่าสั่นสะท้านจนทุกคนในที่นี้ต้องตาโตอ้าปากค้างทันควัน…

“อ้ากกก…” กัวตี๋เจ็บจนดิ้นทุรนทุรายบนพื้นไม่หยุด

เป็นไปไม่ได้! นี่มันเป็นไปไม่ได้!

ฝีมืออย่างเขากลับถูกคนตัดสองแขนฉับในสามกระบวนท่าเนี่ยนะ!

กัวตี๋กลิ้งไปด้วยมองชายร่างเพรียวที่ทั้งตัวดูเยือกเย็นคนนั้นไปด้วย เขาพลันรู้สึกหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน “แก…แก…แกเป็นใครกันแน่!”

คนที่สงสัยเหมือนกัวตี๋ยังมีซือหมิงหลี่กับซืออี้เชียนที่อยู่อีกฝั่งวิดีโคอล

แม้แต่คนอย่างกัวตี๋ก็ถูกฝ่ายตรงข้ามจัดการจนมีสภาพนี้แล้ว เบื้องหลังฝ่ายนั้นมีพลังอำนาจน่ากลัวขนาดไหนอยู่กันแน่

กระทั่งไม่แน่ว่า…อาจจะเหนือกว่าคุณเอริกอีก…

การคาดเดานี้ทำเขาพลันทำเขาเสียขวัญแล้ว!

ซืออี้เชียนบังคับตัวเองเอ่ยปากอย่างใจเย็น “เป็นไปไม่ได้ เมืองหลวงมีตระกูลเนี่ยอยู่แค่สองตระกูล หนึ่งคือเจ้าของธุรกิจอสังหาฯ ทางฝั่งตะวันออก อีกหนึ่งคือ…”

ถังหลงเหลือบมองทั้งสองคนอย่างใจเย็น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเห็นใจราวกับมองมดไร้สติปัญญา เขาเอ่ยเสียงเบา “ ‘เนี่ย’ ของเด็กคนนี้ คือตระกูลเนี่ยของรัฐอิสระในยุโรปเหนือ”

————————————

บทที่ 914 นายน้อยใหญ่ตระกูลเนี่ย

วินาทีที่ถังหลงพูดจบ กัวตี๋ที่ที่กำลังร้องโหยหวนนอนจมกองเลือดก็อึ้งตะลึงค้าง พริบตานั้นเขาลืมแม้กระทั่งความเจ็บ สายตาที่มองเด็กน้อยราวกับมองเห็นบางสิ่งที่น่ากลัวสุดขีด…

“ตะ…ตระกูลเนี่ย…ตระกูลเนี่ย…ของรัฐอิสระ…งั้นเด็กคนนั้นก็คือ…”

ถังหลงเอ่ยกลั้วหัวเราะ “รองหัวหน้ากัวคิดว่าไงล่ะ”

กัวตี๋อึ้งค้างโดยสมบูรณ์แล้ว เขาพึมพำด้วยเสียงที่แทบจะไม่ได้ยิน “นายน้อยใหญ่…ตระกูลเเนี่ย…”

ไม่เพียงแค่กัวตี๋ ทหารรับจ้างหลายคนที่ด้านจ้างก็ตกใจจนหน้าถอดสี

บรรยากาศตกสู่ความเงียบงันอันน่ากลัว

เวลานี้กัวตี๋ที่กลิ้งเกลือกอย่างอ่อนแอพลันพลิกตัวขึ้นก่อนพุ่งใส่ชายร่างเพรียวที่ด้านข้างอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ

พูดให้ถูกต้องคือพุ่งเข้าใส่ดาบในมืออีกฝ่าย…

วินาทีถัดมาก็เห็นกัวตี๋เอาลำคอชนใส่ใบดาบของชายร่างเพรียว ปาดคอตัวเอง ล้มลงกับพื้น จากนั้นก็ไม่หายใจอีกแล้ว

เห็นกัวตี๋หวาดกลัวถึงขั้นพุ่งชนใส่ใบดาบฆ่าตัวตายโดยตรง ทหารรับจ้างคนอื่นๆ ก็ไม่กล้าแม้แต่หายใจแรงแล้ว ทุกคนต่างยินดีที่เชื่อฟังคำของหัวหน้า ไม่ได้ใจร้อนลงมือ

ซือหมิงหลี่กับซืออี้เชียนเห็นฉากในวิดีโอนั้นทั้งสองก็สบตากัน สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ แม้แต่คำพูดสักคำก็พูดไม่ออก

ในยุโรปเหนือ…รัฐอิสระ…ตระกูลเนี่ย…

สามคำนี้ราวกับระเบิดปรมาณูสั่นสะท้านทั้งสองจนวิญญาณหลุดออกจากร่าง

เดิมทีพวกเขาไม่แม้กระทั่งรู้จักว่า ‘รัฐอิสระ’ คืออะไร อย่าว่าแต่ตระกูลเนี่ยเลย ทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับรัฐอิสระเป็นสิ่งที่พวกเขาได้รู้จากปากของเอริกทั้งนั้น

ตามที่เอริกเล่า ในช่วงยุคกลางอันไกลโพ้น ประเทศจีนเคยมีผู้แข็งแกร่งที่มีศิลปะการต่อสู้ระดับสุดยอดผู้หนึ่งไปยังเมืองห่างไกลแห่งหนึ่งในยุโรปเหนือ

ผู้แข่งแกร่งศิลปะการต่อสู้คนนั้นตั้งรกรากในเมืองแห่งนั้น และพกเอาวัฒนธรรมศิลปะการต่อสู้ของจีนโบราณอันลึกลับเก่าแก่ไปด้วย ทำให้เกิดยอดฝีมือศิลปะการต่อสู้จากทั่วทุกมุมโลก

หลังผ่านการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงไปหลายร้อยปี ดินแดนที่เดิมทีห่างไกลเล็กจ้อยอ่อนแอก็ค่อยๆ เจริญรุ่งเรืองขยายใหญ่ขึ้นมา และยังมีตระกูลทรงอำนาจหลายตระกูลคอยควบคุม

แต่เมื่อสิ่งประดิษฐ์จำพวกอาวุธปืนไฟเริ่มแพร่หลาย ยุคของอาวุธเย็นก็ค่อยๆ ถอยลงจากม่านประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมศิลปะการต่อสู้ก็ตกต่ำตามไปด้วย รัฐอิสระเพื่อปกป้องตัวเอง จึงเริ่มระวังตัวและเก็บงำความสามารุ และค่อยๆ หายไปจากสายตาของชาวโลก

แต่ถึงแม้พลังต่อสู้จะลดลงอย่างมาก รัฐอิสระก็ยังคงแข็งแกร่งถึงขั้นว่าเป็นตัวตนน่าหวาดหวั่น และยังคอยควบคุมเศรฐกิจทั่วทั้งโลกอยู่ ขั้วอำนาจสำคัญต่างๆ อย่างสหพันธ์ทหารรับจ้าง สมาคมศิลปะการต่อสู้ ไม่ว่าทหารรับจ้างระดับโลกหรือตระกูลใหญ่โตที่ว่ากันว่าสุดยอด เมื่ออยู่ในรัฐอิสระก็ยังอาจไม่นับเป็นอะไรเลย

แค่ตระกูลสันโดษหรือตระกูลศิลปะการต่อสู้เก่าแก่สักตระกูลในรัฐอิสระเมื่ออยู่ที่โลกภายนอกก็ล้วนแต่เป็นตัวตนทรงพลังอย่างยิ่งยวดแล้ว

รัฐอิสระในตอนนี้ถูกตระกูลเนี่ย จี่ หลิง เสิ่นสี่ตระกูลใหญ่ควบคุม และตระกูล ‘เนี่ย’ ในนั้นก็ยังเป็นผู้นำของตระกูลใหญ่ทั้งสี่ เห็นได้ชัดแล้วว่าตระกูลเนี่ยของรัฐอิสระ น่ากลัวขนาดไหนกันแน่…

และตอนนี้พวกเขาก็ถึงกับ…ลักพาตัวนายน้อยใหญ่ของตระกูลเนี่ย…

คนที่เคยพยายามลักพาตัวนายน้อยใหญ่ครั้งก่อน จุดจบคือถูกกวาดล้างทั้งตระกูล…

เห็นซือหมิงหลี่กับซืออี้เชียนหน้าซีดเผือด ถังหลงก็เอ่ยปากอย่างเห็นใจ “เห็นแก่ที่เคยร่วมมือกันครั้งหนึ่ง ผมถังหลงขอเตือนทั้งสองท่านหนึ่งประโยค ไปจากประเทศจีนให้เร็วที่สุด”

อา ผู้ไม่รู้ไม่กลัวของแท้…

ทั้งสองคนหลบหัวจรดเท้าขอยู่ด้านหลัง ไม่ได้เปิดเผยหน้าตาที่แท้จริง แต่ถ้าตระกูลเนี่ยเจอพวกเขาก็ถือว่าง่ายดายเหมือนพลิกฝ่ามือแล้ว

………………