ตอนที่ 360 ไม่เหมือนเดิม

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 360

ไม่เหมือนเดิม

“เจ้านี่ขยันจริงๆนะ”ไป๋จูเหวินพูดพลางเดินเข้ามาหาชิงชิวที่นั่งอยู่บริเวณหน้าทางเข้าวังของไป๋หลิน แม้ตอนนี้มันจะล่องหนหายตัวอยู่ แต่ถึงไม่ใช่ไป๋จูเหวินก็คงเห็นตัวมันได้ไม่ยากเพราะชิงชิวดันเอาตำราออกมาถืออ่านเสียเห็นได้ชัดเลยนี่นา

“องค์จักรพรรดิ”ชิงชิวรีบลุกขึ้นยืนตัวตรงทันทีเมื่อเห็นว่าใครมา แต่เดิมชิงชิวก็เคารพไป๋จูเหวินมากอยู่แล้ว ยิ่งหลังจากท่านยกทัพไปช่วยตนเองแล้วยิ่งสำนึกบุญคุณเข้าไปใหญ่

“ไม่ต้องเกร็งขนาดนั้นก็ได้”ไป๋จูเหวินยิ้มพลางตบบ่าชิงชิวเบาๆ

“ขะ ขอรับ”ชิงชิวผ่อนตัวลงนิดหน่อยแต่ก็ยังไม่กล้าสบตาไป๋จูเหวินอยู่ดี

“อย่าเอาแต่อ่านเลย มาฝึกกันจริงๆดีกว่า”ไป๋จูเหวินว่าพลางยิ้มบางๆ สำหรับมันที่จำเนื้อหาตำราได้เพียงกวาดสายตาครั้งเดียวแล้วการนั่งจำตำราเป็นเรื่องที่ไม่เคยทำมาก่อนเลย

“เอ๊ะ!”ชิงชิวอึ้งไปหลังจากเห็นไป๋จูเหวินเดินออกไปยืนห่างจากตนระยะหนึ่งเหมือนจะประลองฝีมือกันจริงๆ

เปรี้ยง!! ยังไม่ทันตั้งตัว ฝ่ามือของไป๋จูเหวินก็พุ่งข้ามาใส่ร่างของชิงชิว แต่ชิงชิวกลับยกมือขึ้นมารับเอาไว้ทัน ทำเอาไป๋จูเหวินรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

“รับได้เสียด้วย สายตาเจ้าเองก็ไม่เลวนี่นา”ไป๋จูเหวินชื่นชม พลางปล่อยฝ่ามือประกานอัสนีทีละฝ่ามือใส่ชิงชิวอีกรอบ แม้จะไม่ได้ใส่กำลังทำลาย แต่ความเร็วของฝ่ามือประกายอัสนีไม่ใช่เล่นๆ ถึงจะไม่ได้เอาจริงขนาดปล่อยพร้อมกันหลายๆฝ่ามือ แต่การตามความเร็วของฝ่ามือประกายอัสนีให้ทันก็นับเป็นเรื่องยากมากแล้วสำหรับระดับพลังของชิงชิวในตอนนี้

“เรื่องนี้ต้องขอบคุณพี่ไป๋ไป่ขอรับ”ชิงชิวยิ้มเจื่อนๆออกมา ก็ปีกของไป๋ไป่เร็วมากเลยนี่นา แม้จะไม่เท่ากับฝ่ามือประกายอัสนีก็เถอะ แต่มันก็ทำให้ชิงชิวชินกับความเร็วของระดับยอดฝีมือไปแล้ว

“ท่าทางความสามารถอื่นๆจะนำพลังวิญญาณไปแล้วสินะ”ไป๋จูเหวินยิ้มอย่างพึงพอใจ

เปรี้ยงๆ ไป๋จูเหวินเปลี่ยนความเร็วของฝ่ามือประกายอัสนีเล็กน้อย มันเริ่มซัดทีละ 2 ฝ่ามือดูว่าชิงชิวจะยังรับได้หรือไม่

เปรี้ยงๆๆ เพิ่มเป็น 3 ฝ่ามือแต่ชิงชิวก็ยังรับได้อยู่ดี พริบตานั้นไป๋จูเหวินราวกับรู้สึกสนใจขึ้นมานิดหน่อยมันเลยทดลองเพิ่มจำนวนฝ่ามือที่ปล่อยออกไปในแต่ละครั้งขึ้นทีละ 1 ฝ่ามือ

เปรี้ยงๆๆๆๆ เคร๊ง!! ในที่สุดชิงชิวก็รับมือไม่ทัน แต่สำหรับตัวมันแล้วการรับฝ่ามือประกายอัสนี 8 ฝ่ามือพร้อมกันได้นับว่าเกินคาดไปมากแล้ว

“เจ้า…รู้สึกว่าสายตาดีขึ้นหรือเปล่า”ไป๋จูเหวินถามเพราะมันทราบมาจากไป๋หลินแล้วว่าชิงชิวกลืนแก่นอสูรของอสูรแมงมุมที่ถูกส่งไปช่วยเข้าไป

“ขอรับ ตั้งแต่กลืนแก่นอสูรเข้าไปเวลาต่อสู้ข้าจะมองเห็นทุกอย่างช้าลง”ชิงชิวตอบด้วยท่าทีตกใจ ไม่นึกว่าตัวไป๋จูเหวินจะทราบเรื่องนี้ด้วย

“ดีแล้ว มันช่วยในการต่อสู้ได้มากทีเดียว”ไป๋จูเหวินยิ้มอย่างพอใจ แม้ดวงตาของชิงชิวจะไม่ได้เปลี่ยนไปเหมือนของไป๋จูเหวิน แต่ท่าทางชิงชิวจะได้ความสามารถคล้ายๆดวงตาสีแดงมากระมัง

“จริงสิ ได้ข่าวว่าเจ้าจะลาหยุดใช่หรือไม่”ไป๋จูเหวินถามพลางยิ้มบางๆ

“ขอรับ ข้าจะลากลับบ้านสักระยะ ข้าอยากเจอพวกน้องๆขอรับ”ชิงชิวตอบพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีมีความสุข ตอนโดนจับไปมันคิดถึงพวกน้องๆที่บ้านขึ้นมาก็เลยอยากจะกลับไปเยี่ยมเสียหน่อย

“น่าเสียดาย ถ้าข้าว่างก็คงไปด้วยแท้ๆ”ได้ยินไป๋จูเหวินพูดเช่นนั้นชิงชิวก็อึ้งไป ก็จริงอยู่ที่ไป๋จูเหวินเคยบอกว่าอยากจะไปเยี่ยมบ้านของชิงชิวแต่ก็ไม่คิดว่าท่านจะวางแผนไปจริงๆ

“ถ้างั้นก็พักผ่อนระหว่างนี้ให้มากๆแล้วกัน ช่วงนี้ไป๋หลินเฝ้าอาการของเหม่ยหลินอยู่คงไม่ซนเท่าไหร่”ไป๋จูเหวินว่าพลางโบกมือลาชิงชิวก่อนจะเดินเล่นในวังต่อด้วยท่าทีสบายอารมณ์

เป็นอย่างที่ไป๋จูเหวินพูด ช่วงนี้ไป๋หลินเฝ้าอาการของมารดาตนเองไม่ห่าง ทำให้ไม่ค่อยหนีไปเที่ยวเล่นข้างนอกเท่าไหร่ มันจึงเป็นโอกาสเหมาะที่ชิงชิวจะขอลากลับบ้านนั่นเอง

.

.

“น่าคิดถึงจังเลยนะ”ชิงชิวว่าพลางลงจากรถไฟด้วยท่าทีผ่อนคลาย ตอนนี้มันมีเงินซื้อตั๋วรถไฟได้สบายแล้ว นึกถึงตอนเก็บเงินซื้อตั๋วรถไฟเมื่อคราวนั้นแล้วก็อดสงสารตัวเองไม่ได้นึกถึงตรงนี้แล้วก็คงคิดได้แต่ว่าตนเองโชคดีแค่ไหนที่ได้รับโอกาสนี้ นอกจากจะเข้าไปสมัครทหารทั้งๆที่อายุไม่ถึงแล้วยังบังเอิญเจอโอกาสได้เข้าไปเป็นองครักษ์ส่วนตัวขององค์หญิงอีกต่างหาก แถมยังได้วิชาใหม่ๆมาเยอะแยะอีกต่างหาก บอกตามตรงว่าชิงชิวฝึกแทบไม่ทันเลยทีเดียว

“โอ้ ชิงชิวนี่นา ได้ข่าวว่าเจ้าได้งานที่เมืองหลวงแล้วนี่นา”ชายคนหนึ่งทักขึ้นหลังจากเห็นชิงชิวเดินออกมาจากรถไฟพอดี

“ศิษย์พี่ ไม่ได้พบกันนานเลยนะขอรับ”ชิงชิวว่าพลางยิ้มกว้าง คนที่ทักมันคือศิษย์พี่ของมันที่ฝึกร่วมกันในสำนักของเมืองนี้นั่นเอง

“เห็นเจ้าไปสมัครเป็นทหารข้าก็เลยออกมาทำงานบ้าง เป็นยังไงเครื่องแบบนี้เหมาะดีไหม”ศิษย์พี่ของชิงชิวถามพลางยืดอกอย่างภาคภูมิใจ เครื่องแบบที่มันใส่คือเครื่องแบบของสถานีรถไฟนั่นเอง ท่าทางศิษย์พี่คงเข้ามาเป็นคนดูแลความปลอดภัยสถานีรถไฟกระมัง

“ยอดไปเลยขอรับ”ชิงชิวอดชื่นชมไม่ได้ เพราะรถไฟได้รับความนิยมมาก การทำงานเกี่ยวกับรถไฟจึงดูเป็นงานมีเกียรติไปหมดจริงๆ

“ว่าแต่เจ้าเถอะ ไปอยู่หน่วยไหนกันถึงได้ใส่เครื่องแบบซีดๆแบบนั้น”ศิษย์พี่ถามพลางมองชุดของชิงชิว ความจริงมันก็ไม่ใช่เครื่องแบบหรอกแต่เป็นชุดที่ชิงชิวตัดมาจากเมืองหนึ่งในอาณาจักรกู่นั่นล่ะ แต่เพราะใช้ใยแมงมุมทำล้วนๆมันเลยมีแค่สีเดียว แม้จะพยายามตกแต่งด้วยรอยเย็บและแนวเส้นใยแล้วแต่สีขาวล้วนไปทั้งตัวแบบนี้ก็เรียบไปจริงๆนั่นล่ะ

“เอ่อ เรื่องนั้น”ชิงชิวอึ้งไป ไม่ทราบควรจะบอกตำแหน่งตนเองดีหรือไม่

“ไม่ต้องคิดมากๆ ตำแหน่งไม่สูงก็ไม่ต้องใส่ใจหรอก ฝากความคิดถึงให้แม่เจ้าด้วยก็แล้วกัน”ศิษย์พี่เห็นชิงชิวทำท่าอ้ำอึ้งก็ไม่คิดมาก แต่เพราะหัวหน้าของมันเริ่มมองด้วยสายตาไม่พอใจแล้วมันเลยได้แต่บอกลาชิงชิวแต่เพียงเท่านี้

“ฮ้า…มีแต่กลิ่นที่น่าคิดถึงทั้งนั้นเลย”ชิงชิวว่าพลางเดินกลับบ้านไปทางเดิม อาจจะเพราะมันจมูกดีมาตั้งแต่เกิดก็ได้ก็เลยจำกลิ่นตามบ้านได้ชัดเจน การกลับบ้านครั้งนี้ก็เลยได้กลิ่นที่คุ้นเคย เพียงแต่ยิ่งเข้าไปใกล้บ้านตนเองเท่าไหร่ กลิ่นก็ยิ่งแปลกไป….

“……..”ชิงชิวสะท้านวาบเมื่อเห็นบ้านหลังใหญ่มาตั้งอยู่ตรงที่ๆบ้านของมันเคยตั้งอยู่ ภาพที่เห็นตรงหน้าทำเอาชิงชิวไม่ทราบจะหาคำตอบอย่างไรดี หรือว่าจะมีคนมาไล่ที่แม่ของมันไปแล้ว จะว่าไปตอนมันเข้ามาสมัครทหารแม่ก็ติดเงินเถ้าแก่โรงเตี๊ยมไว้นี่นา หรือว่าระหว่างมันฝึกฝนในเดือนแรกครอบครัวของมันจะโดนไล่ที่ไปแล้ว

“นี่มันอะไรกัน”ชิงชิวหัวใจหล่นวูบ บ้านของมันไม่เหลืออีกแล้ว แล้วแม่ของมันไปไหน แล้วน้องๆของมันเล่า….

“พี่ชิว พี่กลับมาแล้วเหรอ”เสียงเด็กชายคนหนึ่งพูดพลางมองมาทางชิงชิวนิ่ง มันคือน้องชายคนเล็กของชิงชิวนั่นเอง

“ชิงหมิง ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ หรือว่าเจ้ามารอพี่ที่นี่งั้นเหรอ”ชิงชิวถามพลางอุ้มน้องชายที่พึ่งอายุ 5 ขวบขึ้นมา

“ท่านพูดอะไรกัน เราจะอยู่ที่บ้านมันแปลกตรงไหน”น้องสาวของชิงชิวเดินออกมาจากประตูบ้านพลางเดินเข้ามาหาชิงชิวด้วยท่าทีงุนงง นางไม่เข้าใจว่าชิงชิวเป็นอะไรถึงยืนแข็งอยู่หน้าบ้านไม่ยอมเข้ามาเสียที

“เอ๊ะ…นี่บ้านเราเหรอ”ชิงชิวอึ้งไปพลางชี้เข้าไปในตัวบ้าน ก็ช่วยไม่ได้หรอกที่ชิงชิวจะจจำไม่ได้เพราะเกือบปีที่ผ่านมาบ้านของมันโดนทุบสร้างใหม่ไปเรียบร้อยแล้วนี่นา

“ก็บ้านเรานะสิ พี่เป็นคนส่งเงินมาแท้ๆทำไมทำหน้าเหมือนผีแบบนั้นล่ะ”น้องสาวถามพลางเดินกลับเข้าไปในบ้าน

“เอ่อ….”ชิงชิวอึ้งไปพลางมองไปรอบๆ มันก็ส่งเงินมาจริงๆนั่นล่ะ แต่ไม่คิดว่าจะเยอะพอสร้างบ้านได้ เอาจริงๆชิงชิวยังไม่ทราบด้วยซ้ำว่ามันได้เงินเดือนเท่าไหร่ เพราะมันบอกกับเจ้าหน้าที่จ่ายเงินว่าให้เหลือให้ตัวมันใช้แค่ 50 เหรีญเงินแล้วที่เหลือส่งกลับบ้าน ไม่ได้ถามจำนวนเงินเดือนทั้งหมดเสียด้วยสิ

“ชิงชิววววว”ยังไม่ทันหายอึ้ง อยู่ๆร่างของมารดาที่เคยทำงานหนักจนล้มป่วยของมันก็วิ่งเข้ามาหาด้วยท่าทีแข็งแรงอย่างมาก นางตรงเข้ามากอดมันเอาไว้พลางยกขึ้นแล้วก็หมุนเหมือนมันเป็นเด็กๆ

“ลูกรักของแม่ โถ่เจ้าลูกผู้แสนประเสริฐ”คำชมของแม่ทำเอาชิงชิวขนลุกซู่ ปกติแม่ไม่ได้ชมมันแบบนั้นนี่นา ออกจะบ่นเพราะมันชอบไปฝึกในสำนักมากกว่าไปทำงานหาเงินเสียมากกว่า

“ทำไมจะกลับมาเยี่ยมบ้านไม่บอกแม่เล่า แม่จะได้เตรียมอาหารมารอเจ้า”แม่พูดด้วยท่าทางมีความสุขก่อนจะจะพาชิงชิวเข้าไปในตัวบ้านที่ถูกสร้างใหม่จนไม่เหลือเค้าเดิม ตอนนี้บ้านของชิงชิวกลายเป็นบ้านใหญ่ที่สุดในบริเวณนี้ไปแล้ว

“แล้วชิงจื่อละท่านแม่ น้องไปไหนหรือ”ชิงชิวถามพลางมองไปรอบๆ น้องชายคนรองของมันเหมือนจะไม่อยู่บ้าน มันหายไปไหนกัน

“ไปเรียนหนังสือน่ะสิ เพราะเงินของเจ้าภาระของบ้านเราก็เลยไม่มีแล้ว น้องเจ้าก็เลยเข้าไปเรียนหนังสือตามที่อยากได้เสียที”แม่ของชิงชิวยิ้มพลางทำท่าซับน้ำตาด้วยความซาบซึ้ง

“เจ้ารออยู่นี่นะ แม้จะไปตามป้าๆเสียหน่อย”ได้ยินเช่นนั้นชิงชิวก็ขมวดคิ้ว

“ป้าๆ? ป้าๆไหนขอรับ”ชิงชิวถามเพราะมันไม่เคยได้ยินแม่เรียกใครแบบนี้มาก่อน

“ก็เพื่อนบ้านเรายังไงล่ะ พวกป้าๆเขาอยากเจอเจ้ามากเลยนะ”แม่ของชิงชิวเอามือป้องปากพลางหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ ไม่นานชิงชิวก็ได้ทราบเสียทีว่า ป้าๆ ที่แม่พูดถึงคือใคร

“ตายแล้ว นี่นะเหรอลูกชายของเจ้า ช่างองอาจผึ่งผาย สมแล้วที่เข้าไปเป็นทหารถึงเมืองหลวง”

“เจ้านี่โชคดีจริงๆนะที่ได้ลูกชายดีๆแบบนี้”

“หล่อขึ้นเยอะจนจำแทบไม่ได้เลยนะหลานรักของป้า”

พวกป้าๆข้างบ้านที่ชิงชิวเคยเห็นเมื่อสมัยเด็กนี่เอง ปกติพวกนางไม่ค่อยมายุ่งกับบ้านของชิงชิวเท่าไหร่ เพราะบ้านของชิงชิวค่อนข้างจนเลยทีเดียว แต่ตอนนี้กลับมารุมล้อมชิงชิวกันใหญ่ อย่างกับเป็นญาติสนิทที่เลี้ยงดูมันมาเสียอย่างนั้น

“จะว่าไปชิงชิว ตอนนี้เจ้าอายุเกือบจะ 16 ปีแล้วสินะ”ป้าคนหนึ่งพูดพลางมองมาทางชิงชิว

“ขะ ขอรับ”ชิงชิวตอบด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ ตั้งแต่พวกป้าๆมาที่บ้านก็ได้ยินแต่เรื่องอวดลูกตัวเองไปมา ทำเอาชิงชิวไม่ทราบจะทำหน้าอย่างไรเลย

“จำหลานสาวป้าได้ไหม ที่เคยเล่นกับเจ้าสมัยยังเด็กไง นางก็อายุใกลๆกับเจ้า”อยู่ๆชิงชิวก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกแปลกๆที่แล่นออกมาจากดวงตาของคุณป้าตรงหน้า มันเป็นสายตาเหมือนสัตว์ป่าที่กำลังจ้องจะตะคลุบเหยื่อไม่มีผิด