ตอนที่ 1671 ออกจากการปิดประตูบ่มเพาะ

Monster Paradise

ตอนที่ 1671 ออกจากการปิดประตูบ่มเพาะ

 

หลินฮวงเงยหน้า มองไปทางส่วนลึกในตัวเขา ทรงกลมยักษ์สองใบลอยอยู่ในอากาศ เหมือนไข่ยักษ์สองใบที่ลอยอยู่เหนือมหาสมุทร

 

ทั้งสองนี้คือเขตแดนเทพที่สกัดและหลอมจากจ้าวเทวะขั้นกลางทั้งสอง ภูเขาดํากับสายลับ

 

แม้พวกมันจะโดนผนึกอยู่ ขนาดของทั้งสองก็เทียบได้กับเขตดาว

 

พวกมันดํารงอยู่ภายในเขตแดนของหลินฮวงและยังไม่กลายเป็นส่วนหนึ่ง เพราะหลินฮวงยังไม่อาจหลอม พวกมันได้ก่อนหน้านี้

 

แม้เจตจํานงจะโดนลบไปแล้ว หลินฮวงก็ยังไม่อาจหลอมพวกมันได้ เขาได้แต่เก็บไว้ก่อน

 

แต่ทว่า ตอนนี้ที่เขากลายเป็นจ้าวเทวะ เขาจึงมั่นใจว่าเขาจะไม่เจออุปสรรคอะไรอีกตอนหลอมเขตแดนเทพของจ้าวเทวะขั้นกลาง

 

เขารีบลงมือโดยไม่ลังเล

 

ทั้งหมดเพียงแค่ความคิด และไฟเทวะสีแดงเลือดก็ดูเหมือนจะปรากฏขึ้น มันปกคลุมไข่ยักษ์สองใบไว้ทันที และเริ่มกระบวนการหลอม

 

วันเวลาผ่านไปในกระท่อมเสมือน

 

หลังผ่านไปไม่รู้เท่าไร เขตแดนเทพทั้งสองก็ถูกหลอมสมบูรณ์ พวกมันกลายเป็นส่วนหนึ่งของหลินฮวง

 

นั่นรวมถึงผนึกผนึกจากภูเขาด่าและสาย ห่วงโซ่ลําดับเทพสามแสนสายและกฎเทพจํานวนมาก

 

หลังหลอมเขตแดนเทพทั้งสองสําเร็จ หลินฮวงก็เงยหน้าขึ้นมองไปทางสวรรค์ของเขตแดนเทพเขา

 

ยังมีดาวผนึกเต๋าอีก 141 ดวงตรงนั้น กําลังเคลื่อนที่อย่างไม่เป็นระเบียบ

 

นอกจากอันที่เขาได้รับจากการฆ่ากลุ่มจ้าวเทวะขั้นต่ํา ยังมีอันที่หลินฮวงดึงและหลอมจากเขตแดนเทพของจ้าวเทวะขั้นต่ําที่เขาได้รับจากการแลกเปลี่ยนบนการประมูลของราชันย์ด้วย

 

ด้วยความที่ก่อนหน้าบัญญัติเทพของเขาควบคุมผนึกเต๋าไม่ได้ เขาจึงยังไม่หลอมผนึกเติเหล่านี้ เขาทําได้แค่ปล่อยให้มันเคลื่อนไปรอบๆ

 

แต่ตอนนี้เขาทําได้แล้ว

 

เขาจดไฟด้วยความคิด และไฟสีแดงก็ส่องสว่างอีกครั้งในเขตแดนเทพปกคลุมดาวผนึกเต๋าทั้งหมดที่ยังไม่อยู่ภายใต้การควบคุม

 

เวลาไม่มีอยู่ในกระท่อมอาณาจักรเสมือน หลินฮวงไม่รู้ว่าการหลอมรอบนี้จะเป็นยังไง

 

ไม่ว่ายังไง หลังการหลอมสําเร็จ จํานวนผนึกเต๋าในการครอบครองของเขาจะเกินกว่า 1400

 

นับรวมสามผนึกเต๋าในตัวเขา เขาสามารถกระตุ้นได้ถึง5.5ล้านรอยประทับเต๋า (ก่อนหน้านี้คือห่วงโซ่ลําดับเทพ)

 

รอยประทับเต่ในเขตแดนของหลินฮวงยังเพิ่มขึ้นมากจากเดิม 14.7 ล้านเป็น 18ล้าน

 

หลังหลอมผนึกเต๋าทั้งหมดในเขตแดนของเขา หลินฮวงก็มองผนึกเต๋าทั้งสามอีกครั้ง

 

เขาใช้เวลาสักพักเพื่อพิจารณาว่าเขาควรควบแน่นผนึกเต๋าเพิ่มไหม

 

เหนือสิ่งอื่นใด สําหรับทุกผนึกเต๋ที่เขาสร้าง จํานวนของพลังรอยประทับเต๋าที่เขาสามารถกระตุ้นได้จะเพิ่มขึ้นหนึ่งล้าน

 

แต่ทว่า หลังคิดบางอย่าง เขาก็ล้มเลิกไปก่อน

 

เขาไม่มั่นใจว่าเขาจะดึงดูดความสนใจของสิ่งมีชีวิตที่เหนือกว่าจ้าวเทวะอีกไหมถ้าเขาสร้างผนึกเต่เพิ่ม

 

ถ้าสิ่งมีชีวิตนั้นเผยตัวอีก เขาอาจไม่มีโอกาสรอดสักวินาทีเดียว

 

เหนือสิ่งอื่นใด ผู้หญิงที่มาช่วยเขาก่อนหน้าเองก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่เหนือกว่าจาวเทวะ หลินฮวงไม่คิดว่านางจะมาคอยปกป้องเขาตลอดเวลา

 

ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เขาเป็นหนี้นาง มันคงน่าละอายถ้าเขาจะเป็นหนี้อก

 

หลินฮวงล้มเลิกความคิดสร้างผนึกเต๋เพิ่มและออกจากการปิดประตูบ่มเพาะทันที

 

เขาเก็บกระท่อมไปและก้าวกลับไปในอาณาจักรวัตถุ

 

หลังเหลือบมองดาวร้างที่เขาอยู่ เขาก็เรียกประตูทุกอาณาจักรอีกครั้งและกลับดาวริคกี้

 

ทันทีที่เขากลับโรงแรมเขาบนดาวริคกี้ หลินฮวงก็นําตราราชันย์ออกมาและอัปโหลดอาวุธเต๋าขั้นกลาง 11 ชิ้นลงหน้าประมูล

 

เงื่อนไขของเขาคือแลกกับเขตแดนเทพจ้าวเทวะขั้นกลางที่มี 55 ผนึกขึ้นไป ยิ่งผนึกเยอะยิ่งดี ไม่จํากัดประเภท เผ่าแมลงและหุบเหวก็ได้

 

ครั้งนี้ หลินฮวงตั้งเวลาประมูลไว้ที่ 10 วัน

 

ด้านหนึ่ง เงื่อนไขแลกเปลี่ยนที่เขาตั้งถือว่าเข้มงวดมาก ถ้าระยะเวลาสั้นไป อาวุธเต๋าคงไม่ได้ราคาดี

 

อีกด้าน การได้รับเขตแดนเทพจ้าวเทวะยังไม่ใช่เรื่องด่วนตอนนี้ ด้วยระดับความสามารถปัจจุบันของเขา เขาสามารถโค่นไรเดอร์ได้สบายๆ ไม่จําเป็นต้องรีบหลอมเขตแดนเทพเพิ่ม

 

หลินฮวงมีเวลาว่างเหลือเฟือ

 

เขาได้ใช้ทรัพยากรที่เขาสามารถใช้ได้แล้ว ถ้าเขาอยากเพิ่มความสามารถอีก เขาต้องรอให้การประมูลของราชันย์จบ

 

โชคดี มีตลาดแลกเปลี่ยนมากมายบนดาวริคกี้และภายในเขตดาวคอยน์ หลินฮวงสามารถใช้พวกมันฆ่าเวลาได้

 

ด้วยระดับความสามารถปัจจุบันของเขา สุดท้ายหลินฮวงก็รู้ถึงคุณค่าของต่างๆ

 

ตลอดมา เขาทุ่มเทกับการบ่มเพาะและไม่รู้เรื่องอื่นเลย

 

นอกจากนั้น เขาเพิ่งพบว่ามีระดับของตลาดในแดนเทพด้วย

 

ตัวอย่างเช่น ยอดฝีมือเทพสวรรค์มักจะไปซื้อของกันที่ศาลาสมบัติสวรรค์ของศาลาสมบัติล้ําค่า

 

ศาลาสมบัติสวรรค์จะไม่ขายของใดที่ต่ํากว่าระดับเทพสวรรค์ ไม่ใช่แค่นั้น คุณภาพของทั้งหมดยังได้รับการรับประกัน แต่ทว่า ราคาก็จะแพงกว่าตลาดมืดมาก มันเป็นปกติที่ของหายากบางอย่างจะถูกตั้งไว้สูงกว่าห้าเท่า

 

เทพเสมือนกับเทพแท้จริงจะมักไปซื้อกันที่ตลาดสมบัติล้ําค่า ซึ่งก็เป็นของศาลาสมบัติล้ําค่าเช่นกัน ตลาดนี้มีขนาดเกือบเท่าเมือง แต่ทว่า มันถูกเช่าโดยเจ้าของแผงต่างๆ และสินค้าทั้งหมดก็ถูกจัดหาโดยเจ้าของแผงเหล่านั้น

 

ว่ากันว่าศาลาสมบัติล้ําค่ามีศาลาสมบัติลับที่มีแค่ยอดฝีมือจาวเทวะถึงเข้าได้ ลือกันว่าสมบัติทั้งหมดล้วนเป็นอาวุธเต๋าขึ้นไป

 

แต่ทว่า หลินฮวงเพียงได้ยิน เขาไม่เคยไป

 

แม้เขาจะเป็นจ้าวเทวะแล้ว เขาก็ไม่อยากให้คนหลายคนรู้ถึงความสามารถของเขานัก

 

เขาค่อนข้างสนใจในศาลาสมบัติลับ แต่เขาไม่คิดว่าจะมีของอะไรที่ราชันย์ไม่มี

 

เหนือสิ่งอื่นใด ราชันย์มีผู้ยิ่งใหญ่ที่เหนือกว่าจ้าวเทวะ พวกเขายังมีข้าวเทวะนับไม่ถ้วนภายใต้บัญชาองค์กร ขนาดเล็กอย่างศาลาสมบัติล้ําค่าไม่อาจเทียบได้เลย

 

หลายวันต่อมา หลินฮวงเดินทั่วตลาดต่างๆขณะรอให้ผู้ตรวจสอบจากไรเดอร์มาถึง

 

ไม่เหมือนสภาพจิตใจก่อนหน้าตอนความสามารถของเขายังไม่พอ ตอนนี้เขาหวังให้อีกฝ่ายรับแสดงตัว

 

ยิ่งมาถึงเร็ว เขาจะยิ่งแก้ปัญหาได้เร็ซ

 

นอกจากนี้ เขาหวังว่าอีกฝ่ายจะทรงคนมาเยอะหน่อย

 

เหนือสิ่งอื่นใด เขากําลังขาดเขตแดนจ้าวเทวะ

 

ยิ่งไปกว่านั้น ยิ่งผู้ตรวจสอบทรงพลัง ผนึกเต๋ากับรอยประทับเต๋าก็ยิ่งเยอะ

 

สําหรับว่าเขาอาจตกเป็นเป้าโดยไรเดอร์ที่ทรงพลังยิ่งกว่าจากจักรวาล นี่ไม่สาคัญต่อหลินฮวงอีก

 

นี่เพราะตราบเท่าที่เขาเผยหน้าไปที่ไหน มันก็เป็นแค่เรื่องของเวลาก่อนเขาจะตกเป็นเป้าโดยพวกไรเดอร์

 

เว้นแต่เขาจะก้มหน้าไปทั้งชีวิตจนกระทั่งเขาทรงพลังกว่าทุกคนในไรเดอร์

 

หลินฮวงรู้สึกว่าเขาทําแบบนั้นไม่ได้

 

ตามนิสัย เขาไม่ใช่คนที่จะยืนเฉยๆและเต็มใจเก็บตัวพัฒนา แต่ทว่า ถ้าเขาพบเจอสถานการณ์ร้ายแรง เขาถึงจะยอมเลือกทางนั้น นั่นแหละนิสัยเขา

 

ตัวอย่างเช่นตอนนี้ ด้วยไรเดอร์ที่กําลังส่งผู้ตรวจสอบมา หลินฮวงสามารถหนีไปได้ถ้าต้องการ แต่เขาไม่อยากหนี

 

เขากลับเลือกฝึกหนักเพื่อแข็งแกร่งขึ้น จากนั้นก็ปะทะกับศัตรูซึ่งๆหน้า