ตอนที่ 292 คุณหน้าตาหล่อนะ / ตอนที่ 293 เจอท่านเชน

(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์

ตอนที่ 292 คุณหน้าตาหล่อนะ

 

 

“มีอะไรหรือเปล่า” จู่ๆ ฟู่เหยี่ยนก็เอ่ยขึ้นมา

 

 

           เจียงมู่เฉินคลายคิ้วที่ขมวดเป็นปมกันเล็กน้อยออก “ไม่มีอะไร”

 

 

           “ผมยังคิดว่าคุณชายเจียงไม่ยินดีที่จะอยู่กับผมซะอีก” ฟู่เหยี่ยนมองเขาด้วยท่าทางค่อนข้างจะน้อยใจ “ถึงอดรนทนไม่ได้ถามหาซังจิ่งแบบนี้”

 

 

           “ฉันกับซังจิ่งเป็นเพื่อนกัน ถามหาเขาก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว” เจียงมู่เฉินหยุดชะงักครู่หนึ่ง “เช่นเดียวกันกับนาย ถ้าเหมือนกับซังจิ่ง ฉันก็จะถามหาเหมือนกัน”

 

 

           ไม่รู้ว่าประโยคนี้เป็นการพูดเอาอกเอาใจฟู่เหยี่ยนหรือเปล่า รอยยิ้มทอประกายในแววตาของเขา คนทั้งคนยิ้มหัวเราะเล็กน้อยราวกับล่องลอยกลางสายลมเย็นฉ่ำใจ “ได้ยินคุณชายเจียงพูดแบบนี้ จู่ๆ ก็รู้สึกมีความสุขขึ้นมาบ้างแล้ว”

 

 

           เจียงมู่เฉินมองเขาแวบหนึ่ง รู้สึกว่ารอยยิ้มบนใบหน้าเขามีความรู้สึกบางอย่างที่พูดไม่ออก ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอฟู่เหยี่ยน เจียงมู่เฉินมีความรู้สึกที่พูดไม่ออกวกวนในใจเขาเสมอ

 

 

           แต่ว่า นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอฟู่เหยี่ยน ตามหลักการแล้วไม่ควรจะเป็นแบบนี้เลย

 

 

           เจียงมู่เฉินค่อยๆ เก็บกดข้อกังขาในใจลงไปอย่างช้าๆ

 

 

           “คุณชายเจียงกำลังคิดอะไรอยู่” ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ฟู่เหยี่ยนเดินไปอยู่ด้านขวาของเขา

 

 

           เจียงมู่เฉินเอียงหัวมองเขาแวบหนึ่ง “ฉันกำลังคิดว่าฟู่เหยี่ยนนายยังหนุ่มขนาดนี้ ก็ประสบความสำเร็จแล้ว ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ”

 

 

           “เกียรติประวัติของคุณชายเจียง ผมเองก็ได้ยินมาไม่น้อย ผมกลับรู้สึกว่าคุณเองก็ไม่ได้ด้อยอะไร”

 

 

           เจียงมู่เฉินหลุดขำ “เกียรติประวัติของฉัน?” เขากะพริบตาแล้วกะพริบตาอีก “นายอยากจะพูดเรื่องเกียรติประวัติอะไรของฉัน เรื่องชอบกินชอบเที่ยวเหรอ”

 

 

           ฟู่เหยี่ยนลูบจมูกปอยๆ ท่าทางค่อนข้างละอายใจ “ผมไม่ได้หมายความแบบนี้”

 

 

           “ถานโจวมีใครจะไม่รู้จักคุณชายน้อยตระกูลเจียงมีนิสัยดื้อรั้นหัวแข็ง เย่อหยิ่งทะนงตัว ถ้าไม่ใช่เพราะว่ามีพ่อแม่มีเงิน ไหนจะมีเจียงมู่เฉินในวันนี้ได้”

 

 

           ฟู่เหยี่ยนหรี่ตาลง “ผมกลับไม่ได้คิดแบบนี้เลยนะ”

 

 

           “อืม งั้นนายคิดยังไงล่ะ”

 

 

           ฟู่เหยี่ยนเอียงหัวพินิจมองเจียงมู่เฉิน เขายืนอยู่ใต้แสงแดด ลมอ่อนๆ พัดโชยผ่านเรือนผมชี้ๆ ของเขา ใบหน้าละเอียดได้รูปจนหาข้อบกพร่องไม่ได้ชวนยั่วเย้าไม่เบา

 

 

           เขาเข้าไปใกล้เจียงมู่เฉินเล็กน้อย เอ่ยคำต่อคำ “ผมกลับรู้สึกว่าในใจคุณเหมือนกับกระจกใส”

 

 

           เจียงมู่เฉินโดนเขามองใกล้ๆ ขนาดนี้ ก็ตื่นตระหนกอย่างบอกไม่ถูก ราวกับปฏิกิริยาตอบโต้ของร่างกาย ทะลุผ่านสมองใหญ่ตอบสนองออกมาในเวลาแรก

 

 

           เขากำมือแน่น “ฟู่เหยี่ยน เมื่อก่อนพวกเราเคยเจอกันหรือเปล่า”

 

 

           นัยน์ตาสีอำพันของฟู่เหยี่ยนไม่มีคลื่นความเคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย เขากะพริบตาเอ่ยเสียงต่ำ พร้อมรอยยิ้ม “ถ้าเมื่อก่อนผมเคยเจอคุณ เกรงว่าผมคงจะหลงรักคุณไปแล้ว”

 

 

           “นายกับซังจิ่งเป็นเพื่อนกัน ซังจิ่งเคยเจอฉันที่อเมริกาเมื่อหลายปีก่อน หรือว่าพวกเราเคย?”

 

 

           เจียงมู่เฉินลองเอ่ยทดสอบหยั่งเชิงเล็กน้อย

 

 

           “ถ้าเมื่อก่อนผมเคยเจอคุณ ระหว่างคุณกับผมก็ไม่มีทางจะห่างเหินกันเหมือนทุกวันนี้ได้หรอก”

 

 

           เขาไม่ได้ตอบตรงๆ ซึ่งๆ หน้า แต่กลับตอบอ้อมค้อมไปเล็กน้อย

 

 

           ม่านตาเจียงมู่เฉินหดตัวลงเล็กน้อย นัยน์ตาดอกท้อจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของฟู่เหยี่ยน สังเกตโดยละเอียด

 

 

           ฟู่เหยี่ยนก็ไม่ได้หลบเลี่ยง ปล่อยให้เจียงมู่เฉินพินิจมอง   

 

 

           ผ่านไปประมาณสามนาที เจียงมู่เฉินเก็บสายตาที่มองดูฟู่เหยี่ยนกลับเข้าไป ก่อนยิ้มหัวเราะ “คิดๆ ดูแล้วก็ควรจะเป็นแบบนี้ ถ้าเมื่อก่อนฉันเคยเจอนาย ไม่มีทางจะนึกไม่ออกเด็ดขาด…อ้อ จะว่ายังไงดี”

 

 

           จู่ๆ เจียงมู่เฉินก็ยื่นมือไปบีบคางของฟู่เหยี่ยน มองไปทั่วๆ อย่างละเอียดรอบหนึ่ง ทันทีหลังจากนั้นก็หรี่ตาลง เอ่ยอย่างเอ้อระเหย “เพราะว่านายหน้าตาดีมั้ง”

 

 

           ฟู่เหยี่ยนปล่อยให้เขาบีบคางตัวเอง ต่อให้การกระทำนี้จะดูเหมือนทำเป็นเล่นไม่เกรงใจโดยเฉพาะอย่างยิ่ง แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรเพื่อหยุดยั้งการกระทำของเจียงมู่เฉินเลย

 

 

           เขาเลิกคิ้วเล็กน้อย พร้อมเอ่ยถาม “หล่อเหรอ”

 

 

           เจียงมู่เฉินพยักหน้า “หล่อสิ เข้ากับรสนิยมความดูดีของฉันทุกอย่างเลย”

 

 

           ฟู่เหยี่ยนยิ้มหัวเราะเล็กน้อย “งั้นคุณชายเจียงอยากคบกับผมไหม”

 

 

           เจียงมู่เฉินครุ่นคิดอย่างจริงจัง มือที่บีบคางเขาอยู่กระชับแน่นเล็กน้อย เขาวางมาดขรึมมองฟู่เหยี่ยน “ฉันอยู่แค่ข้างบนนะ นายยอมจะอยู่ข้างล่างเหรอ”

 

 

 

 

ตอนที่ 293 เจอท่านเชน

 

 

           ฟู่เหยี่ยนชะงักไป คงจะคิดไม่ถึงว่าจู่ๆ เขาจะพูดแบบนี้ ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับไปสักพัก

 

 

           เจียงมู่เฉินปล่อยมืออย่างเย้าหยอก “น่าเสียดาย ได้แค่มอง กินไม่ได้”

 

 

           เขาพูดจบก็หันกลับเดินออกไปอย่างช้าๆ ท่าทางน่าเสียดาย

 

 

           ฟู่เหยี่ยนที่อยู่ข้างหลัง ยกมือขึ้นมาลูบคางที่เจียงมู่เฉินได้บีบไป อดจะถูไปถูมาไม่ได้

 

 

           คิดไม่ถึงว่าหลังจากเจียงมู่เฉินสูญเสียความทรงจำไปแล้ว ปัจจุบันจะไม่ค่อยเหมือนกับในอดีตเท่าไหร่นัก

 

 

           ตอนนั้น เขาไม่เคยพูดจาทีเล่นทีจริงกับตัวเองขนาดนี้

 

 

           ……

 

 

           หลายวันติดต่อกันมาแล้วที่ไม่ได้เจอเจียงมู่เฉิน ซือเหยี่ยนคิดว่าที่ตัวเองกล่าวเตือนซูเตอร์ไปคงจะมีประโยชน์บ้างแล้ว

 

 

           เวลานี้ เขาไม่เจอหน้าเจียงมู่เฉินจะดีกว่า

 

 

           จะได้ป้องกันเวลาที่ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ เปิดเผยอะไรออกมาได้

 

 

           [วันนี้บ่ายสอง ฉันนัดอาจารย์ให้นายมาเจอที่เดิมแล้ว จำไว้มาตรงเวลาด้วย]

 

 

           ซือเหยี่ยนได้รับข้อความจากไมเคิลกะทันหัน เขาอ่านเนื้อหาในข้อความแล้ว หว่างคิ้วขมวดเป็นรอยย่น

 

 

           ขอเพียงแต่เขาได้รับความร่วมมือจากอาจารย์ ทั้งสองร่วมมือทั้งในทั้งนอกตีขนาบประสานกันทำลายกวาดล้างแก๊งมังกรคราม เช่นนี้จะได้สิ้นสุดกันสักที ไม่ต้องกังวลว่าจะยังมีคนมาทำร้ายเจียงมู่เฉินอีก

 

 

           ซือเหยี่ยนกุมขมับ รีบตอบกลับไปทันที [โอเค]

 

 

           หลังจากส่งข้อความเรียบร้อย ก็ลบข้อความนั้นจนเกลี้ยงไม่เหลือร่องรอยใดใด จากนั้นถึงได้วางมือถือกลับไปบนโต๊ะเหมือนเดิม

 

 

           หลังจากซือเหยี่ยนจัดการธุระในมือเสร็จ ก็เตรียมจะไปดูซูเตอร์ เขาจำเป็นต้องทำให้ซูเตอร์พ้นทางไป ถึงจะจัดการเรื่องที่เหลือได้

 

 

           เขาเดินไปถึงห้องของซูเตอร์ เห็นในห้องไม่มีใคร เขาคว้าใครสักคนแถวนั้นมาสอบถาม “ซูเตอร์ล่ะ”

 

 

           “คุณชายน้อยเหมือนจะมีธุระกะทันหัน รีบร้อนออกไปแล้วครับ”

 

 

           ซือเหยี่ยนขมวดคิ้วเล็กน้อย “ไปนานแค่ไหนแล้ว”

 

 

           “ประมาณครึ่งชั่วโมงครับ”

 

 

           ซือเหยี่ยนกลับห้องไป แล้วโทรหาซูเตอร์ เป็นครั้งแรกที่ใช้เวลาตั้งนานขนาดนี้กว่าซูเตอร์จะรับสายได้ ซือเหยี่ยนถามไปตรง “คุณอยู่ที่ไหน”

 

 

           ซูเตอร์เงียบไปสักพัก ก่อนจะเอ่ย “ฉันมีธุระนิดหน่อย จะกลับไปช้าหน่อยนะ”

 

 

           ซือเหยี่ยนนัยน์ตาจมดิ่ง “ธุระสำคัญมากไหม ต้องการให้ผมช่วยหรือเปล่า”

 

 

           “ไม่ต้องๆ ฉันเองก็โอเคแล้ว” ซูเตอร์รีบโต้แย้งอย่างฉับไว ราวกับกลัวว่าซือเหยี่ยนจะมาช่วยเขาจริงๆ

 

 

           “โอเค งั้นคุณทำธุระเถอะ”

 

 

           ซือเหยี่ยนวางสาย แล้วออกไปข้างนอกทันที ในเมื่อซูเตอร์ไม่อยู่ เช่นนั้นเขาก็ยิ่งจัดการได้ง่ายขึ้น

 

 

           จนกระทั่งขับรถไปสถานที่ที่นัดกับไมเคิลไว้เรียบร้อย เขาเอารถมาจอดบริเวณถนนเส้นเล็กๆ เส้นหนึ่งที่ดูไม่เตะตา แล้วเดินจากประตูหลังเข้าไป

 

 

           ร้านแห่งนี้ที่พวกไมเคิลนัดเจอกัน ตั้งอยู่บนถนนสองเส้น ทุกครั้งเขาจะเข้าทางประตูด้านหลัง ทุกครั้งไมเคิลจะเข้าทางประตูหน้า ไม่มีใครสามารถคิดเชื่อมโยงทั้งสองเข้าด้วยกันได้

 

 

           ใช้เป็นที่พบปะหารือได้ปลอดภัยที่สุด

 

 

           ถึงอย่างไรเขาก็อยู่ในแก๊งมังกรคราม ยากจะรับประกันได้ว่าเรย์มอนกับซูเวลล์จะไม่หวาดระแวงแล้วไม่มาเฝ้าดูเขา เขาจึงทำได้เพียงระมัดระวังในทุกๆ เรื่องที่ทำ

 

 

           หลังจากที่ซือเหยี่ยนเข้าไปแล้ว ก็ตรงเข้าประตูด้านข้างขึ้นไปชั้นสองทันที

 

 

           ไมเคิลนั่งอยู่บนโซฟา ด้านข้างยังมีคนคนหนึ่งยืนอยู่ ซือเหยี่ยนมองตามแผ่นหลังที่เขาคุ้นเคย ขอบตาร้อนผ่าว เสียงต่ำเอ่ยเรียก “อาจารย์ครับ”

 

 

           ท่านเชนได้ยินเสียงของซือเหยี่ยน ร่างกายสั่นสะท้านโดยพลัน เขาหันมองซือเหยี่ยนอย่างนึกไม่ถึง ขอบตาแดงขึ้นเล็กน้อย

 

 

           “ขออภัยครับ อาจารย์”

 

 

           “เฮ้อ” ท่านเชนมองเขาแล้วถอนหายใจ เดินไปอยู่ต่อหน้าซือเหยี่ยน แล้วออกแรงกอดเขาครู่หนึ่ง “คิดไม่ถึงว่านายจะเป็นฝ่ายมาหาฉันเอง”

 

 

           “ตอนนั้นผมผิดเองที่ออกจากทีม ทำให้ทีมของอาจารย์วุ่นวายกันไปหมด”

 

 

           ท่านเชนกอดเขาไว้แน่น “โอเค เรื่องตอนนั้นฉันเองก็ไม่เคยโทษนาย ตอนนี้นายยังกลับมาเรียกฉันว่าอาจารย์ได้ ฉันก็ซึ้งใจมากแล้ว”

 

 

           “อาจารย์ครับ ครั้งนี้ที่ผมมาหาอาจารย์ คืออยากให้อาจารย์ช่วยครับ” ซือเหยี่ยนตัดสินใจเปิดประเด็น