ตอนที่ 633

The Divine Nine Dragon Cauldron

ผู้เฒ่าเสี่ยวซุยดูเยือกเย็นในเบื้องหน้า

 

“จะทำอะไรก็แล้วแต่พวกท่าน”

 

ไอ้แก่โง่ผู้นี้…หลงจื้อชิงกำหมัดแน่น จิตสังหารของเขาแผ่ออกมาจากแววตา ผู้เฒ่าของงพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ได้นอนจมกองเลือดไปมากแล้ว เหลือผู้เฒ่าอีกเพียงสิบคนเท่านั้น หากเสียใครไปอีกก็ย่อมจะส่งผลอย่างหนัก!

 

และเสี่ยวซุยก็ไม่ได้ทำผิดกฎอะไรเลย ถึงหลงจื้อชิงจะเป็นเจ้าพันธมิตร เขาก็มิอาจวางอุบายง่ายๆใส่ร้ายเสี่ยวซุยได้ เขาจำต้องปล่อยเสี่ยวซุยไปแม้ว่าเขาอยากจะกำจัดเสี่ยวซุยมากเท่าใดก็ตาม

 

“พวกท่านสบายใจได้ ถ้ามีสมบัติวิเศษของซือหยู เราจะปลอดภัย แต่เราจะต้องไม่วางใจคนภายนอก เราต้องช่วยกันซ่อมชั้นเกราะที่เสียหายเพื่อไม่ให้มีเรื่องร้ายๆเกิดขึ้น”

 

หลงจื้อชิงเสียใจเมื่อมองไปยังส่วนชั้นเกราะทั้งสิบแปดที่เสียหาย

 

เขาได้เห็นการร่วมพลังโจมตีมาแล้วในการต่อสู้ครั้งสุดท้าย ไม่รู้ว่าศัตรูใช้อะไรถึงได้รวมพลังจากคนจำนวนมากได้! วิชาประเภทนี้ไม่ได้หายากนักในทวีปเฉินหลง

 

แม้แต่บางสำนักก็มีวิชารวมพลังโจมตีของตัวเอง แต่พลังของพวกเขาต้องใช้เงื่อนไขอันเข้มงวด ต้องสร้างลำดับพิเศษในการรวบพลังของทุกคน

 

และทุกคนที่ใช้วิธีนี้ยังต้องควบคุมพลังชีวิตของตัวเองได้อย่างดีเยี่ยม ปริมาณพลังที่ใช้ยังมหาศาล หากมีข้อผิดพลาดเพียงเล็กน้อยก็จะทำให้พลังเปลี่ยนแปลงไปมาก และถ้าพลาดไป พลังที่หลอมรวมกันจะเกินควบคุมและระเบิดออกมาก่อนจะได้ใช้กับศัตรู ถ้าเป็นเช่นนี้คนในฝ่ายเดียวกันจะบาดเจ็บ!

 

ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงทำได้แค่แต่งตั้งคนธรรมดาๆไปผ่านการฝึกหนักให้ต่อสู้ร่วมกันได้ มีคนพวกนี้เท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้ใช้การรวมพลัง

 

แต่แม้ว่าพวกเขาจะมีวิชาแบบนั้น พวกเขาก็แทบจะไม่ได้ใช้มัน เพราะมีศัตรูน้อยมากที่จะรอให้พวกเขาวางลำดับเสร็จและยืนนิ่งๆให้จู่โจมโดยไม่เคลื่อนไหว! จุดอ่อนเช่นนี้เลยทำให้ไม่มีใครใช้วิชารวมพลัง

 

แต่พวกต่างโลกนั้นมีวิชาช่างฝีมืออันน่าตกตะลึง แค่สมบัติวงแหวนวงเดียวก็ทำให้เกิดลำดับรวมพลังขึ้นมาได้ มันยังทำให้พลังที่หลอมรวมกันเข้ากันได้อีก ไม่ว่าจะอัดพลังไปเท่าใด มันก็ยังเข้ากันได้อย่างสมบูรณ์และระเบิดพลังที่น่ากลัวออกมา!

 

การต่อสู้สุดท้ายของทวีปเฉินหลงในปีนั้นดุเดือดมาก วงแหวนพลังปรากฏหลายครั้งในค่ายของศัตรู การรวมพลังหลายครั้งทำให้เกิดการสูญเสียมากมายต่อเฉินหลง

 

จำนวนยอดฝีมือจากเฉินหลงที่ตายในจากการรวมพลังของศัตรูนั้นเยอะกว่าคนที่ตายในการเผชิญหน้าตรงๆเสียอีก สมบัติวงแหวนที่ศัตรูใช้คืออาวุธที่มอบฝันร้ายให้แก่เหล่าคนเฉินหลง

 

คนที่รอดมาได้นั้นใจสั่นหลังจากได้สติ นี่ไม่ใช่เวลาฉลองหรือตื่นเต้น พวกเขาต้องร่วมมือกันช่วยซ่อมแซมชั้นเกราะ

 

พวกเขาซ่อมชั้นเกราะสี่ชั้นเสร็จในไม่นาน มันรับการรวมพลังโจมตีได้หนึ่งครั้ง ดังนั้นพวกเขาจึงนับว่าปลอดภัยไปเปราะหนึ่ง

 

“ท่านเจ้าพันธมิตร นอกจากที่นี่ เรายังมีส่วนอื่นของเรือที่ต้องซ่อมอีกหรือไม่?”

 

ผู้เฒ่าเฉินถามด้วยใบหน้าซีด

 

เขาพยายามจะดูแลความปลอดภัยโดยรวม เขาเข้าใจว่าหากศัตรูไม่มีวิธีการอื่น พวกเขาก็คงจะนับว่าผ่านวิกฤติที่ร้ายแรงที่สุดมาได้แล้ว

 

“ไม่มีแล้ว”

 

หลงจื้อชิงตอบโดยไม่คิด

 

“ที่นี่คือส่วนที่เสียหายหนักที่สุดในเรือรบ การป้องกันของส่วนอื่นไม่ใช่สิ่งที่เกราะสิบแปดชั้นจะเทียบได้ พวกมันคงไม่มาเสียเวลาจู่โจมพวกเราผ่านส่วนอื่น เพราะไม่ว่าจะทำยังไง พวกมันก็จะทำให้เรือเสียหายไม่ได้”

 

เขาพูดเสริม

 

“แล้วการต่อสู้เมื่อครู่ เรารับการรวมพลังของพวกมันมาเก้าครั้ง แต่ตัวเรือก็ไม่ได้เสียหายเลย! เจ้าวางใจได้ หากเราปกป้องที่นี่ให้ดี พันธมิตรผู้คุมสวรรค์ก็จะไร้เทียมทาน”

 

พวกเขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเรือลำนี้นั้นแข็งแกร่ง? ถ้าหากมันไม่แข็งแรง มันก็คงจะถูกวิชารวมพลังทำลายไปแล้วในการต่อสู้ครั้งก่อน!

 

“ท่านทั้งหลายมาที่นี่เถอะ ช่วยกันซ่อมเกราะสิบแปดชั้น เราจะได้สบายใจไร้กังวล”

 

หลงจื้อชิงเรียกคนที่เหลือ เขาดีใจอย่างมากที่รอดพ้นภัยมาได้

 

ทุกคนดูผ่อนคลายแม้จะเหนื่อย พวกเขาคิดว่าตนเองโชคดีมาก เพราะนี่ก็เหมือนปาฏิหาริย์แล้วที่พวกเขารอดมาได้แบบนี้!

 

ที่ภายนอก

 

เด็กหนุ่มผมสีม่วงสีหน้าหม่นหมอง เขามองผนึกใหญ่

 

“ไม่ใช่ว่าไอ้แก่นั่นบาดเจ็บและหมดสติไปเพราะวิบัติอัสนีหรอกรึ? ยอดฝีมือที่มีพลังมากขนาดนั้นมาจากที่ไหนกัน?”

 

มีกึ่งภูติที่มีแก้วสามดวงสามคมยืนอยู่ข้างเขาเพื่อรับฟังคำสั่ง

 

“เจ้าแอบไปติดต่อกับฟู่กังซาน มันไม่ได้บอกพวกเราว่ามีคนแบบนั้นอยู่ในพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ เรื่องนี้ทำให้เราสูญเสียคนไปมากนัก!”

 

ชายหนุ่มผมสีม่วงสั่งอย่างเย็นชา

 

ทหารส่วนตัวของเขาหยิบเอาสร้อยหยกแปลกๆออกมาใส่พลังชีวิต สร้อยไม่ได้เปล่งแสงออกมา นั่นสื่อว่ามันไม่ถูกใช้งาน

 

“นายท่าน สร้อยหยกที่เราติดในกะโหลกของมันไม่ตอบสนอง เราน่าจะ…”

 

ทหารคนนั้นตอบอย่างลังเล

 

เพี๊ยะ!

 

ชายหนุ่มผมสีม่วงตบเขาออกไป ใบหน้าของเขาเละ

 

“พวกเจ้ามันกองขยะชัดๆ”

 

ใบหน้าเขาดูดุร้ายราวกับราชสีห์ที่โกรธเกรี้ยว

 

“พวกเจ้ามันไร้ประโยชน์! ข้ารู้สึกว่าไอ้เวรนั้นอาจจะใช้งานได้เลยไว้ชีวิตมันในก้นบึ้งมังกร! ข้ายังให้โอสถกับมัน ให้ฐานพลังมันเพิ่มขึ้นมาตั้งเยอะ ข้าทำไปเพื่อจะได้รู้ข้อมูลของศัตรูมากขึ้น”

 

“แต่ไอ้ขยะนั่นเอาตำแหน่งเจ้าพันธมิตรยังไม่ได้เลย มันใช้เวลาตั้งสองปี ซ้ำยังมาถูกคนอื่นฆ่าตายอีก!”

 

ถ้าหากคำพูดนี้เป็นที่รู้ในพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ พวกเขาคงจะเสียใจอย่างมากแน่ เพราะแท้จริงแล้วฟู่กังซานคือหนอนบ่อนไส้ที่ต่างโลกส่งตัวมา เขายังพยายามจะกล่าวโทษซือหยูและคนอื่นว่าเป็นหนอนบ่อนไส้อีกด้วย

 

เมื่อการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้นในก้นบึ้งมังกรจากปีนั้น ผู้เฒ่าจิว หลงจื้อชิง และคนอื่นค่อนข้างไม่มีเวลา พวกเขาไม่มีเวลาจะมาช่วย มีแค่ฟู่กังซานที่นำกลุ่มไปตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้น

 

แต่ทุกคนที่ไปกับเขาตายหมด เหลือแค่ฟู่กังซานที่หนีรอดออกมาได้ จากนั้นฐานพลังของเขาก็เพิ่มขึ้นมาก เขากลายเป็นยอดฝีมือหมายเลขหนึ่งในพันธมิตรผู้คุมสวรรค์!

 

นับจากตอนนั้น เขาเริ่มที่จะรวบรวมผู้คนให้มาอยู่ฝ่ายเดียวกับเขา เขากลายมาเป็นผู้มีอำนาจในพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ เขายังเริ่มต่อต้านหลงจื้อชิงและชิงตำแหน่งนั้นมาเมื่อวันก่อน! แต่เขาก็ถูกซือหยูฆ่าตาย

 

การปรากฏตัวขึ้นของซือหยูทำให้แผนการของศัตรูล้มเหลว ถ้าฟู่กังซานยังอยู่ในพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ เขาก็คงจะทำให้พันธมิตรผู้คุมสวรรค์ปั่นป่วนและวุ่นวายไปแล้ว!

 

เหล่าทหารรับใช้ไม่กล้าที่จะโต้แย้งชายหนุ่มผมสีม่วง เพราะการที่พวกเขาพบพันธมิตรผู้คุมสวรรค์นั้นเกิดการฟู่กังซานบอกตำแหน่ง มันมิใช่เรื่องบังเอิญเลย ทวีปเฉินหลงนั้นกว้างใหญ่ไพศาล พวกเขาไม่มีวันไล่ล่าพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ได้ตลอดเวลาแน่

 

ฟู่กังซานแอบติดต่อกับพวกเขาเพื่อบอกตำแหน่งของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ จากนั้นกำลังของศัตรูก็เริ่มรวมพล เมื่อหน่วยลาดตระเวนถูกสังหาร พวกเขาเลยแน่ใจว่าพันธมิตรผู้คุมสวรรค์อยู่ที่ใด

 

ตรามแผน ฟู่กังซานควรจะสร้างความปั่นป่วนในพันธมิตรผู้คุมสวรรค์จนอยู่ในภาวะไร้ผู้นำ และศัตรูจะใช้จุดอ่อนตรงนี้กำจัดพันธมิตรผู้คุมสวรรค์จากภายในและภายนอก

 

แต่ไม่มีใครคิดเลยว่าพันธมิตรผู้คุมสวรรค์จะมียอดฝีมือซุกซ่อนอยู่อีก…

 

ชายผมม่วงรู้สึกขึ้นมาได้ว่ามีบางอย่างที่แปลก ทั้งเรื่องสมบัติวิเศษที่ทรงพลังและเรื่องอื่นๆ เขารู้สึกว่าคนที่เขากำลังเผชิญหน้าอยู่ด้วยควรจะเป็นภูติ!

 

“นายท่าน เราจะทำอย่างไรดี?”

 

ทหารรับใช้ของเขาถาม

 

พวกเขาเสียช่องทางสืบข้อมูลจากหนอนบ่อนไส้ พวกเขาไม่รู้ว่ามีใครที่ปกป้องพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ พวกเขายังจัดการกับการป้องกันอันแข็งแกร่งไม่ได้ด้วย

 

ชายหนุ่มผมม่วงมองชั้นเกราะอย่างดุร้าย

 

“ข้าไม่เชื่อหรอกว่าข้าจะพังไอ้กระดองเต่านั่นไม่ได้”

 

ถึงจะพูดอย่างนั้น เขาก็รู้ดีว่าการป้องกันนั้นทรงพลัง เขาคิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะทำลาย

 

แต่ดวงตาเขาเปล่งประกายขึ้นมา

 

“สั่งทุกคนให้หยุดโจมตีและไปดูที่กลางเรือส่วนหน้า”

 

กึ่งภูติทั้งสามไม่รู้ว่าผู้เป็นนายคิดอะไร เพราะส่วนที่อ่อนแอที่สุดของเรือคือตรงกลางใต้ท้องเรือ พวกเขาทดสอบส่วนอื่นจนแน่ใจแล้วว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะทำลาย

 

แม้ว่าจะสับสนกับคำสั่ง เหล่ากึ่งภูติก็กระจายกำลังเข้าไปตรวจดูรอบๆเรือ

 

ในเรือรบ

 

เหล่าผู้เฒ่าที่มองดูการเคลื่อนไหวของศัตรูเริ่มหวาดกลัว

 

“ท่านเจ้าพันธมิตร พวกมันกำลังหาจุดอ่อนของเรือรบงั้นรึ?”

 

ผู้เฒ่าเฉินดูสับสน

 

“พวกมันโจมตีแต่กลางใต้ท้องเรือ มันควรจะรู้จุดอ่อนอยู่แล้วสิ มันคิดจะหาจุดอ่อนที่อื่นอีกรึ?”

 

หลงจื้อชิงรู้สึกไม่ดี

 

“ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงก็ดีสำหรับพวกเรา เกราะทุกส่วนของเรือแข็งแรงกว่าใต้ท้องเรือ มันคงทำอะไรไม่ได้แน่ แต่ทำไมข้าถึงรู้สึกอึดอัดกัน?”

 

คนอื่นๆมองหน้ากันด้วยความท้อใจ พวกเขาเห็นด้วยว่าความเคลื่อนไหวของศัตรูนั้นแปลกจริงๆ แต่พวกเขาก็มั่นใจในความแข็งแรงของเรือรบ

 

มีอยู่ห้าคนในบรรดาผู้เฒ่าที่ชักสีหน้า พวกเขาเงียบกริบ ผู้เฒ่าจมูกโตแอบมองเสี่ยวซุ่ยกับอีกสามคน

 

ถ้าเขาจำไม่ผิด กระโจมน้อยของเสี่ยวซุยสร้างขึ้นมาจากวัตถุดิบของเรทอรบ และมันเกิดในส่วนกลางเรือด้านหน้า!

 

หรือว่าส่วนที่เสี่ยวซุยรื้อออกมาจะถูกศัตรูเจอเข้า? ผู้เฒ่าจมูกโตตัวแข็งทื่อเมื่อคิดถึงความเป็นไปได้

 

เสี่ยวซุยหัวใจแต้นแรง เขารู้สึกถึงลางร้ายเมื่อเห็นศัตรูเริ่มตรวจสอบส่วนหน้าของเรือ เขาใจเต้นแรงกว่าเดิมเมื่อเห็นผู้เฒ่าสี่คนมองมาที่เขา แต่เขาก็ไม่แสดงออกทางสีหน้า

 

เขากลับส่งเสียงไปในใจของทั้งสี่คน

 

“เป็นอะไรของพวกเจ้า? ข้าแค่รื้อมาส่วนเดียวเท่านั้น! แล้วเราก็มีสมบัติป้องกันของไอ้ซือหยูไม่ใช่เรอะ? พวกเจ้าหุบปากไปซะ ถ้าเรื่องกระโจมน้อยแดงออกมา ข้าก็จะไม่ปิดเรื่องที่พวกเจ้าเล่นสนุกกับเด็กสาวในคืนนั้น!”