ตอนที่ 858 : หลงเป่ย

Nine Sun God King เทพราชันเก้าตะวัน

ตอนที่ 858 : หลงเป่ย

 

อู่หลงมั่นใจอย่างยิ่งว่าการดิ้นรนของฉินหยุนไร้ประโยชน์ ดังนั้นเขาจึงโหมบุกโจมตีดดันต่อเนื่องยิ่งไปกว่านั้นเขายังมั่นใจในกําลังตนเองดังนั้นจึงไม่หวาดเกรงการโจมตีของฉินหยุนขณะนี้ระหว่างเขาและฉินหยุนยังอยู่ห่างจากกันถึงหลายเมตร…

 

ตุ้ม!

 

แรงโน้มถ่วงรุนแรงมหาศาลพลันสะกดลงมาบดทับอู่หลงกับพื้นร่างกายอู่หลงครอบครองอํานาจป้องกันสูงล้ําสิ่งยืนยันบ่งชัดคือความจริงที่เขายังสามารถต้านรับแรงโน้มถ่วงมหาศาลโดยไม่ล้มคุกเข่ากับพื้นเขายังคงสามารถรุกคืบกระนั้นความเร็วกลับเชื่องช้ายิ่ง

 

ฉินหยุนใช้งานเงาปลิดชีพลมหายใจสมบูรณ์หายวับ ออร่าของเขาจะหายไปอย่างไม่หลงเหลือชั่วระยะเวลาหนึ่งอู่หลงที่ถูกแรงโน้มถ่วงมหาศาลสะกดเอาไว้เวลานี้ทั้งเดือดแค้นและร้อนรนตอนนี้เขาคลาดสายตาจากคู่ต่อสู้ที่ทําได้จึงเพียงคํารามร้องกราดเกรี้ยว

 

ฉินหยุนที่เลือนหายพลันปรากฏตัวด้านหลังอู่หลงในพริบตา พลังแปดฝ่ามือมังกรสัมบูรณ์ปะทะเข้ากับแผ่นหลังอู่หลงรุนแรง เสียงมังกรร้องโศกศัลย์ดังกึกก้องหลงเปยที่รับชมการต่อสู้พลันต้องหรี่ดวงตาจับจ้องสีหน้ากลับกลายเป็นหนักอึ้งอู่หลงถูกฝ่ามือโจมตีเล่นงานพลังที่ควบแน่นในร่างจึงกระจายหายจากนั้นฉินหยุนจึงใช้ความสามารถเทวะทรมาน

 

“อ๊าก!” อู่หลงร่างต้องล้มลงกับพื้นกรีดร้องเจ็บปวด

 

พลังที่ควบแน่นชวนสะพรึงในร่างของอู่หลงก่อนหน้านี้ เป็นผลให้พลังความสามารถเทวะทรมานไม่อาจแสดงผลได้อย่างเต็มที่ แต่เมื่อพลังเหล่านั้นมลายหาย ฉินหยุนจึงใช้ความสามารถเทวะทรมานกับอีกฝ่ายได้เต็มที่

 

อู่หลงกรีดร้องเจ็บปวด กระนั้นก็เริ่มรวบรวมพลังอีกครั้งหนึ่ง ทว่าฉินหยุนไม่คิดหยุดยืนรับชมเขาพุ่งทะยานพร้อมใช้สามฝ่ามือมังกรสัมบูรณ์หนึ่งฝ่ามือเชื่อมต่ออีกฝ่ามือ พลังโจมตีแต่ละฝ่ามือเท่าทวีภายในร่างอู่หลง เป็นผลให้อาการบาดเจ็บยิ่งหนักหนา แต่ละฝ่ามือของฉินหยุนเป็นผลให้อู่หลงต้องคํารามร้องโหยหวน

 

“ท่านปู่ ช่วยข้า… ข้ายอมแพ้!” อู่หลงตะโกนร้อง

 

หลงเปยถอนหายใจยาว เขาปรากฏตัวต่อหน้าฉินหยุนพร้อมยับยั้งหมัดไว้ “พอแล้ว เขายอมแพ้แล้ว”

 

ฉินหยุนจึงนั่งลงกับพื้นฟื้นฟูตัวเองในทันที เพราะเขายังต้องรับศึกกับหลงเป๋ย อีกฝ่ายแข็งแกร่งเขาสามารถต้านรับฝ่ามือฉินหยุนง่ายดาย เป็นผลให้ฉันหยุนได้ทราบว่าคู่ต่อสู้แข็งแกร่งทรงอํานาจเพียงใด

 

“เจ้าหนู เป็นเจ้าแข็งแกร่งไม่ใช่น้อย!” หลงเปียกล่าวชม

 

“ข้าต้องใช้อุบายไปบ้าง หากเทียบด้านพลัง ข้าคงไม่มีทางเทียบอู่หลงได้!” ฉินหยุนนึกย้อนถึงพลังชวนสะพรึงที่อู่หลงปลดปล่อยออกมาภายในใจเวลานี้ยังต้องนึกหวาดกลัว

 

“เจ้าจึงเป็นผู้ปราดเปรื่องใช้พลัง แม้พลังอ่อนด้อยกว่า กระนั้นกลับใช้ต้านรับที่แข็งแกร่งยิ่งกว่านี่จึงเป็นฝีมือเจ้า!”หลงเปยกล่าว “หลายคนไม่อาจทําดังเช่นเจ้า พวกเขาเหล่านั้นครอบครองพลังมากมายอย่างสูญเปล่าเป็นพวกเขาขาดประสบการณ์ความรู้จนไม่อาจใช้งานมันได้อย่างหมดจด”

 

“การใช้งานพลังให้เกิดประโยชน์สูงสุด มันก็จําเป็นต้องอาศัยหลายปัจจัยเช่นกัน” ก่อนหน้าฉินหยุนใช้พลังและความสามารถเทวะนานาชนิดเพื่อถ่วงเวลาให้ตนเองสบโอกาสเอาชนะคู่ต่อสู้อันแข็งแกร่ง

 

“เป็นเช่นนั้น นั่นแหละคือความสามารถของตัวเจ้าเอง” หลงเปยกล่าว

 

ความเจ็บปวดของอู่หลงเวลานี้ทุเลาลงไม่น้อย ดวงตาจึงกลับกลายเป็นสีแดงพร้อมคํารามใส่ฉินหยุน “ไอ้ลิงหัวล้าน ข้าจะฉีกเจ้าออกเป็นชิ้น! เป็นเจ้าอ่อนแอกว่าข้า ดังนั้นจึงไม่มีทางเอาชนะข้าได้!เจ้าต้องคดโกงอันใดเป็นแน่!”

 

อู่หลงพุ่งทะยานร่างเข้าหาฉินหยุน กระนั้นหลงเป๋ยกลับคว้าตัวอีกฝ่ายเอาไว้ก่อนโยนลงบันไดไป

 

“ผลย้อนกลับเข้าตนเอง” หลงเป๊ยเอ่ยคําเสียงเย็น ก่อนจะถอนหายใจเดินไปทางบันไดฝ่ามือของเขาโบกวูบก่อนบันไดจะหายวับ

 

บริเวณที่ซึ่งมีบันไดกลับกลายเป็นพื้นเรียบ ได้พบเห็นเรื่องราว ฉินหยุนยิ่งรู้สึกหนักอึ้ง หลงเปยผู้นี้จึงเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในหอคอยแห่งนี้แล้ว และแม้ออร่าของหลงเปียเผยว่าเป็นราชันยุทธ์ระดับสูงกระนั้นความรู้สึกที่ผู้ คนสัมผัสได้กลับชวนให้ต้องคิดว่าน่าสะพรึงยิ่งกว่านั้นก่อนหน้าฉินหยุนไม่ทันตระหนัก แต่ครั้งหลงเปยรับฝ่ามือ ของเขาง่ายดายจึงตระหนักอย่างชัดแจ้ง

 

“คิดพักก่อนหรือไม่? ไม่จําเป็นต้องรีบร้อนไป ใช้เวลาเท่าที่เจ้าต้องการ ข้ารอได้” หลงเบี้ยกล่าวออกด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

 

“ท่านคิดอยากล้างแค้นให้หลานชายหรือ?” ฉินหยุนกล่าวถามอย่างร้อนใจ

 

“ข้าไม่คิดล้างแค้นให้แก่หลานชาย เพียงแต่ขวางไม่ให้เจ่าออกไปได้!” หลงเป่ยหัวเราะ “เจ้าคิดอยากเร่งรีบออกไปดังนั้นก็ต้องใช้พลังเต็มที่สู้กับข้าใช่หรือไม่?

 

“ถูกต้องขอรับ!” ฉินหยุนภายในเวลานี้เกิดหวาดกลัวยามได้เห็นรอยยิ้มหลงเป๋ย นับเป็นเรื่องยากที่เขาจะเกิดความรู้สึกเช่นนี้ขึ้น

 

“เจ้าหนู ข้าไม่ทราบว่าเจ้าประสบพบเจออะไร กระนั้นสถานการณ์ภายในกายเจ้าคล้ายน่าสนใจไม่น้อย!”หลงเปียกล่าว

 

“ท่านผู้อาวุโส ปล่อยข้าไปได้หรือไม่? ข้ามีเรื่องเร่งด่วนต้องไปทําจริงขอรับ!” ฉินหยุนกล่าวออกเขาไม่คิด อยากสู้กับชายชราผู้นี้แม้แต่น้อย

 

เพราะเขาทราบว่าตนเองไม่อาจเอาชนะ การต่อสู้ยังไม่ทันเริ่ม ฉินหยุนก็ได้ทราบว่าตนเองได้โอกาสเอาชนะต่ออีกฝ่ายสถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นกับเขาน้อยครั้งมาก

 

“นั่นไม่ได้! เจ้าต้องสู้กับข้า! มีแต่ทําเช่นนี้ข้าจึงเอาไปใช้คุยโอ้อวดกับหลานชายข้าได้!” หลงเปียหัวเราะดัง

 

ฉินหยุนเผยยิ้มขึ้นขม “คล้ายข้าไม่อาจออกไปได้แล้วกระมัง…”

 

หลงเปยหัวเราะรับ “เจ้าหนู อย่าได้หมดกําลังใจ ผู้ใดทราบกัน บางทีเจ้าอาจเอาชนะข้าได้”

 

ฉินหยุนถอนหายใจ “ข้าก็คาดหวังเช่นนั้นขอรับ…”

 

“เหตุใดจึงเร่งร้อนออกไปกันเล่า?” หลงเป๋ยกล่าวถาม

 

“ผู้อาวุโส ท่านอยู่ภายในนี้ยาวนานเพียงใดแล้ว? ท่านไม่ได้ออกไปภายนอกเลยหรือ? คล้ายท่านไม่ทราบสถานการณ์ภายนอก ด้วยกําลังท่าน สมควรมีตําแหน่งสูงส่งในคฤหาสน์ราชันมังกรด้วยซ้ํา!” ฉินหยุนกล่าวถามด้วยความสงสัย

 

หลายผู้คนแข็งแกร่งเลิศลําซ่อนตัวภายในคฤหาสน์ราชันมังกร หลงทั้งเฉิงที่ปรากฏตัวก่อนหน้านี้ก็ชวนสะพรึง และตอนนี้ยังมีหลงเป๋ยที่เต็มเปี่ยมด้วยความลึกลับ

 

หลงเปยตอบค่า “ข้าแทบไม่สนใจเรื่องราวของคฤหาสน์ราชันมังกร ทั้งยังออกไปน้อยครั้ง สาเหตุที่ข้าอยู่ที่นี่ก็เพื่อช่วยหลานชายตัวน้อย ให้เขาได้หลุดพ้นจากนรกของเต๋อสูร!”

 

ข้อสันนิษฐานก่อนหน้าของฉินหยุนถูกต้อง อู่หลงผู้คือที่การฝึกฝนแตกซ่านและร่วงหล่นสู่เต๋อสูร

 

“เสี่ยวหยุน อู่หลงผู้นั้นสมควรเป็นมังกรแล้ว!” หลิงหยุนเอ่อพลันกล่าวขึ้น “พลังชวนสะพรึงระดับนั้นที่ขอบเขตราชันยุทธ์ระดับสูง จะมีก็แต่มังกรจําแลงกายเป็นมนุษย์จึงสามารถครอบครอง!”

 

ฉินหยุนจึงมองที่หลงเปยอย่างนึกถึงหลังได้ทราบความจากหลิงหยุนเอ่อ หากอู่หลงเป็นมังกรที่จําแลงกายเป็นมนุษย์เช่นนั้นหลงเป๋ยตรงหน้าผู้นี้ก็ต้องเป็นมังกรที่แข็งแกร่งเลิศล่า!

 

“คฤหาสน์ราชันมังกรแท้จริงมีมังกรอยู่กี่ตัวกันแน่?” ฉินหยุนเกิดนึกสงสัยที่ภายใน เขาได้ฟังมาว่าคฤหาสน์ราชันมังกรเลี้ยงดูมังกรไว้จํานวนหนึ่ง กระนั้นเขาไม่คาดคิด ที่หอคอยเก้ามังกรทัณฑ์อสูรแห่งนี้จะถึงขั้นมีมังกรสองตัวทั้งยังเป็นผู้ที่แข็งแกร่งยิ่ง

 

“ผู้อาวุโส ข้าต้องออกไปเพื่อเข้าร่วมงานประลองยุทธ์ขอรับ! ข้าอยู่ที่นี่มาวันกว่าแล้ว งานแข่งขันสมควรจะเริ่มขึ้นในไม่ช้านี้!” ฉินหยุนอธิบายเรื่องราวต่อหลงเป๋ย แน่นอนว่าเขาไม่เอ่ยถึงเรื่องวิญญาณมังกรเซียนเพราะเกรงว่าอีกฝ่ายจะคิดใช้สิ่งนั้นเป็นเครื่องต่อรอง

 

“สํานักมังกรฟ้า? เหอะ… พวกมันเอาแต่ส่งคนมาแทรกแซงเรื่องราวโดยตลอด ไม่เพียงแต่ไม่นําผลประโยชน์ใดมา แต่ยังสร้างปัญหามากมายทิ้งไว้!” หลงเปยครวญคราง เห็นได้ชัดว่าเขามีความเกลียดชังต่อสํานักมังกรฟ้า

 

“ผู้อาวุโส ท่านและสํานักมังกรฟ้าไม่ลงรอยกันหรือขอรับ?” ฉินหยุนเอ่ยถาม “ทั้งที่ผู้อาวุโสทั้งหลายของคฤหาสน์ราชันมังกรต่างใกล้ชิดคนของสํานักมังกรฟ้า!”

 

หลงเป๋ยกล่าวตอบ “ตัวบัดซบสํานักมังกรฟ้า พวกมันคิดอยากใช้คฤหาสน์ราชันมังกรเป็นโรงผลิตให้แก่พวกมัน! ครั้งนี้มาเยือน พวกมันย่อมมีจุดประสงค์อื่น ทั้งยังไม่ลงทุนใด ชั่วชีวิตนี้ไม่เคยพบเห็นพวกมันสร้างเรื่องดีแม้สักครั้งทว่าข้าก็ไม่อาจตั้งตนเป็นศัตรูกับพวกมันได้!”

 

คฤหาสน์ราชันมังกรย่อมมีหลายฝักฝ่ายภายใน หลังอยู่มาชั่วระยะเวลาหนึ่ง ฉินหยุนจึงได้ทราบว่าสถานการณ์ของคฤหาสน์ราชันมังกรก็ไม่ใช่มั่นคง หากความขัดแย้งภายในปะทุออกเมื่อนั้นกําลังโดยรวมของตระกูลหลงจะลดทอนมหาศาล

 

ฉินหยุนเวลานี้ฟื้นตัวดีขึ้นแล้ว

 

“ผู้อาวุโส เช่นนั้นพวกเราเริ่มกันได้เลย!” ฉินหยุนถอนหายใจยาว ขณะนี้ลุกยืนขึ้นแล้ว เขามีแต่ต้องทําเช่นนี้ 

 

หลงเปี่ยมองฉันหยุนพร้อมเผยเสียงหัวเราะ “ใช้อุบายดังเช่นที่ใช้กับอู่หลงได้เลย! ข้าคิดอยากทราบว่าเขาแพ้ได้อย่างไร!”

 

คํากล่าวออก ร่างเขาจึงพุ่งทะยานเข้าหาฉินหยุนด้วยความเร็วสูง แม้การเคลื่อนไหวรวดเร็ว กระนั้นก็มีเวลาให้ตั้งรับ เห็นได้ชัดว่าจงใจยั้งมือ

 

ฉินหยุนจึงปลดปล่อยกรงเล็บพฤกษาเข้าพันธนาการต้นขาหลงเปย ก่อนจะรั้งอีกฝ่ายไว้เป็นการลากถ่วงจากนั้นแรงโน้มถ่วงอันมหาศาลจึงเผยออก เสียงปะทะดังกึกก้อง หลงเป๋ยผู้ซึ่งบินเข้าหาเวลานี้ฝีเท้ากระแทก พื้นหนักอึ้ง

 

ฉินหยุนพุ่งทะยานไปพร้อมส่งเสียงร้องคารามปลดปล่อยสิบฝ่ามือมังกรสัมบูรณ์ พลังฝ่ามือเผยออกเสียงกรีดร้องโศกศัลย์ของมังกรดังโหยหวน มันราวกับเสียงร้องของมังกรที่ถูกไล่ต้อนจนมุมร้องขอความตาย

 

ตู้ม!

 

พลังฝ่ามือปะทะร่างหลงเปียก่อนจะถูกดูดกลืนหายวับโดยสมบูรณ์ มันไม่สร้างแรงอัดอากาศปะทุใดออกด้วยซ้ําได้พบเห็นฉินหยุนยิ่งหวาดกลัว ฝ่ามือส่งออกอีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้งหลงเปยต้านรับไว้ได้หมดสิ้น

 

“อ๊าก!” ฉินหยุนรู้สึกราวฝ่ามือถูกฉีกกระชากออกจนต้องกรีดร้อง

 

“มวลมังกรคุ้มกาย!” ฉินหยุนถูกส่งร่างกระเด็นปะทะผนังกําแพงกระอักเลือด

 

“เมื่อครู่ ฝ่ามือมังกรสัมบูรณ์ของพระสูตรหัวใจเก้สมบูรณ์ใช่หรือไม่?” หลงเป๋ยจับจ้องฉินหยุนด้วยสีหน้าหนักอึ้งพร้อมกล่าวถาม

 

ฉินหยุนลุกขึ้นยืนเชื่องช้าและพยักหน้ารับ “ท่านชนะแล้ว ข้าไม่อาจใช่คู่ต่อสู้ของท่าน!”

 

หลงเป๋ยเผยสีหน้าหนักอึ้งเจือรอยยิ้มกล่าวค่า “เจ้าไม่ใช่คนของตระกูลหลง”

 

“ท่านมั่นใจได้อย่างไร?” ฉินหยุนเอ่ยถาม

 

“คนของตระกูลหลงไม่มีทางเรียนรู้ฝ่ามือมังกรสัมบูรณ์!” หลงเปยตอบกลับ

 

“ก็ได้ ดูเหมือนข้าคงมีแต่ต้องติดอยู่ที่นี่จนกว่าจะเอาชนะท่าน!” ฉินหยุนไม่คาดคิด วาผู้คุมชั้นที่เก้าจะครอบครองอํานาจชวนสะพรึงได้เพียงนี้

 

“เจ้าย่อมออกไปได้ แต่ต้องสัญญาต่อข้า ว่าเจ้าจะกลับมาที่นี่หลังงานประลองยุทธ์เสร็จสิ้นแล้ว!” หลงเป่ยเผยการตัดสินใจ คํากล่าวของเขาเป็นผลให้ฉินหยุนต้องนิ่งงัน

 

“ผู้อาวุโส นี่ท่าน… ท่านกล่าวจริงหรือ?” ฉินหยุนยังคิดว่าเรื่องราวนี้ยากเชื่อได้

 

“ตามข้ากล่าวไป! ข้าต้องการให้เจ้ากลับมาเพื่อประมือกับอู่หลงอีกครั้งหนึ่ง! ข้าต้องการสอนสั่งแก่เขาในช่วงเวลาที่มีนี้!ข้าคิดอยากฝึกสอนให้เขาทราบวิธีรับมือฝ่ามือมังกรสัมบูรณ์!”หลงเปยยิ้มกล่าว“ถือว่านี้เป็นการ แลกเปลี่ยนอย่างเท่าเทียมก็แล้วกัน!”

 

“อย่างนั้น… ครั้งหน้าข้าจะเข้ามาได้อย่างไร?” ฉินหยุนกล่าวถาม

 

“ใช้ตราโลหะนี้ แล้วเจ้าจะเข้าตรงมาถึงชั้นนี้ได้โดยทันที!” หลงเปยตราโลหะสีทองออกมามอบให้แก่ฉันหยุน

 

ฉินหยุนรับตราโลหะดังกล่าวพร้อมเอ่ยคําขอบคุณต่อหลงเปย

 

“เมื่อใดเจ้าส์ในงานประลองยุทธ์ จงเอาชนะคนของสํานักมังกรฟ้าให้ได้! ดีที่สุดหากเจ้าสังหารพวกมันอย่างไม่ต้องลังเลใด!” หลงเปยกล่าวค่าชี้แนะ

 

“ข้าทราบขอรับ!” ฉินหยุนพยักหน้ารับ