บทที่ 358 เชือดไก่ให้ลิงดู

The king of War

“ฉันหานเซี่ยวเทียนทำงานมาทั้งชีวิต ต้องรู้สถานะของคนอื่นถึงคบหากับอีกฝ่ายตั้งแต่เมื่อไรกัน?”

“ถ้าแกไม่ใช่ลูกชายของฉันหานเซี่ยวเทียน ฉันไล่แกออกจากตระกูลไปตั้งนานแล้ว!”

“ไม่ว่าหยางเฉินจะมีสถานะอะไร ฉันรู้แค่ว่าเขาเป็นผู้มีบุญคุณของฉัน และฉันเข้าใจคุณธรรมที่ว่าบุญคุณแม้เพียงน้อยนิดก็ต้องตอบแทนไปอย่างท่วมท้น!”

หานเซี่ยวเทียนโกรธเคืองจนควบคุมตัวไม่อยู่ เขาโมโหน้อยครั้งมาก แต่ทุกครั้งที่โมโห ล้วนเป็นเพราะลูกชายคนนี้

หานเยี่ยนทำหน้าอึ้งทึ่ง สีหน้าซีดเซียวไร้ที่เปรียบ

กวนเจิ้งซานและเฉินซิงไห่ตัดสายโทรศัพท์เขาไปแล้ว ไม่ยอมฟังเรื่องที่เขาพูดเกี่ยวกับหยางเฉินพวกนั้น ทว่าแม้แต่บิดาของตนเอง คาดไม่ถึงยังไม่ยอมฟังเช่นกัน

“ยังไม่ไสหัวออกไปให้พ้นหน้าฉันอีก!”

หานเซี่ยวเทียนยื่นมือชี้ไปยังข้างนอก ตวาดขึ้นเสียง

หานเยี่ยนท่าทางโกรธเคือง กัดฟันมองทางหยางเฉินแล้วบอกว่า “ไอ้หนุ่ม ฉันไม่สนว่าแกจะมีเล่ห์กลอะไร ถึงทำให้พ่อฉันเชื่อฟังแกขนาดนี้ได้ ถ้าให้ฉันรู้ว่าแกมีจุดประสงค์แอบแฝงอะไรเอาไว้ ต่อให้ต้องตาย ฉันก็จะไม่ให้แกสมหวังได้!”

พูดจบ เขาก็ออกไปอย่างโมโหเดือดดาล

“เจ้าสารเลว!”

หานเซี่ยวเทียนหน้าตาโกรธเต็มที่

หยางเฉินหัวเราะอย่างขมขื่นแล้ว ทันใดนั้นไม่รู้ว่าจะปลอบใจหานเซี่ยวเทียนอย่างไรดี

เขานึกไม่ถึงจริงๆ ว่าหานเยี่ยนจะวิ่งมาถึงที่นี่ได้ และมาหาเรื่องตนเอง

หานเซี่ยวเทียนฉลาดเฉียบแหลมมาทั้งชีวิต ทำไมถึงมีลูกชายที่โง่เง่าขนาดนี้ได้กัน?

“หยางเฉิน ขอโทษด้วยนะ ฉันนึกไม่ถึงเหมือนกันว่าเจ้าสารเลวคนนี้ จะมาตรวจสอบนาย”

หานเซี่ยวเทียนพูดด้วยท่าทางรู้สึกผิดขึ้นมากะทันหัน

หยางเฉินหัวเราะส่ายหน้าแล้ว “เรื่องของผมไม่ถือว่าเป็นความลับอะไร เจ้าบ้านหานไม่จำเป็นต้องคิดมากครับ รักษาสุขภาพไว้เป็นเรื่องสำคัญที่สุดครับ”

หานเซี่ยวเทียนถอนหายใจทีหนึ่ง “ขอแค่เขามีฝีมือสักนิดหนึ่ง ฉันคงวางอำนาจให้เขาไปได้ตั้งนานแล้ว!”

นี่คือเรื่องครอบครัวของหานเซี่ยวเทียน หยางเฉินไม่สะดวกเข้าไปก้าวก่าย

“ประชุมแลกเปลี่ยนธุรกิจที่เมืองเอกในวันพรุ่งนี้ นายคิดยังไง?”

หานเซี่ยวเทียนเปลี่ยนหัวข้อโดยฉับพลัน พูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “การประชุมแลกเปลี่ยนในครั้งนี้จัดขึ้นก่อนกำหนด โดยเฉพาะปล่อยให้ตระกูลเมิ่งจัดการทั้งหมด ฉันมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีเท่าไร!”

หานเซี่ยวเทียนรู้สึกถึงความผิดปกตินิดๆ อย่างชัดเจน โดยเฉพาะในอดีตล้วนทำตามลำดับของตระกูล เพื่อรับผิดชอบจัดการงานประชุมแลกเปลี่ยนนี้

แต่ครั้งนี้ เดิมทีถึงตาของตระกูลเฝิงแห่งเมืองจินเหอ ตระกูลเฝิงกลับมอบโอกาสครั้งนี้ให้ตระกูลเมิ่งแห่งเมืองเอกไป

ประเด็นสำคัญคือ ช่วงก่อนหน้านี้ ตระกูลใหญ่หลายแห่งที่มีหยางเฉินเป็นศูนย์กลาง ได้ร่วมมือกันมุ่งไปยังตระกูลเมิ่ง

“ฉันได้ยินว่ามีตระกูลของแปดตระกูลแห่งเยนตู สนใจมณฑลเจียงผิงเค้กก้อนนี้เข้าแล้ว”

หานเซี่ยวเทียนพูดขึ้นอีกทันใด

“เจ้าบ้านหานหมายความว่าแปดตระกูลแห่งเยนตูอยากจะบุกมายึดมณฑลเจียงผิงเหรอครับ?” หยางเฉินขมวดคิ้ว

หานเซี่ยวเทียนส่ายหน้า “บางทีอาจเป็นการสนับสนุนตระกูลตัวแทนแห่งหนึ่ง ก็เหมือนตระกูลหวูของจงไห่ เป็นที่รู้จักกันคือตระกูลเดอะคิงแห่งจงไห่ ก็คือตระกูลที่ถูกตระกูลอวี๋เหวินสนับสนุนขึ้นมา”

“ปัจจุบันนี้ ไม่เพียงแค่ตระกูลอวี๋เหวินและตระกูลหวง ยังมีตระกูลใหญ่แห่งเยนตูอื่นๆ อีกมากมาย ต่างพยายามสนับสนุนตระกูลชั้นนำของแต่ละเมืองเท่าที่เป็นไปได้ เพื่อเอาไว้ใช้งาน”

“ฉันสงสัยว่าการประชุมแลกเปลี่ยนคราวนี้ จะเป็นงานเลี้ยงลอบสังหาร รวบรวมตระกูลใหญ่ชั้นนำของทั้งมณฑลเจียงผิงมาอยู่ด้วยกัน ถึงสามารถควบคุมเจียงผิงด้วยราคาที่น้อยที่สุดได้”

หานเซี่ยวเทียนหน้าตาเคร่งขรึม เวลานี้ยังมีภาพลักษณ์ของตาแก่ชนบทแบบเมื่อสักครู่ที่ไหนกัน ทั่วทั้งตัวเป็นความน่าเกรงขามของผู้นำเบื้องบน

นี่ถึงเป็นหานเซี่ยวเทียน ผู้ก่อตั้งตระกูลหานหนึ่งในสามตระกูลใหญ่แห่งเมืองเอก

ก่อนหน้านี้กวนเจิ้งซานเคยแสดงออกว่าการประชุมแลกเปลี่ยนที่ตระกูลเมิ่งจัดขึ้นครั้งนี้ มีความเป็นไปได้มากว่าจะพุ่งเป้ามายังหยางเฉิน

ตอนนี้ได้ยินการวิเคราะห์ของหานเซี่ยวเทียนเข้าอีก ยังมีความเป็นไปได้อย่างนี้จริงๆ

หยางเฉินไม่ได้พูดอะไร ในหัวสมองทำความเข้าใจต่อเรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบสักรอบหนึ่ง

เขาพาตระกูลใหญ่หลายที่ มาบุกเข้ามาตระกูลเมิ่งก่อน จากนั้นบดขยี้แขนขาของเมิ่งฮุยต่อหน้าผู้คน เมิ่งฮุยย่อมไม่มีทางยอมรับความจริงที่จะกลายเป็นคนพิการได้ จึงกระโดดตึกฆ่าตัวตาย

จากนั้นเมิ่งเทียนเจียวอยากจะหลอกใช้โจวยู่ชุ่ย เพื่อมาแก้แค้นหยางเฉิน หลังจากล้มเหลวจึงลั่นไกปืนฆ่าตัวตาย

จากนั้นเป็นหวงอันผู้ตามจีบอ้ายหลินปรากฏตัวขึ้นมา เกิดความขัดแย้งกับหยางเฉิน แม้แต่บอดี้การ์ดที่เขาพามา ก็ถูกต่อยไปด้วยกัน

คุณหญิงหวงมารดาแท้ๆ ของเมิ่งฮุย ส่งยอดฝีมือออกมาสังหารหยางเฉิน แต่ทว่ากลับโดนฆ่าแทน

และหลังจากนั้นอีก ข่าวการตายของหวงอันก็แพร่ออกมา

จนกระทั่งปัจจุบันนี้ ตระกูลเฝิงแห่งเมืองจินเหอนำสิทธิ์การจัดการประชุมแลกเปลี่ยนยกให้แก่ตระกูลเมิ่ง ตระกูลเมิ่งจึงเรียกประชุมก่อนล่วงหน้า

หลังหยางเฉินนำข้อมูลทุกอย่างมาเชื่อมโยงกันขึ้นมา เขาเหมือนนึกอะไรได้แล้ว ชั่วพริบตาเดียวในสายตาสาดยิงแสงหนาวเหน็บสองดวงออกมา

อุณหภูมิภายในบ้านเหมือนลดลงไปหลายองศาในชั่วขณะหนึ่ง แม้แต่หานเซี่ยวเทียนเอง ยังอดหนาวสั่นสักนิดไม่ได้

“หยางเฉิน นายคิดอะไรออกแล้วหรือเปล่า?” หานเซี่ยวเทียนถามขึ้น

หยางเฉินควบคุมอารมณ์ไว้ เอ่ยปากบอก “เจ้าบ้านหานครับ คุณรู้จักคุณหญิงหวงหรือเปล่าครับ?”

“ตระกูลหวงแปดตระกูลแห่งเยนตู ผู้หญิงที่เคยมีความสัมพันธ์กับเมิ่งเทียนเจียวคนนั้น เหมือนจะชื่อหวงเหมย?” หานเซี่ยวเทียนพูดขึ้น

หยางเฉินพยักหน้า “คือเธอ หลายวันก่อนมาที่ตระกูลเมิ่งแล้ว ถ้าผมเดาไม่ผิด ครั้งนี้ตระกูลหวงยังมีคนที่สถานะสูงกว่า ได้มาถึงที่ตระกูลเมิ่งแล้ว”

ปรมาจารย์ถังคนนั้นที่หวงเหมยส่งมาสังหารหยางเฉินก่อนหน้านี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นยอดฝีมือที่แกร่งสุดข้างกายหวงเหมย

แม้แต่ปรมาจารย์ถังยังมาตายในมือของหยางเฉิน หวงเหมยต้องรู้ว่ารับมือหยางเฉินไม่รอดแน่

ส่วนเมิ่งเทียนเจียวและเมิ่งฮุย ล้วนตายเพราะหยางเฉิน หวงเหมยคงจะไม่ยอมเลิกราด้วยดีเป็นแน่

อยากจะโยกย้ายยอดฝีมือที่แกร่งกว่า เกรงว่าคงได้เพียงพึ่งพาญาติพี่น้องตระกูลหวงที่สถานะสูงกว่าเธอทางเดียว

แม้กระทั่งหยางเฉินสงสัยว่าการตายของหวงอัน เกี่ยวข้องกับหวงเหมยด้วย

หยางเฉินไม่ได้ปิดซ่อนไว้ เล่าการคาดเดาของตนเองให้หานเซี่ยวเทียนฟังทั้งหมด

บนหน้าของหานเซี่ยวเทียนเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม ตั้งนานถึงเอ่ยปากพูด “ว่าตามที่นายพูดมา การตายของหวงอัน มีความเป็นไปได้มากว่าหวงเหมยทำทั้งหมด”

“ฉันว่า ฉันน่าจะพอเดาได้ว่าเป็นใครของตระกูลหวงที่มาแล้ว!”

“ใครครับ?” หยางเฉินสอบถาม

“ผู้สืบทอดตระกูลหวง คือพ่อของหวงอัน หวงจง!”

ดวงตาหานเซี่ยวเทียนจ้องไปที่หยางเฉินแล้วบอกว่า “ตระกูลหวงเป็นตระกูลที่มีระบบชัดเจนมาก และตำแหน่งของผู้นำตระกูลหวง แต่ไหนแต่ไรล้วนเป็นของผู้มีความสามารถมาตลอด”

“จึงพูดได้ว่าถึงแม้หวงเหมยจะเป็นลูกสาวของผู้นำตระกูลหวง แต่เพราะเป็นผู้หญิง ความสามารถจึงถูกจำกัด เดิมทีไม่มีอำนาจที่แท้จริง”

“ส่วนหวงจง ไม่ใช่ลูกของผู้นำตระกูลหวงทางนี้ แต่เป็นญาติสายตรงของตระกูลหวง ความสามารถโดดเด่น ตำแหน่งที่ตระกูลหวง ยังเป็นรองแค่ผู้นำตระกูลหวงเท่านั้น!”

“หวงเหมยอยากจะแก้แค้น แต่ผู้แข็งแกร่งที่สุดข้างกายของตัวเองถูกนายฆ่าทิ้ง เธอเลยมีเพียงแค่วิธีเดียว นั่นก็คือยืมมือของหวงจง”

“หวงจงเป็นคนเผด็จการ ด้วยนิสัยของเขา ถ้าอยากแก้แค้นเพื่อลูกชายจริงๆ ในเมื่อเขามาถึงแล้ว ไม่มีทางรออยู่แน่”

“ถึงแม้เขาจะมาแล้ว แต่กลับยังไม่ได้ลงมือกับนาย งั้นอธิบายได้เพียงเรื่องเดียว ที่เขามามณฑลเจียงผิงครั้งนี้ การแก้แค้นเป็นเพียงเรื่องผลพลอยได้”

“เป้าหมายที่แท้จริงคืออยากสนับสนุนตระกูลเดอะคิงของมณฑลเจียงผิงขึ้นมา เพื่อทำงานให้ตระกูลหวง!”

หานเซี่ยวเทียนท่าทางเคร่งเครียด เรื่องนี้สำหรับตระกูลใหญ่อื่นๆ แล้ว บางทีอาจมีผลกระทบไม่มาก แต่สำหรับสามตระกูลใหญ่แห่งเมืองเอกนั้น ยังมีความหมายลึกซึ้ง

ถ้าตระกูลหวงอยากสนับสนุนตระกูลเดอะคิงสักตระกูล ย่อมทำได้เพียงเลือกจากในตระกูลที่แกร่งสุดออกมา

มณฑลเจียงผิงที่กว้างใหญ่ มีเพียงตระกูลเมิ่ง ตระกูลหนิง และตระกูลหานแห่งเมืองเอกที่มีสิทธิ์

ปัจจุบันนี้คนของตระกูลหวงล้วนอยู่ที่ตระกูลเมิ่ง งั้นอธิบายได้ว่าตระกูลหวงมีตัวเลือกเรียบร้อยแล้ว

“ดังนั้นพูดได้ว่าการประชุมแลกเปลี่ยนในวันพรุ่งนี้ คืองานเลี้ยงลอบสังหารงานหนึ่ง ใครกล้าไม่ยอม งั้นก็คือเป้าที่ตระกูลหวงจะเชือดไก่ให้ลิงดู” หยางเฉินพูดขึ้นมา

หานเซี่ยวเทียนพยักหน้า “บวกกับการแก้แค้นเรื่องนี้ เป้าหมายของตระกูลหวง มีความเป็นไปได้ว่าจะอยู่ที่ตระกูลกวนกับตระกูลเฉิน และยังมีตระกูลหานด้วย”

หยางเฉินไม่ได้พูดอะไรอีก แต่ในสายตากลับมีลักษณะเฉียบขาดเพิ่มขึ้น

เดิมเขาไม่คิดจะปะทะมือกับคนของแปดตระกูลแห่งเยนตูเร็วขนาดนี้หรอก แต่นึกไม่ถึงว่าตระกูลที่เป็นปรปักษ์กับเขาก่อนใครเพื่อนจะเป็นตระกูลหวง

ปัจจุบันนี้ แม้แต่ตระกูลเฉินและตระกูลกวน ตระกูลหานยังถูกดึงเข้ามาพัวพันด้วย

“ประชุมแลกเปลี่ยนวันพรุ่งนี้ ถ้าตระกูลหวงกล้าเอามีดมาเล่นงานพวกเรา งั้นผมจะบดมีดของตระกูลหวงให้แหลก!”

หยางเฉินเอ่ยปากกะทันหัน ในสายตาเต็มไปด้วยท่าทางดุดันที่น่ากลัว

สำหรับเขานั้น มณฑลเจียงผิงมีความหมายไม่ธรรมดา โดยเฉพาะคือเมืองเจียงโจว วินาทีที่ถูกไล่ออกจากตระกูลสิบแปดปีก่อนนั้น เขาก็ตามมารดามาลงหลักปักฐานที่เมืองเจียงโจว

ปัจจุบันนี้กลับมีคนอยากจะเปลี่ยนแปลงระบบของเมืองเจียงโจว เขา ไม่เห็นด้วย!

หานเซี่ยวเทียนไม่เคยตรวจสอบเบื้องหลังของหยางเฉินมาก่อน เมื่อสักครู่ได้รับรู้มาจากปากของหานเยี่ยนว่าหยางเฉินคือคนถูกทิ้งของตระกูลอวี๋เหวิน

แต่ดูจากช่วงระยะเวลาหนึ่งที่เขาทำความรู้จักกับหยางเฉินมาแล้ว ทอดทิ้งหยางเฉิน นี่คือการสูญเสียอันใหญ่หลวงที่สุดของตระกูลอวี๋เหวิน