แม้ว่าจะมีเครื่องตัดอยู่สองเครื่องบนแท่นสูง แต่ก็มีคนไม่น้อยเลยที่ต้องการตัดหินหยาบเพื่อดูว่าพวกเขาโชคดีหรือโชคร้าย และแน่นอนว่ามีนักธุรกิจในอุตสาหกรรมหยกเพิ่มขึ้นมากอย่างไม่ต้องสงสัย
ถึงอย่างไร งานพนันในหินนี้มันกำลังเผชิญหน้ากับทุกคน ถ้าคนธรรมดาเปิดมาแล้วโชคดีได้หยกไป มีเหรอจะไม่ลงมือทำ?
หลี่เฟิงที่กลัวว่าเย่เทียนจะมาเสียใจภายหลัง เลยหยิบธนบัตรออกมาอย่างชาญฉลาด หลังจากที่สัญญาแล้วว่าจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการตัดเปิดหยกแล้ว ก็ได้ขึ้นไปบนแท่นตำแหน่งสูงนั้นจนได้
“คุณเตรียมตัวเอาไว้เถอะว่าจะเติมเต็มเดิมพันของคุณอย่างไร!”
เมื่อขึ้นไปบนแท่นสูงนั้น ในที่สุดหลี่เฟิงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนจะพึมพำเสียงเย็นชาใส่เย่เทียนและโบกมือไปมา
ชายร่างใหญ่ที่ถือหินหยาบอยู่ข้างหลังเขามาตลอดนั้น เดินก้าวไปที่เครื่องตัดที่ไม่ได้ใช้งาน
“เจ้านายคนนี้ คุณเพิ่งเล่นการพนันหินเป็นครั้งแรกใช่ไหม? คุณต้องการให้ฉันผ่ามันใช่ไหม?”
ช่างตัดหินรีบไปช่วยวางหินหยาบเข้าที่
“ไม่ต้อง เดี๋ยวฉันจะทำเอง”
ชายร่างใหญ่โบกมือ ก่อนจะปรับตำแหน่งของเครื่องอย่างอดทน มองเพียงแวบเดียว ก็รู้ว่าเขาชำนาญขนาดไหน
ผู้ชมที่ยังคงส่งเสียงดังในตอนแรกนั้นเงียบลงทันที ต่างคนต่างมองไปที่หินหยาบด้านล่างเครื่องตัดจนลืมหายใจ
แต่กิจกรรมใดๆ ที่เชื่อมโยงกับการพนันนั้น มักจะทำให้ติดง่ายมาก แม้ว่าคุณจะไม่ได้เล่นด้วยตัวเองก็ตาม แต่มันก็ยากที่คุณจะไม่รู้สึกตึงเครียดร่วมด้วย
ถึงอย่างไร เมื่อผ่าออกมาหินก้อนนี้อาจจะมีราคานับล้าน หรืออาจจะไม่มีค่าเลยก็ได้ ความแตกต่างนี้มันมากเหลือเกิน จะให้ไม่รู้สึกตึงเครียดไปด้วยก็คงยาก
หลังจากครุ่นคิดเป็นเวลาเกือบสองนาที ในที่สุดชายร่างใหญ่ก็แน่ใจว่าตำแหน่งนั้นถูกต้อง และเริ่มเปิดเครื่องตัดหินทันที
ซีซี่!
วงล้อฟันปลานั้นมันกระทบกับหินจนเกิดเสียงแหลมเสียดหู แม้ว่าทุกคนในกลุ่มผู้ชมจะมองไม่เห็นอย่างชัดเจน แต่พวกเขากลับยังใจเต้นแรง พลางจ้องจุดที่เลื่อยฟันปลาตัดลงไป
ผ่านไปครู่หนึ่ง เมื่อเลื่อยมันหมุนอยู่ครู่หนึ่ง ชายร่างใหญ่ก็รีบยกเครื่องตัดนั้นขึ้น
“รดน้ำลงไปหน่อย”
นายช่างคนเดิมรีบเดินเร่งไปข้างหน้าพร้อมกับฝักบัวรดน้ำในมือเพื่อล้างเศษหินที่ถูกตัดออก ก่อนจะเอาแปรงเล็กๆมาปัดจุดตัดให้มันสะอาด
หลี่เฟิงแทบอยากจะหนีไปจนทนไม่ไหว จนเมื่อเขาเห็นรอยบาก รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็หายไป แต่ใบหน้าของเขาก็ซีดเผือด
เป็นไปตามที่เย่เทียนเดาเอาไว้ หินหยาบนั้นมีสีเขียวในตอนต้นเท่านั้น และส่วนที่เหลือก็เป็นสีเทาทั้งหมด และมันก็เป็นเพียงหินไร้ประโยชน์เท่านั้น!
“เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้!”
“มันก็เห็นอย่างชัดเจนว่าข้างนอกเป็นสีเขียว ทำไมมันถึงไม่มีอะไรในนี้!”
หลี่เฟิงขมวดคิ้วแน่น ก่อนจะกำผมแน่นด้วยความบ้าคลั่ง
เล่นแพ้พนันยังไม่เท่าไหร่ แม้ว่าจะต้องใช้เงินเกือบหนึ่งล้านเพื่อซื้อหินหยาบก้อนนี้ แต่เขาก็ยังสามารถจ่ายเงินจำนวนเล็กน้อยนี้ได้
สิ่งที่ทำให้หลี่เฟิงไม่สบายใจคือเดิมพันของเขากับเย่เทียนนั้น เงิน20ล้านเองก็มากสำหรับเขาเช่นกัน
แน่นอน ว่าสิ่งที่สำคัญกว่าคือ เขาโม้ไปว่า ถ้าเย่เทียนชนะก็จะต้องเรียกว่าพ่อ แล้วเขาจะยอมรับได้ยังไง!
“หลี่ คุณชายหลี่ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ขนาดเรายังไม่สามารถจะใช้อะไรจากมันได้ แล้วก้อนไร้ค่านี้มันจะใช้ได้ได้อย่างไร!”
ชายร่างใหญ่ที่รับผิดชอบในการตัดหินหยาบนั้นเห็นได้ชัดว่าเป็นคนสนิทของหลี่เฟิง เขาเลยรู้ว่าเจ้านายของเขากังวลเรื่องอะไร
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลี่เฟิงก็สงบลงอีกครั้ง หัวใจที่เต้นแรงจนเหมือนจะหลุดออกมาก็กลับไปเป็นเหมือนเดิม
แม้จะบอกว่าหินหยาบของเขานี้จะเล่นเป็นการพนัน แต่ไม่ว่าจะไร้ค่าเพียงใด ก็มีชั้นของหยกอยู่ไม่ใช่เหรอ?
หินหยาบของเย่เทียนคุณภาพแย่จนขายแทบไม่ออก แน่นอนว่าเปิดออกมาแทบไม่เจออะไรเลย คนที่ชนะต้องเป็นเขาไม่ใช่เหรอ!
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หลี่เฟิงก็หันศีรษะไปเร่งเย่เทียน
“ตาแกแล้วล่ะ!”
“ฉันไม่มีกฎเกณฑ์มากเท่าเขาหรอก แค่ตัดลงไปตรงกลางก็พอ”
เย่เทียนยักไหล่ ก่อนจะกลิ้งหินหยาบๆ ใต้ฝ่าเท้าของเขาไป ก่อนจะตะโกนบอกนายช่างที่รับผิดชอบการตัดหิน
ฮ่าๆ!
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา บรรดาผู้ที่ดูจากด้านล่างก็อดหัวเราะไม่ได้ และหลี่เฟิงก็ยิ่งยิ้มอย่างเว่อวังพลางโน้มตัวลง
นายนี่กำลังล้อเล่นเหรอ?
แม้ว่าจะมีคนไม่น้อยที่ไม่รู้จักแวดวงการพนันด้วยหินมากนัก แต่อย่างน้อยพวกเขาก็รู้ ว่าหินหยาบไม่ได้เป็นแค่การสุ่มตัด
ถึงอย่างไร ถ้าเกิดเปิดออกมาแล้วเป็นหยกจริงๆ มันจะไม่ถือเป็นการตัดออกมาจนใช้ไม่ได้เลยเหรอ!
“คนหนุ่มสาวในทุกวันนี้ ไม่รู้จักความถ่อมตนจริงๆ พวกเขาไม่เข้าใจอะไรเลยจริงๆ แต่กลับทำเหมือนกับว่าพวกเขาเข้าใจดี”
“ช่างที่ไม่รู้อะไรเลยแต่ตัดส่งๆไปอย่างนั้น โง่เขลาจริงๆเลย”
“พ่อหนุ่ม อย่าตะโกนโหวกเหวกไปเลย ให้ช่างช่วงแกตัดไปก็พอแล้ว”
กลุ่มผู้ชมนั้นเริ่มพูดคุยขึ้นในทันที โดยที่ไม่ได้รู้สึกว่าหินของเย่เทียนนั้นมันจะน่าดูสักเท่าไหร่ ราวกับว่าพวกเขาสามารถมองเห็นด้านในของหินนั้นได้
ถึงอย่างไร คนหนุ่มสาวที่แสร้งทำเป็นเข้าใจ จะไปคาดหวังให้เขาผ่าออกมาเป็นหยกได้อย่างไร?
“เสี่ยวเย่ หรือไม่ก็ให้นายช่างมาทำแทนสิ”
เหลียงเหวินห้าวเองก็รู้สึกหมดหนทางเช่นกัน แต่ในเมื่อเขาเลือกแล้ว ก็เลยทำได้เพียงเดินไปจนสุดทาง ดังนั้นเขาจึงพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อช่วยเย่เทียน
“ลุงเหลียง เชื่อผม!”
แต่น่าเสียดาย ที่เย่เทียนปฏิเสธความใจดีของเหลียงเหวินห้าวอีกครั้ง เขายิ้มอย่างมั่นใจ ราวกับว่าไม่มีอะไรในโลกนี้ที่จะทำให้เขารู้สึกยากเย็นได้บนโลกใบนี้
“คนแซ่เย่นั้น อย่ามาเสแสร้งอยู่ตรงนั้นเลย ฉันคิดว่าคุณรีบมาเรียกว่าพี่ชาย แล้วก็ไสหัวไปได้แล้ว จะได้ไม่ต้องมาลำบากใจกันมากกว่าเดิม”
ในสายตาของหลี่เฝิงนั้น ฉากนี้มันทำให้เขารู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก จนอดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ยออกมา
ถึงอย่างไรเหลียงเหวินห้าวก็เป็นหุ้นส่วนของตระกูลหลี่ แต่ตอนนี้กลับยอมทิ้งสัญญาของตระกูลหลี่ไป เพื่อเย่เทียน แถมยังทิ้งเหมืองหยกที่มีราคาเป็นกอบเป็นกำไปอีก แล้วเขาจะไม่รู้สึกสับสนในใจได้อย่างไร?
เย่เทียนมีดีอะไรกันแน่? เหลียงเหวินห่าวถึงได้ยินดีที่จะจ่ายทุนมหาศาลเช่นนี้?
“คุณชายหลี่ ฉันคิดว่าคุณควรเตรียมจิตใจให้ดีเสียก่อน มิฉะนั้นฉันว่าเดี๋ยวคุณจะเรียกพ่อไม่ออกนะ!”
เย่เทียนเบ้ปาก ก่อนจะเถียงออกมาอย่างเย็นชา
“เห้อ!”
หลี่เฟิงกลับตอบกลับด้วยการเยาะเย้ยออกมา “ชิชะ คิดไม่ถึงเลยนะว่ากูยังไม่ได้แต่งงาน ก็ได้มีลูกชายโตขนาดนี้…”
เพี๊ยะ!
น่าเสียดายที่ หลี่เฟิงไม่มีโอกาสได้พูดให้จบ คนที่ดูอยู่มากมายก็เห็นอะไรผ่านตาไป ก่อนจะมีเสียงตบดังขึ้นข้างหูอย่างชัดเจน
เมื่อสายตากลับมาเป็นปกติอีกครั้ง หลี่เฟิงที่ยังเถียงอย่างมันปากก็ถูกตบจนกระเด็นออกไปไกลแล้ว
ส่วนคนที่ทำสิ่งนี้ นอกจากเย่เทียนแล้วจะเป็นใครได้อีก?
“เดิมทีฉันเป็นคนใจกว้างนะ แต่ก็มีข้อจำกัดอยู่”
“ใครมันกล้าหาญขนาดนี้จนจะมาเป็นพ่อของกู สำเหนียกดูก่อนเถอะว่ามีคุณสมบัติพอไหม!”
ดวงตาของเย่เทียนนั้นกวาดไปรอบๆอย่างไร้อารมณ์ จนในที่สุดก็กลับไปมองหลี่เฟิง
“ถ้าไม่เห็นว่าแกมีประโยชน์นะ ฉันจะตบให้ตาย ก่อนที่แกจะทำอะไรเสียอีก!”
หลี่เฟิงโดนตบจนตะลึงไป เขาคิดไม่ถึงเลยด้วยซ้ำ ว่าเพียงแค่เถียงกันเย่เทียนจะลงมือแบบนี้
เมื่อเขารู้สึกถึงความเจ็บปวดจากแก้มแล้ว ในที่สุดเขาก็มีสติกลับมา เขามีความโกรธอยู่เต็มอก ก่อนจะจ้องไปที่เย่เทียนอย่างโหดร้าย