ตอนที่ 470 ข้าไม่พนันกับเจ้าหรอก / ตอนที่ 471 ขาทรุดกันพอดี

ชายาหยุดเย้าข้าเสียทีเถิด

ตอนที่ 470 ข้าไม่พนันกับเจ้าหรอก 

 

 

เมื่อครู่แค่เริ่มต้นใช่หรือไม่! เช่นนั้นก็คอยดูเถิด ข้าไม่เชื่อเสียอย่างว่าจะแยกเจ้าออกจากท่านอ๋องไม่ได้ 

 

 

ถึงแม้ข้างนอกแดดจะจัดจ้า แต่อย่างไรก็เป็นต้นฤดูใบไม้ผลิ เปียกโชกไปทั้งตัวก็ยังหนาวมาก หลิงอวี้จื้อลูบไหล่ไปมา 

 

 

“โอ๊ย หนาวจะตายอยู่แล้ว อย่าเป็นหวัดเลย” 

 

 

“คุณหนู จู่ๆ ทำไมถึงตกลงไปในทะเลสาบได้เจ้าคะ คงมิได้จงใจหรอกนะเจ้าคะ!” 

 

 

พอหรูเยียนพูด หลิงอวี้จื้อก็นึกถึงเอวตัวเองว่ายังคงเจ็บแปลบๆ เธอลูบเอวไปมา 

 

 

“ใครจะไปจงใจกระโดดน้ำในวันที่หนาวเย็นเช่นนี้ ข้าเพียงใช้แผนซ้อนแผนเท่านั้น 

 

 

หากเดาไม่ผิด คนที่ปาหินใส่ข้าน่าจะเป็นมู่หรงกวานเสวี่ย ผู้หญิงคนนี้จิตใจอำมหิตนัก ยังดีที่ข้าว่ายน้ำเป็น มิเช่นนั้นคงจมน้ำเกือบตายไปแล้ว” 

 

 

หินเล็กๆ ก้อนเดียวที่ถูกขว้างมากลับมีกำลังแรงเพียงนี้ แสดงว่าคนที่ปาก้อนหินใส่เธอต้องมีกำลังภายในแข็งแกร่ง มิเช่นนั้นจะปาโดนไม่โดนก็เป็นปัญหาแล้ว ในที่เกิดเหตุ คนที่มีความสามารถเช่นนี้ ก็มีเพียงมู่หรงกวานเสวี่ยเท่านั้น ไม่ว่านางคิดจะทำให้เธอขายหน้าหรือว่าคิดจะเอาชีวิตเธอ ก็ล้วนถือว่าเป็นผู้หญิงอำมหิตเหมือนกัน 

 

 

หากมั่วชิงอยู่ เธอก็คงไม่โดนลูกไม้นี้ นี่ก็ถือว่าเป็นเหตุไม่คาดฝัน ดูจากสถานการณ์เช่นนี้แล้ว ต่อไปจะเข้าวัง เธอก็ไม่สามารถพามั่วชิงเข้ามาได้อีกแล้ว 

 

 

ในเมื่อมู่หรงกวานเสวี่ยกล้ากลับมา เธอต้องไปหามู่หรงนี่อวิ๋นและถามให้กระจ่าง ไม่อยากปล่อยให้มู่หรงกวานเสวี่ยลอยไปลอยมาต่อหน้าเธออีกแล้ว 

 

 

สาวใช้ในวังพาหลิงอวี้จื้อไปเปลี่ยนชุดแห้งและสะอาด เพิ่งเปลี่ยนชุดเสร็จก็เจอมู่หรงกวานเสวี่ยข้างนอกพอดี ดูเหมือนนางกำลังรอเธอ 

 

 

มู่หรงกวานเสวี่ยตั้งใจรอเธอที่นี่ หลิงอวี้จื้อมีลางสังหรณ์ไม่ดี เธอยิ้มตาหยีมองมู่หรงกวานเสวี่ย 

 

 

“เจียงฮูหยินคงมิได้ตั้งใจรอข้าหรอกกระมัง!” 

 

 

มู่หรงกวานเสวี่ยแสดงสีหน้าเหยียดหยามโดยไม่ปกปิด นางเดินมาตรงหน้าหลิงอวี้จื้อ 

 

 

“นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะว่ายน้ำเป็น ข้าเสียก้อนหินไปเปล่าๆ เจ้ามิได้รู้สึกว่าตนเองกับท่านอ๋องรักกันปานจะกลืนหรอกหรือ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เรามาพนันกันสักหน่อยดีหรือไม่” 

 

 

“เหตุใดข้าต้องพนันกับเจ้าด้วย เจียงหูหยินว่างมากไม่มีอะไรทำ ก็ไม่ได้หมายความว่าข้าจะว่างมากไม่มีอะไรทำเหมือนเจ้า ไทเฮายังรอเจียงฮูหยินอยู่ เจียงฮูหยินอย่าประวิงเวลาอีกเลย” 

 

 

หลิงอวี้จื้อรู้ว่ามู่หรงกวานเสวี่ยมีเจตนาไม่ดี มั่วชิงก็ไม่อยู่เสียด้วย เธอจึงไม่อยากยุ่งกับมู่หรงกวานเสวี่ย พูดจบก็เตรียมจะไป 

 

 

มู่หรงกวานเสวี่ยจับแขนหลิงอวี้จื้อไว้ หัวเราะลั่น 

 

 

“คิดจะไป ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก ความแค้นที่เจ้าแทงข้า ข้าจดจำไว้อย่างแม่นยำ นี่เป็นโอกาสทองแล้ว ข้าจะพลาดได้อย่างไร” 

 

 

พูดจบก็มีหินก้อนหนึ่งตีเข้าด้านหลังศีรษะของหรูเยียน หรูเยียนสลบล้มพับทันที 

 

 

ตอนแรกนางคิดจะแอบวิ่งไปเรียกคน นึกไม่ถึงว่ามู่หรงกวานเสวี่ยจะรู้ตัว หลิงอวี้จื้อมองมู่หรงกวานเสวี่ยด้วยความตกใจ นางไม่ได้หันไปด้วยซ้ำ รู้ตำแหน่งของหรูเยียนได้อย่างไร 

 

 

“เจ้าวางใจเถิด นางยังไม่ตาย ข้าไม่จำเป็นต้องไปหาเรื่องสาวใช้แค่คนหนึ่ง” 

 

 

พูดจบมู่หรงกวานเสวี่ยก็ไปกดจุดบนตัวหลิงอวี้จื้อ หลิงอวี้จื้อขยับตัวไม่ได้ทันที 

 

 

“เจ้าไม่ต้องกลัว ข้าไม่เอาชีวิตเจ้าหรอก เช่นนั้นก็ไม่สนุกสิ นี่เป็นของขวัญวันแต่งงานที่ข้ามอบให้เจ้า เชิญคุณหนูหลิงยิ้มรับไปแต่โดยดี” 

 

 

พูดจบก็เทยาเม็ดสีดำออกมาเม็ดหนึ่งแล้วใส่เข้าไปในปากหลิงอวี้จื้อ บังคับให้หลิงอวี้จื้อกลืนลงไป 

 

 

หลิงอวี้จื้อรู้สึกเพียงว่าสิ่งนั้นกลิ้งผ่านคอลงไปแล้ว เธอด่ายกใหญ่ด้วยความโกรธ 

 

 

“หากข้าเป็นเจ้า ชีวิตนี้คงไม่กลับมาเหยียบเมืองหลวงอีกแล้ว ถึงแม้กลับมาก็คงไม่กล้ามาปรากฏตัวในวงสังคมอีก เจ้านึกว่าตัวเองเป็นจิ้งจอกเก้าหางจริงๆ หรือ” 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 471 ขาทรุดกันพอดี 

 

 

“หากข้าจะตาย ข้าก็จะต้องลากเจ้าลงหลุมไปด้วย มียานี้แล้ว ข้าไม่เชื่อว่าท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์จะกล้าลงมือกับข้า รับไปเสียดีๆ เถิด อย่างมากสุดเจ้าก็อวยพรให้ข้าอายุยืนร้อยปีแล้วกัน มิเช่นนั้นเจ้าก็จะตายเช่นกัน” 

 

 

ทิ้งประโยคนี้ไว้ มู่หรงกวานเสวี่ยก็เดินจากไปโดยไม่หันกลับมา ปล่อยให้หลิงอวี้จื้อยืนอยู่ที่เดิม 

 

 

หรูเยียนสลบไปแล้ว เธอขยับตัวไม่ได้ หากรอให้จุดลมปราณคลายเอง อย่างน้อยต้องใช้เวลาสองสามชั่วโมง ปล่อยให้เธอยืนตรงนี้ไม่ขยับเขยื้อนสองสามชั่วโมง ขาคงทรุดพอดี 

 

 

เมื่อครู่เพิ่งจะระบายความแค้นไปได้ ต่อมาดันเจอเรื่องแบบนี้เข้าไปอีก ซวยแท้ๆ 

 

 

มู่หรงกวานเสวี่ย ไอ้คนจิตวิปริต นางเอาอะไรให้เธอกินกันแน่ เธอต้องกลับไปให้มั่วชิงดูให้เร็วที่สุด หากเป็นพิษปลุกเสกขึ้นมา จะทำอย่างไร 

 

 

ในภาพจำของเธอ สำนักอู๋จี๋ไม่มียาพิษที่ปกติทั่วไป ล้วนแต่เป็นพิษที่ทำให้คนไม่เป็นคน ผีไม่เป็นผี เวลาอีกไม่ถึงครึ่งเดือนเธอก็จะออกเรือนแล้ว ท่านเทวดาอย่างล้อเล่นกับเธออย่างนี้ได้ไหม นึกไม่ถึงว่าจะแต่งงานสักทีทำไมถึงยากเย็นเพียงนี้ แทบจะไปอัญเชิญพระคัมภีร์จากชมพูทวีปได้แล้ว 

 

 

“ใครก็ได้มาที มีคนบ้างหรือไม่” 

 

 

หลิงอวี้จื้อแหกปากตะโกน 

 

 

เพียงแต่ไม่มีใครสักคนตอบกลับมา เห็นได้ชัดว่ามู่หรงกวานเสวี่ยจัดการบริเวณนี้เรียบร้อยแล้ว 

 

 

ไม่ไกลจากโถงทางเดิน เฉินปี้และซูฮว่าแอบอยู่หลังเสา เฉินปี้ได้ยินบทสนทนาของทั้งสองคนเมื่อครู่นี้แล้ว เห็นหลิงอวี้จื้อถูกป้อนยาพิษ นางก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมา ถือว่ามู่หรงกวานเสวี่ยได้ระบายความแค้นให้นางแล้ว 

 

 

“สมน้ำหน้าคุณหนูหลิงจริงๆ นึกไม่ถึงว่าจะไปหาเรื่องเจียงฮูหยินเข้า อย่างดีก็ถูกเจียงฮูหยินวางพิษจนตาย” 

 

 

ซูฮว่าพูดด้วยความรู้สึกมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น 

 

 

“นางตายไม่ได้หรอก เจียงฮูหยินมิได้มีเจตนาจะเอาชีวิตนาง นี่จะกลายเป็นโอกาสของข้า” 

 

 

หวนคิดอีกที ใจเฉินปี้ก็มีแผนการแล้ว 

 

 

ซู่ฮว่าไม่เข้าใจที่ความหมายของเฉินปี้ ถามต่อ 

 

 

“คุณหนู คุณหนูคิดจะทำอะไรหรือเจ้าคะ หากคุณหนูหลิงเกิดเรื่อง เช่นนั้นต่อไปพระชายาของท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ก็คือคุณหนูสิเจ้าคะ” 

 

 

“ตอนนี้นางยังเกิดเรื่องไม่ได้ ยังไม่ได้ใจของท่านอ๋อง ข้าก็เป็นพระชายาท่านอ๋องไม่ได้ ถึงเวลาเจ้าก็จะรู้เอง พวกเราไปเถิด! เดินอ้อมไป อย่าให้หลิงอวี้จื้อเห็นได้” 

 

 

“เจ้าค่ะ คุณหนู” 

 

 

ซู่ฮว่ารับคำ ประคองเฉินปี้เดินออกไปอีกทาง 

 

 

หลิงอวี้จื้อตะโกนติดต่อกันเป็นสิบครั้งก็ไม่มีคนมา 

 

 

เธอตะโกนจนเริ่มเหนื่อยแล้ว ปากคอแห้งผาก ขาก็เริ่มเมื่อยล้า ขณะที่ใจสิ้นหวังแล้ว จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินมาทางนี้ ความหวังในใจเธอจุดติดขึ้นมาอีกครั้ง ตะโกนเสียงดัง 

 

 

“ทางนี้ ทางนี้…” 

 

 

ยิ่งเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา เธอก็มองเห็นคนที่มาชัดเจนขึ้น ตะลึงงันทันที เวรกรรม นึกไม่ถึงว่าจะเป็นเฉินมั่วฉือ ช่างเถอะ ไม่ว่าเป็นใคร ให้คลายจุดลมปราณเธอก่อนค่อยว่ากัน 

 

 

เฉินมั่วฉือเร่งฝีเท้าเดินมาตรงหน้าหลิงอวี้จื้อ ทำหน้าขรึม 

 

 

“อยู่ไกลโพ้นก็ได้ยินเสียงเจ้า เกิดอะไรขึ้นกันแน่” 

 

 

“ฝ่าบาท ทรงศึกษาศิลปะการต่อสู้มาแล้วมิใช่หรือเพคะ คลายจุดลมปราณเป็นหรือไม่เพคะ รีบช่วยหม่อมฉันคลายจุดทีเถิดเพคะ” 

 

 

หลิงอวี้จื้อปากคอแห้งผาก ไม่มีแรงแล้วจริงๆ กระหายน้ำแทบทนไม่ไหวแล้ว 

 

 

แต่เฉินมั่วฉือกลับไม่รีบคลายจุดให้หลิงอวี้จื้อ หน้าที่เดิมทีบึ้งตึงกลับปรากฏรอยยิ้ม 

 

 

“ใครทำเช่นนี้” 

 

 

“พระมาตุจฉาของฝ่าบาทน่ะสิเพคะ” 

 

 

“ครั้งนี้ท่านป้าทำสิ่งที่ตรงใจข้ายิ่งนัก” 

 

 

หลิงอวี้จื้อด่าฮ่องเต้น้อยในใจหนึ่งยก สมกับเป็นคนครอบครัวเดียวกัน นึกไม่ถึงว่าเขาจะชอบเห็นเธอขายหน้า แต่ตอนนี้การคลายจุดสำคัญที่สุด หลิงอวี้จื้อยิ้มเอาใจ 

 

 

“ฝ่าบาทช่วยหม่อมฉันคลายจุดลมปราณก่อนแล้วค่อยคุยเถิดเพคะ! หม่อมฉันเจ็บเท้าจะตายอยู่แล้ว”