คนๆ อื่นไม่มีการเคลื่อนไหวและเหตุผลแบบนี้ มีเพียงแต่สิงหา และวินดา……
ลูกกระเดือกขยับเล็กน้อย ออกัสให้ผู้ช่วยเตโชเข้ามา ออกคำสั่งให้ผู้ช่วยเตโชสะกดรอยตามสิงหาแบบลับๆ
ตอนนี้เขาต้องการยืนยันเรื่องนี้ ยืนยันความคิดของเขา
ผู้ช่วยเตโชจากไป เขาพิงอยู่ตรงเก้าอี้หนัง คิดวิเคราะห์จนเหม่อลอย เหมือนว่านี่เป็นบ้านอันมืดมิด คลี่ยังไงก็คลี่ไม่ออก
ในขณะเดียวกัน เจ้าของร้านโจ๊กก็ไม่ได้รับข่าวว่าไม่ต้องสารใส่เจือปนอีก ดังนั้นยังคงใส่สารเจือปนในโจ๊กบาร์เลย์ทุกวัน
พอพูดกลับมาแล้ว เขาช่างใจกว้างมากจริงๆ ให้เงินเธอไปแปดแสน ให้เขาใส่สารเจือปนอยู่ข้างใน แต่ว่าปริมาณการใส่ห้องโหด
นี่มีปัญหาอะไร?
แปดแสนเลยนะ! ก็แค่ใส่สารเจือปนที่ทำให้คนทานแล้วติด แล้วทำโจ๊กบาร์เลย์เล็กน้อย
โจ๊กบาร์เลย์ก็เป็นชายชุดสูทคนนั้นให้เขาทำเป็นพิเศษ จริงๆ แล้วร้านอาหารนี้มีโจ๊กชุดนี้ เขาตั้งใจเพิ่มให้เอง อีกอย่างก็เป็นของมีประโยชน์ เพิ่มไปก็ไม่เสียหายอะไร
สำหรับเพราะเหตุผลอะไรนั้น เขาไม่ได้ใส่ใจ และไม่ได้สนใจ ขอแค่ได้เงิน ไม่ได้ไปฆ่าคนเผาไฟสักหน่อย ทำไมเขาถึงไม่เอาล่ะ?
ก็ยังเป็นคำพูดนั้นที่ถูก คนที่มีเงินจะทำอะไรก็ได้
พึมพำเพลงอยู่ตรงฝีปาก เจ้าของร้านโจ๊กถูกพื้น กวาดพื้น ล้างจาน
มีเสียงเท้าเดินดังผ่านเข้ามา จากนั้นก็มีเงาอันกว้างใหญ่ปกคลุมเข้ามา เจ้าของร้านไม่ได้เงยหน้าขึ้น แค่เอ่ยขึ้นว่า “อาหารเช้าจบลงแล้ว ไม่เปิดทำการแล้วครับ”
“งั้นเหรอ?” ออกัสจ้องตาเขาแน่น ขยับริมฝีปาก สำหรับโจ๊กบาร์เลย์ นายมีอะไรอยากพูดหรือเปล่า?”
โจ๊กบาร์เลย์……
เจ้าของร้านไม่ได้มีการตอบสนองที่แปลกใจเลย แต่เงยหน้าขึ้น เอ่ยปากขึ้นด้วยความแปลกใจว่า “โจ๊กบาร์เลย์มีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ?”
“ฉันเป็นคนไม่ชอบที่คนอื่นอ้อมค้อมกับฉัน ความอดทนของฉันไม่ได้ดีมาก……” น้ำเสียงที่ต่ำของเขามีคำเตือนแฝงอยู่แล้ว
“คำพูดของคุณชายช่างลึกซึ้งเดายากจริงๆ ผมไม่เข้าใจ” เจ้าของร้อนส่ายหัว
“ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา……” นัยน์ตาของออกัสเย็นชาดั่งน้ำแข็ง “งั้นฉันขอเตือนนาย สารเจือปน……”
เจ้าของร้านไม่ยอมรับ ส่ายหัว กัดฟันว่าตนเองไม่ใส่สารเจือปนในโจ๊ก
ไม่ตอบกลับเขา ออกัสกดโทรออกไปเลย ประตูร้านอาหารถูกผลักออกอีกครั้ง ตำรวจสองท่านเดินเข้ามา พาตัวเจ้าของร้านไปเลย
ลุกขึ้น ออกัสนั่งเข้าไปในรถ ผู้ช่วยเตโชสตาร์รถ ตามรถตำรวจตรงข้างหน้าไป
นำผลรายงานการตรวจเจอสารเจือปนไว้ตรงหน้าของเจ้าของร้าน ตำรวจนั่งลง “ตอนนี้มีอะไรจะพูดอีกหรือเปล่า?”
หลังจากวางอยู่ตรงหน้าแล้ว ไม่สามารถปฏิเสธต่อไปได้แล้ว จึงจะซื่อสัตย์ขึ้นมา เจ้าของร้านพยักหน้า ยอมรับว่าได้ใส่สารเจือปนพิเศษลงไปในอาหารจริงๆ
ออกัสนั่งอยู่ข้างหายของตำรวจทั้งสอง ข้างหน้ามีกาแฟวางอยู่ เขาจ้องอยู่ตลอดเวลา
“ทำไมถึงใส่สารเจือปนแค่ในโจ๊กบาร์เลย์?” ตำรวจเอ่ยปากพูด
“จะมีคำว่าทำไมมากมายขนาดนี้ทำไม แน่นอนว่าเพราะหาเงินไงครับ!” เจ้าของร้านพูดพึมพำ เสียงเบามาก ไม่มีใครได้ยิน วินาทีต่อไปก็เปลี่ยนสีหน้า พูดขอโทษจริงจังอย่างผิดปกติ “ผมรู้ว่าตนเองผิดแล้ว และสัญญาว่าครั้งหน้าจะไม่ทำความผิดนี้อีก ผมยอมให้ความร่วมมือกับการทำงานของคุณตำรวจครับ”
ตำรวจเคาะโต๊ะเบาๆ พูดซ้ำอีกครั้งว่า “ทำไมถึงใส่สารเจือปนในโจ๊กบาร์เลย์ ฟังคำถามของผมให้เข้าใจ”
“แน่นอนเป็นเพราะว่าโจ๊กบาร์เลย์แพง น้ำเต้าหู้และข้าวสีนิวแค่ถ้วยละบาท ส่วนโจ๊กบาร์เลย์นั้นต้องสี่บาทต่อหนึ่งถ้วน มีเพียงแต่ใส่ในโจ๊กบาร์เลย์จึงจะคุ้มค่า แล้วก็คุณตำรวจครับ การที่ใส่สารเจือปนในอาหารไม่ได้มีเพียงแค่ร้านผมร้านเดียว ทำไมต้องจับผมด้วย?”
ตามที่เขารู้ร้านที่ใส่สารเจือปนอย่างน้อยมีเจ็ดร้าน ทำไมถึงพาเธอกลับสถานีตำรวจคนเดียวล่ะ?
“ทำไมพูดมากขนาดนี้เนี่ย!” ตำรวจพร่ำบ่นด้วยความรำคาญ
มีคำว่าทำไมมากมายขนาดนั้นทำไม แน่นอนเป็นเพราะเขาสร้างเรื่องบาดหมางกับคนที่ไม่ควร เช่น ประธานออกัส!
ตอนนี้ ก็แค่โทษได้ว่าคนเองสมควรแล้ว ช่องปืนของผู้คนมากมายไม่ไปชน ดันมาชนกับช่องปืนของประธานออกัส นี่รนหาที่ตายเองไม่ใช่เหรอ?
สิ่งที่ควรถามก็ถามไปพอสมควรแล้ว ตำรวจหันไปมองออกัส ให้แสดงความหมายของเขา “ประธานออกัส ตอนนี้–”
ยังไม่รอให้เขาพูดจบ ออกัสก็พูดแทรกเขาแล้ว “ออกไปเถอะ”
พยักหน้า ตำรวจทั้งสองเดินออกจากห้องทำงานไป แล้วปิดประตูไปด้วย ยกกาแฟขึ้น ค่อยๆ ขยับเบาๆ ไม่พูดอะไร
ดังนั้น ในห้องทำงานเหลือเพียงพวกเขาสองคน ไม่มีคนพูดอะไร อาศัยอยู่ในบรรยากาศที่แปลกๆ และตึงแน่น
คนแบบนี้มีความรู้สึกกดขี่แรงเกินไป เจ้าของร้านอาหารขยับร่างกาย “คุณได้ละเมิดความเป็นส่วนตัว”
“อืม……” ตอบกลับอย่างจริงใจ ออกัสจับไปยังใต้คาง เห็นด้วยกับคำพูดของเขา “ใครให้นายใส่สารเจือปนลงไป?”
“ฉันใส่เอง” หัวหน้าร้านเงยหน้าขึ้น สบตากับนัยน์ตาของเขา
นิ้วมือลูบอยู่ที่แก้วกาแฟเบาๆ น้อยมากที่ออกัสจะพูดต่อด้วยความอดทนว่า “ให้โอกาสนายอีกครั้ง ใครเป็นคนให้นายใส่สารเจือปนลงในอาหาร?”
คำถามยังคงไม่เปลี่ยน เจ้าของร้านอาหารพูดเหมือนเดิม
งั้น ก็ไม่มีความจำเป็นต้องคุยต่อแล้ว นิ้วที่เรียวยาวของเขาจัดเสื้อผ้าบนร่างกาย เขาลุกขึ้น แล้วจากไป
จากนั้น ตำรวจเดินเข้ามา พาเจ้าของร้านอาหารเข้าไปในคุก
“ผมทำผิดแล้วจริงๆ อีกอย่างก็ยอมรับผิดแล้ว จะสามารถปล่อยผมออกไปได้ตอนไหน?”
“ณ ตอนนี้ยังไม่รู้”
ทิ้งประโยคนี้ไว้ ตำรวจจากไป เจ้าของร้านพิงร่างกายอยู่ตรงกำแพง หายใจเยือกใหญ่
เมื่อกี้ตกใจในผู้ชายคนนั้นมากจริงๆ แต่โชคดีที่กดทับไว้ได้ทั้งหมด ไม่ได้เผยอารมณ์อะไรออกมาทั้งนั้น!
ไม่ว่ายังไง เขาก็ไม่มีทางยอมรับว่าใครเป็นคนใส่สารเจือปนลงไป!
ผู้ชายที่ให้เขาใส่สารเจือปนลงในอาการเคยใช้ปืนข่มขู่เขา หากเรื่องราวถูกเขาแพร่ออกไป อะไรที่ควรพูดอะไรที่ไม่ควรพูดตัวเขาต้องคิดวิเคราะห์ดีๆ
ปืนสีดำชี้อยู่ตรงศีรษะของเขา ในขณะเดียวกัน ผู้ชายคนนั้นยังพูดอีกว่าเขาจะแจ้งความก็ได้ ถึงแม้เขาจะถูกจับเข้าไป ก็ยังมีผองเพื่อนนับไม่ถ้วนคอยแก้แค้นให้เขา สภาพแวดล้อมบ้านเขา ที่อยู่ โรงเรียนที่ลูกเรียน ฝ่ายตรงข้ามรู้อย่างชัดเจน
ขอแค่กัดฟันพูดว่าไม่ได้ทำ ไม่เพียงแต่ได้รับแปดแสน ยังสามารถปกป้องชีวิตของคนในบ้านได้ด้วย!
ทว่าหากพูดในส่วนที่ไม่ควรพูดออกไป งั้นผลที่ตามมาคงจะคิดได้ยาก
ไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการกลับมา ออกัสไม่ได้ใส่ใจ เขาให้ตำรวจไปสิบการบันทึกของกล้องวงจร
ในกล้องวงจรทุกอย่างปกติ ไม่มีตรงไหนที่แปลก ไม่ว่าในร้าน หรือว่ากล้องวงจรข้างหลัง แม้กระทั่งสารเจือปนเจ้าของร้านก็ใส่ลงไปเองกับมือ
เขาได้ดูกล้องวงจรปิดทั้งหมดแล้ว ไม่มีจุดที่ทำให้เขารู้สึกแปลกใจ
เขาคิดว่าน่าจะไม่เกิดปัญหาอะไร สัญชาตญาณบอกกับเขาว่า มียางจุดที่ไม่ปกติจริงๆ ..